xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เรียก “เทือก-กษิต-ประวิตร” ถกแผนรองรับศาลเขมรชี้ชะตา 7 คนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
“มาร์ค” เรียก “เทพเทือก-กษิต-ประวิตร” ถกด่วนแนวทางช่วย 7 คนไทย ลั่นได้ 7 คนไทยคืน สางปัญหาเขตแดนแน่ ระบุเหตุทหารยิงคนเขมรเพราะรุกแดนเข้ามาตัดไม้แล้วต่อสู้ จะนำไปเทียบเคียงกับ 7 คนไทยไม่ได้ บอกเข้าใจพวกวิจารณ์ขี้ขาด แต่อาจมีข้อมูลที่ไม่ตรงกับรัฐบาล

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์  

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือ 7 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมในข้อหารุกล้ำดินแดนว่า วันนี้ทางญาติได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยม และในส่วนของคดีก็เดินต่อ เข้าใจว่าเป็นการไต่สวนในส่วนพยานฝ่ายเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา ซึ่งตนได้เชิญนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มาหารือเพื่อเตรียมแนวทางรองรับต่อไป โดยเป้าหมายคือช่วยเหลือ 7 คน ที่สำคัญต้องไม่กระทบกระเทือนสิทธิของประเทศ ตอนนี้กำลังติดตามคดีซึ่งต้องดูว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร โดยจะดูวันจันทร์และวันอังคารนี้

ส่วนไทยจะเปลี่ยนนโยบายจากการตั้งรับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กำลังดูแนวโน้มของคดีวันจันทร์และวันอังคารนี้ ซึ่งจากการที่ทนายเข้าไปก็ยังเป็นเรื่องของการไต่สวนของอีกฝ่าย แต่ส่วนใหญ่ตัวเรื่องไม่ได้สลับซับซ้อนมาก และในการหารือวันนี้คงจะมีการกำหนดแนวทางกันไว้ แต่อาจจะขออนุญาตเปิดเผยในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยืนยันว่าจะต้องมีการติดตาม และทบทวน เพราะแม้กระทั่งข่าวสารที่กัมพูชาเสนอแสดงให้เห็นว่าถ้าไม่มีการสะสางเรื่องนี้จะทำให้เกิดปัญหาที่จะลุกลามบานปลายได้

เมื่อถามต่อว่าจะสะสางปัญหาไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องแนวเขตแดนยังไม่มีข้อยุติในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกัน สภาพของชุมชนที่อยู่อาศัยมีลักษณะรุกล้ำกันอยู่ทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นต้องดูแนวทางปฏิบัติเป็นอย่างไร เพราะปกติถ้าจะให้ชาวบ้านใช้วิถีชีวิตปกติ เขาก็จะไปมาหาสู่กัน แต่พอมีคนนอกและมีความสงสัยหวาดระแวงก็เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันได้ ฉะนั้นดีที่สุดคือต้องเริ่มมากำหนดแนวทางวิธีการปฏิบัติให้มีความชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมทางกัมพูชาเสนอข่าว 7 คนไทยอาจได้รับการประกันตัวหลังวันที่ 14 ม.ค. นายอภิสิทธิ์กล่าวปฏิเสธว่าไม่ทราบ แต่เรื่องข่าวสารต้องระมัดระวัง เพราะจะสับสนมาก และตนเองไม่อยากให้ไปคาดการณ์คาดหวังอะไรกันมาก เพราะบางทีข่าวจะออกมาขัดแย้งกันบ้าง สำหรับข้อหาขณะนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม

ส่วนกรณีที่สื่อกัมพูชาประโคมข่าวว่าทหารไทยไล่ยิงคนกัมพูชานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องไล่ยิงไม่มี แต่เวลาที่มีการรุกล้ำเข้ามา และบางครั้งก็เป็นเรื่องของการมาตัดไม้ เวลาเจ้าหน้าที่เข้าไปมีการต่อสู้ ถ้ามีกรณีการยิงจะเป็นกรณีที่คนรุกล้ำเข้ามามีอาวุธด้วย ฉะนั้นคงจะไปเทียบเคียงกับกรณีของ 7 คนคงไม่ได้ แต่ถามว่ามีกระทบกระทั่งกันอย่างนี้บ้างไหม ก็ต้องตอบว่ามี และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีการจับกุม แต่ไม่มีเรื่องยิง

เมื่อถามว่า ภาพล่าสุดที่เขานำมาเปิดเผยในช่วงเวลาที่ศาลกัมพูชากำลังมีการตัดสินกรณี 7 คนไทย เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าจะเป็นสภาพที่เห็นได้ชัดว่า ทั้ง 2 ประเทศมีกระแสทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉะนั้นนี่คือเหตุผลที่ตนต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นต่างๆ เพราะจะถูกตีความ เมื่อถามต่อว่า ระดับรัฐบาลกับรัฐบาลไม่สามารถคุยกันได้หรืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คุยกันได้ แต่เวลานี้ทางกัมพูชาจะบอกว่า มันไม่ใช่ในส่วนของการบริหารเขาจะบอกว่า อยู่ในส่วนของศาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นายกฯ กล่าวว่า ตนก็คิดอย่างนั้น และพูดอย่างนั้นมาตั้งแต่ต้น ซึ่งยืนยันทั้ง 2 ประเทศต้องช่วยกันทำให้ความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี เพราะประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายมีมาก ไม่ควรให้เรื่องหนึ่งเรื่องใด หรือเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดมากระทบ ขณะเดียวกันแต่ละประเทศต้องรักษาสิทธิ รักษาอธิปไตยของตนเอง

