“เทพเทือก” กร้าวห้ามกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติชุมนุมปิดด่าน ระบุการเจรจาเป็นวิธีที่ดีที่สุด รับเตรียมโอน 2 นักโทษกัมพูชาที่คดีสิ้นสุดแล้ว แต่ปัดแลกเปลี่ยนกับ 7 คนไทย ปัดลงพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ ข่มขวัญกัมพูชาแค่ให้กำลังใจประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ยันกองทัพของบ 517 ล้านปฏิบัติภารกิจชายแดนปกติ ไม่ใช่เตรียมการรองรับข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร
วันนี้ (13 ม.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทยที่ยังถูกจับกุมอยู่ในกัมพูชาว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจงเพียงฝ่ายเดียวแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน แต่หากฝ่ายใดมีแนวทางจะช่วยอย่างไรก็สามารถช่วยกันได้ ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลยังมั่นใจว่าแนวทางที่ดำเนินการอยู่ถูกต้องหรือไม่ เพราะบรรดานักวิชาการยังต้องการให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการในการกดดันกัมพชามากกว่านี้ นายสุเทพกล่าวว่า แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน สำหรับตนเชื่อว่าการพูดคุย เจรจาหรือประสานงานกันเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่การกดดัน ข่มขู่ ไม่ว่าทำกับใคร กับประเทศไหน ตนไม่คิดว่าจะได้ผล
ส่วนกรณีที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติจะเดินขบวนไปปิดด่านบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชานั้น นายสุเทพกล่าวว่า ใครจะทำอะไรก็ต้องดูว่าไม่ให้ผิดกฎหมาย ซึ่งการที่จะใช้กำลังไปปิดด่านก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะด่านทั่วประเทศประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนก็ไปมาหาสู่และทำมาหากินค้าขายกัน ดังนั้น การที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติจะเอาอำนาจพลการไปใช้คงไม่ได้ เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเดินทางไปปิดด่านตามคำขู่ได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า คงไม่ได้ ซึ่งการชุมนุมนั้นอาจชุมนุมได้เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องไม่กระทำผิดกฎหมายและไม่กระทบต่กการใช้ชีวิตของผู้อื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางไป จะมีการตั้งด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ก็ต้องดูตามสถานการณ์ ส่วนการตั้งเต็นท์อย่างถาวรที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในขณะนี้นั้น เดี๋ยวทางตำรวจนครบาลก็คงจะมาพูดคุยกันว่าชุมนุมอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนทั่วไป ต่อข้อถามว่าปัญหาตรงนี้จะทำให้มิตรกลายเป็นศัตรูหรือไม่เพราะขณะนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ออกมาโจมตี และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง นายสุเทพกล่าวว่า เขาโจมตีตนมานานแล้ว ซึ่งความจริงบ้านเมืองเราอยู่ในสภาพอย่างนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ประชาชนก็ต้องติดตามและฟังข้อมูลให้รอบด้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากปล่อยไปอย่างนี้จะทำให้เกิดความร้าวฉานไปเรื่อยหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลไม่ตั้งใจที่จะปล่อยให้มีความร้าวฉานอะไรในบ้านเมือง ไม่อยากให้มีความคิดแตกแยกกัน ต่อข้อถามว่าทางกลุ่มผู้ชุมนุมนอกจากจะยกระดับการชุมนุมเพื่อกดดันแล้ว ยังจะล่ารายชื่อเพื่อขอถวายฎีกาด้วย นายสุเทพยืนยันว่า รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ไทยดูแล ปกป้องอธิปไตยของประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วนกระแสข่าวการต่อรองแลกเปลี่ยนในการส่งนักโทษให้กันนั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องการแลกเปลี่ยนนักโทษนั้น