“ยะใส” อัด “มาร์ค” ไม่รู้จักใช้องค์กรโลกให้เกิดประโยชน์ ซัดอย่าตีความฝ่ายเดียว เชื่อคำพิพากษาศาลเขมรก่อปัญหาเขตแดนอีกหลายจุด ระบุการต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่ากู้ชาติ วอนพี่น้องมาช่วยกันสร้างชาติและปกป้องอธิปไตย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสุริยะใส กตะศิลา”
วันที่ 26 ม.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า มีคนถามว่าไปไหน ทำไมไม่มาปราศรัย ที่ไม่มาเพราะติดธุระ เมื่อมาแล้วอยู่หลังเวที สักพักก็มีเจ้าหน้าที่เอเอสทีวีเอาหมายศาลมาให้ในข้อหาหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ความขมขื่นที่พวกเราสะสมและเหยียบไว้มีกันทุกคน แต่ก็ไม่เท่าพี่น้องที่เข้าร่วมชุมนุมต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ เมื่อครั้งชุมนุม 193 วัน เรายังจำวีรกรรมพวกเขาได้ดีไม่เคยลืม เมื่อครั้งชุมนุม 193 วัน ตนพูดตลอดว่าครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต ไม่เคยคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ที่เราหวังฝากผีฝากไข้จะทำให้เราเสียดินแดน การต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรอบนี้ถือได้ว่าเป็นการเกิดใหม่ ความทรงจำที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พี่น้องต้องแยกแยะว่าอะไรควรจำ อะไรควรลืม จำได้หรือไม่ว่า พลังพันธมิตรฯ คือพลังอิสระ ต่อสู้เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บ้านเมือง พันธมิตรฯ ที่เคยร่วมชุมนุมไม่ว่าด้วยแนวคิดเพราะต้องการไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เมื่อได้มาแล้วไม่เอาอภิสิทธิ์แล้วจะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี หากพี่น้องตอบคำถามนี้ไม่ได้เราก็ไม่อาจเกิดใหม่ได้ สร้างชาติและปกป้องอธิปไตยให้ลูกหลาน นี่คือจุดมุ่งหมายของเรา
เรามาถูกทางแล้วที่ใช้ข้อมูลเหตุผลสู้กับรัฐบาล เราสู้แล้วรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ เนื่องจากเราใช้ข้อมูลความจริง และการชุมนุมครั้งนี้เราเริ่มต้นที่หมื่นคน เมื่อย้อนกลับไปดูการชุมนุมที่ผ่านมาเริ่มจากหอประชุมธรรมศาสตร์เราเริ่มอย่างมากก็พันคน เรื่อยมาประชุมที่สนามหลวง สวนลุมฯ คนเยอะขึ้นเรื่อยๆ จากพันเป็นหมื่น จนเป็นแสน สามารถล้มรัฐบาลได้ อย่างไรก็ดี หนทางที่จะนำไปสู่ชัยชนะที่ถาวร เราต้องกำจัดความคิดที่ว่า ทำไมต้องไล่ทุกรัฐบาล เพราะเราประกาศจุดยืนไว้ชัดเจนแต่ต้น นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างจากการเป็นร่างทรงของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เรากำลังสู้กับระบอบความต่อเนื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ การต่อสู้ครั้งนี้เป็นพลังแห่งศีลธรรมจริงๆ ไม่ใช่เครื่องมือกลุ่มใด เป็นการต่อสู้ที่ไกลกว่ากู้ชาติ คือสร้างชาติและปกป้องแผ่นดิน เอาผลประโยชน์ของชาติเป็นเดิมพัน