เมื่อถามว่าจะถึงขั้นลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนั้น เมื่อถามต่อว่า หากพื้นที่ตรงนั้นไม่ปลอดภัยทางยูเอ็นเอชซีอาร์คงไม่ขอให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นที่อยู่ผู้ลี้ภัย แสดงว่าเป็นพื้นที่ของเรา พอเสร็จเหตุการณ์พวกนี้ไม่กลับ แต่กลับขยายบ้านเรือนต่อ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สภาพการลุกล้ำมันเกิดหลายจุด และแนวที่กำหนดไว้ก็เป็นความพยายามในการป้องกันไม่ให้ขยายตัว เลยกลายเป็นปัญหาอีกทางหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่า ตอนที่ทำรั้วลวดหนามในสภาพเดียวกันหลายๆ จุด แต่ทำไปทำมา กลายเป็นการห้ามคนข้ามไปทางโน้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เราทำตัวเป็นแมนเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สภาพอย่างนี้เกิดขึ้นมา 30 ปี ถือเป็นความเดือดร้อนต่อเนื่อง จึงได้บอกว่าเรื่องนี้ต้องมีการทบทวนว่าจะต้องทำอย่างไร เพียงแต่ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม

ส่วนกรณีที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาย้ำว่า ทั้ง 7 คนถูกจับในดินแดนไทย พร้อมมีการเสนอแผนที่ต่างๆ ตรงข้ามกับรัฐบาลชี้แจงนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องว่ากันไปตามความเป็นจริง ตนเห็นว่าเขาไม่ได้โต้แย้งเรื่องพิกัดในส่วนที่มีการจับกุม แต่มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับแผนที่ ซึ่งตนได้ยืนยันมาโดยตลอด ในจุดที่พูดถึงเอกสารสิทธิของหมู่บ้านตามแผนที่ที่เราใช้อยู่ถือว่า อยู่ฝั่งไทยทั้งหมด ซึ่งปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียนมาว่า เข้าไปทำกินไม่ได้ ซึ่งตนได้รับไว้จะมีการแก้ไขต่อไป แต่เป็นคนละประเด็นกันกับประเด็นอื่น ทั้งเรื่องบ่อน้ำ และค่าย ซึ่งอยากให้ไปตรวจสอบข้อมูลให้ดี เพราะเอกสารของหน่วยงานที่ทำเรื่องนี้ คือ ยูเอ็น วีอาร์โอ ซึ่งมีเอกสารบ่งชี้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่มีการมาอ้างกัน

“ผมไม่อยากให้มาขัดแย้งกันเองภายในประเทศ และขอเรียนว่าพอสถานการณ์คลี่คลายในระดับหนึ่งจะชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ทุกอย่างต้องโปร่งใส ปัญหาตอนนี้คือ ต้องเอาตัว 7 คนไทยกลับมาก่อน ส่วนเรื่องปัญหาชายแดนแนวที่ใช้กันมาคือ ใช้แนวทางเจรจาภายใต้กรอบเอ็มโอยู กับเจบีซี ซึ่งไม่ได้มีปัญหา เพียงแต่เมื่อเกิดการกระทบกระทั่งขึ้น จะต้องดูว่ามีแนวปฏิบัติอย่างไรที่ไม่ให้ส่งผลลุกลามบานปลาย และกระทบกับคน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการคุยกับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการประสานงานหลายๆ ระดับ และจะเลือกวิธีการรูปแบบที่เหมาะสม เมื่อถามว่า คิดว่าท่าทีรัฐบาลเหมาะสมแล้วหรือยัง เพราะบางฝ่ายมองว่า ขี้ขาดเกินที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์ตนเองเข้าใจ ไม่มีใครอยากเห็นคนไทยโดยเฉพาะ 7 คนนี้ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ เพียงแต่การวิพากษ์วิจารณ์จากการที่ตนสังเกตดู อาจอยู่บนฐานข้อมูลซึ่งไม่ตรงกับที่รัฐบาลมี

ต่อข้อถามว่าผิดใช่ไหม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อันนี้เป็นหลายส่วน เช่น ความคิดเห็นที่อาจจะไม่ทราบว่ามีการดำเนินการอะไร อย่างไรบ้าง เพราะการทำงานในเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่สิ่งที่ต้องมาพูด หรือบรรยาย หรือเปิดเผยได้ทั้งหมด แต่ขอยืนยันว่าทุกอย่างรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมของคนไทย และเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายและจังหวะเวลาที่เหมาะสมก็พร้อมที่จะชี้แจง



กำลังโหลดความคิดเห็น