เป็นเรื่องตั้งแต่ที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนไปกัมพูชาครั้งแรกเมื่อ 2 ปีมาแล้ว ซึ่งมีคนไทยมุสลิมถูกจำคุกอยู่ที่กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาปล่อยตัวมา และตอนนั้นเราจะต้องโอนนักโทษกัมพูชา 4 คน ไปรับโทษต่อที่ประเทศเขา แต่บังเอิญประเทศเราก็มีระเบียบ มีกฎหมาย มีกำหนดไว้ชัดเจนว่านักโทษที่จะโอนไปรับโทษต่อในประเทศของตนนั้นจะต้องถูกจำคุกอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่ากี่ปี ซึ่งก็มาถึงในช่วงเวลานี้พอดีที่ครบตามเงื่อนไขนั้น เราก็ต้องดำเนินการให้เขา แต่ก็เป็นเพียง 1-2 คนเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นที่เจรจาคดีของนักโทษ 4 คน ซึ่ง 2 คนคดียังไม่สิ้นสุด ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา แต่ 2 คนหลังนี้ครบกำหนดไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมคนหนึ่ง และจะครบกำหนดในเดือนเมษายนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นการครบหลักเกณธ์ที่จะโอนตัวไปรับโทษในประเทศเขาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่านักโทษ 2 คนที่เราปล่อยไปรับโทษในกัมพูชาต่อ เป็นนักโทษคดีอะไร รองนายกฯ กล่าวว่า จำไม่ได้ เมื่อถามว่าถึงข่าวที่กัมพูชาต้องการให้ทางการไทยปล่อยแรงงานต่างด้าว 60 คนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ตนยังไม่ได้ทราบประเด็นนี้
นายสุเทพยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก วานนี้ว่า เป็นการลงไปให้กำลังใจกับประชาชนที่ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีในการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ และถือโอกาสไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่อยู่ชายแดน ไม่ได้ไปเพื่อข่มขวัญกัมพูชาเหมือนที่วิจารณ์กัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ทางด้านปราสาทพระวิหารสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง นายสุเทพกล่าวว่า ก็ยังดูเรียบร้อยดีตนไม่ได้ขึ้นไปที่ปราสาทพระวิหาร แต่ว่าไปพบประชาชนตามอำเภอต่างๆ ด้านชายแดนทุกอย่างยังปกติอยู่
ต่อข้อถามว่าขณะที่เหตุการณ์การช่วยเหลือคนทั้ง 7 คนยังไม่มีความชัดเจน แต่ทางกองทัพมีการขอเงิน 517 ล้านบาท เพื่อภารกิจปราสาทพระวิหาร นายสุเทพกล่าวว่า คงต้องแยกกัน เรื่องงบประมาณนั้นมีหลายทาง แต่เรื่องของการปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนโดยรอบประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่ก็มีการดำเนินการอย่างเข้มแข็งเป็นปกติ เพราะชายแดนทางด้านประเทศพม่าก็มีปัญหาการสู้รบภายใน ซึ่งต้องมีการเฝ้าระวัง ทางด้านอื่นๆ เขาก็มีการเฝ้าระวังกันทั้งนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งงบประมาณที่กองทัพขอนั้น ก็เป็นงบที่ต้องใช้ในการดูแลกำลังพล เจ้าหน้าที่ ค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่ได้ตั้งไว้ในงบประมาณปกติ เมื่อถามว่า แต่มีงบประมาณลับที่ตั้งไว้อยู่แล้ว นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่ คนละเรื่อง ไม่ใช่ราชการลับ แต่นี่เป็นราชการเปิดเผยธรรมดา
ส่วนเป็นการรองรับสถานการณ์ปราสาทพระวิหารหรือไม่นั้นจ นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปคิดไกลอย่างนั้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เมื่อถามว่า ได้กำหนดการที่ชัดเจนในการประชุมมรดกโลกหรือยัง นายสุเทพกล่าวว่า ตนทำหนังสือเชิญไปก่อนหน้านี้ พอดีตอนนี้มีเรื่องนี้ก็เลยต้องรอดู แต่เขาไม่ได้ตอบว่าจะไม่มา เป็นที่เข้าใจกันว่าจะมา แต่พอดีเกิดเรื่องเสียก่อน เมื่อถามต่อว่า ครม.มีมติส่ง นายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ไปนั้นมีรายงานเข้ามาหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ให้ถามกระทรวงการต่างประเทศ