นายสุริยะใสกล่าวถึงสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้ทำในกรณี 7 คนไทยถูกจับกุมและกรณีเขาพระวิหารว่า ตนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวบอกว่าไม่ต้องการเอ็มโอยู 43 แต่รัฐบาลไม่กล้ายกเลิก กลับพยายามป้ายสีใส่ร้ายผู้ชุมนุมว่ามีวาะรซ่อนเร้น เป็นไปไม่ได้ การเดินเกมในระดับสากลของรัฐบาลสะท้อนความไม่เอาไหนของกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลไม่ได้สื่อสารกับสหประชาชาติว่ากัมพูชาผิดข้อตกลงในเอ็มโอยูอย่างไร ไม่รู้จักใช้องค์กรโลกให้เกิดประโยชน์ต่อคนไทย ใช้แต่ความสัมพันธ์ของนายสุเทพ สุดท้ายไทยก็เพลี่ยงพล้ำตลอด ขณะที่ฮุนเซนยื่นข้อมูลข้อพิพาทให้ยูเอ็น ฮุนเซนทำงานกับประชาคมโลก
ทั้งนี้ อีกอย่างที่รัฐไม่ได้ทำ คือ ทันทีที่ 7 คนไทยถูกจับกุม รัฐบาลต้องออกแถลงการปกป้องศักดิ์ศรีประเทศ ศักดิ์ศรีพลเมืองไทย เพราะทั้ง 7 คนได้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อกัมพูชาปล่อย 5 คนไทยมาแล้ว นากยกฯ บอกว่าศาลกัมพูชาตัดสินไม่ผูกมัดเขตแดน แล้วคิดหรือว่า ฮุนเซนจะฟังคำพูดของนายกฯ เพราะฮุนเซนไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายกฯ ถ้านายกฯ พูดเช่นนี้ สมมติว่าหลังเลือกตั้งมีนายกฯ ชื่อมิ่งขวัญ ถึงวันนั้นนายกฯ จะมาชุมนุมกับเราหรือไม่ เพราะคำวินิจฉัยก็ไม่ได้ผูกมัดนายมิ่งขวัญเหมือนกัน เรื่องนี้วิธีแก้ปัญหาอย่างถาวร คือ ยกเลิกเอ็มโอยู 43 แล้วจะทำให้ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาบริหารก็จะไม่มีปัญหาทีหลัง เหมือนกรณีลื้อป้ายบนเขาพระวิหาร ต้องใช้ความกล้าหาญของแม่ทัพภาคที่ 2 เขมรถึงยอมรื้อป้าย
นายสุริยะใสกล่าวว่า ชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้ไล่รัฐบาล รัฐบาลอย่ายุบสภาหนี การยุบสภาไม่ได้แก้ปัญหา เราปรารถนาให้อยู่จนครบวาระ แต่ช่วยบอกหน่อยว่าจะผลักดันชาวกัมพูชาได้อย่างไรและเมื่อไรขีดเส้นมาให้ชัดเจน แล้วอย่าพูดว่ายุบสภาคือการคืนอำนาจให้ประชาชน หากตราบใดที่ยังมีการซื้อเสียงอยู่ ทางที่ดีนายกฯ ควรหันหน้ามามองเราอย่างมิตร พวกเราไม่ได้รักชาติน้อยไปกว่าท่าน แต่วิธีการของท่านจะทำให้เขตแดนบริเวณตะเข็บชายแดนอีกหลายสิบจุดมีปัญหา หากท่านไม่เป็นมิตรแล้วใช้วิชามารตอบโต้ เราก็มีขีดจำกัดของความอดทน เพราะเราต่อสู้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
“เชื่อว่าพี่น้องที่อยู่ทางบ้าน วันเสาร์-อาทิตย์นี้จะออกมาร่วมชุมนุมกันเยอะๆ มาช้ายังดีกว่าไม่มา ตอนนี้รัฐบาลกำลังลังเลว่าจะไปแนวทางใด เมื่อมีคนมาเยอะ รัฐบาลจะได้คิดใหม่ การชุมนุมต่อสู้ที่ผ่านมาตนก็โดนคดีไป 16-17 คดี เชื่อว่าความขมขื่นที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมา จะเป็นสายป่านทำให้มาเจอกันอีกครั้งอย่างคับคั่งในวันศุกร์-เสาร์นี้” นายสุริยะใสกล่าวทิ้งท้าย