จับตาช่วย 7 คนไทย หาก “วีระ” ไม่ได้ปล่อยตัว เชื่อได้เลยว่าเป็นแผนของรัฐบาลไทยร่วมกับเขมร เพราะสันดานนักการเมือง 2 ประเทศนี้ชั่วช้าพอกัน ชี้ถ้ารัฐบาลยอมขายเกียรติภูมิชาติขนาดนี้ยังจะอยู่ในอำนาจได้อีกหรือ พร้อมหนุนการเคลื่อนไหว “กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ” มั่นใจพอถึง 25 ม.ค.ซึ่ง พธม.จะชุมนุมใหญ่ วันนั้นพลังของประชาชนจะเป็นปึกแผ่นมากยิ่งขึ้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 13 ม.ค. โดยวันนี้ น.ส.กมลพร วรกุล รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้เชิญนายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายสำเริง คำพะอุ สื่อมวลชนอาวุโส และนายชัชวาล ชาติสุทธิชัย อดีตคนเดือนตุลา ร่วมพูดคุยในรายการ
นายประพันธ์กล่าวว่า กรณีเขมรจับ 7 คนไทย เราสามารถแก้ปัญหาโดยที่ไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ แต่นายกฯไม่ทำ ตั้งแต่วันแรกพื้นที่จริงยังไม่เคยไปเลยแล้วมาพูดว่าล้ำแดน วันนี้ที่แก้ปัญหาไม่ได้ก็เพราะรัฐบาลนี้ถูกครอบงำโดยทุน ถูกครอบงำโดยทหาร ที่หากินบริเวณชายแดน ตัวนายกฯก็ทำอะไรไม่เป็นจนต้องขายเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของชาติ
การแก้ปัญหาใช่ว่าจะต้องทำสงครามสู้รบกันอย่างเดียว มันยังมีมาตรการกดดันอีกเยอะแยะ เช่นการค้าขายที่ชายแดน อาจจะสั่งปิดพรมแดนไม่ให้คนเขมรเข้ามาค้าขาย เรื่องพวกนี้กระทรวงต่างประเทศก็รู้ไม่เห็นต้องให้สอน แต่เพราะมันถูกกลุ่มผลประโยชน์ครอบงำ จนทำให้การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศบิดเบี้ยวไป
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า พวกสื่อที่เขียนคอลัมน์บอกว่านี่ถ้าท่านประสงค์ สุ่นศิริ ยังอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจะต้องเกิดสงคราม เพราะเป็นคนกระหายสงคราม พวกนี้ไม่รู้จริง พวกนักวิชาการทั้งหลายแหล่ก็เหมือนกัน ขณะที่ภาคประชาชนช่วยบริจาคเงิน ช่วยกันหาข้อมูลเพื่อมาช่วยคนไทย แต่รัฐบาลดันเอาภาษีของประชาชนไปจ้างนักวิชาการมาต่อต้านภาคประชาชน แล้วดันไปจ้างคนที่ไม่มีจิตสำนึกอีกด้วย รัฐบาลไม่ช่วยแล้วยังเอาภาษีไปใช้ให้คนไทยมาต่อต้านกันเองอีก ตนไม่คิดว่าบ้านเมืองจะวิปริตได้ขนาดนี้ ที่บ้านเมืองตาลปัตรแบบนี้ ตัวปัญหาอยู่ที่รัฐบาลนั่นเอง
น.ส.กมลพรกล่าวเสริมว่า พวกคอลัมน์นิสต์ทั้งหลายก็เขียนไปในแนวทางที่ว่าเดี๋ยวเกิดสงคราม เดี๋ยวกระทบความสัมพันธ์ ทั้งๆ ที่มันมีวิธีมากมาย ไม่ใช่ต้องใช้การสู้รบเท่านั้น
นายชัชวาลกล่าวว่า ถ้ารบจะเป็นอะไร แล้วเราจะมีทหารไว้ทำไม ทุกวันนี้เรามีนายกฯเขมร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเขมร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเขมรอยู่ในประเทศไทย จับคนไทยคราวนี้ฮุนเซนสบายสุดเลย เพราะขาใหญ่ของไทยเป็นพยานให้เองเลยว่าไทยไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ซึ่งเขาก็เอาคำพูดพวกนี้แหละไปเป็นหลักฐาน
นายชัชวาลยังกล่าวอีกว่า นักวิชาการที่บอกว่าโลกไม่มีพรมแดนแล้ว พวกนี้สมองขี้เลื่อย เขามีพรมแดนกันหมด มีเขตแดนของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ต้องบอกตนไม่ขอตำหนิทหาร เพราะถ้าตนเป็นทหารก็ไม่ทำหรอก รัฐบาลแบบนี้ทำไปเดี๋ยวก็โดนเล่นงาน อย่างนายพนิชทำงานให้อภิสิทธิ์ พอโดนจับนายอภิสิทธิ์ยังไม่ทำอะไรให้เลย ถ้าเป็นนายกฯ คนอื่นคงสั่งทหารให้ปิดล้อมทหารกัมพูชาไปแล้วตั้งแต่ตอนโดนจับเพื่อไม่ให้เอาคนไทยไป แต่นี่ไม่ทำจนต้องไปขึ้นศาลติดคุกติดตาราง
“นี่ถ้านายวีระไม่ได้ถูกปล่อยตัว ขอกล่าวหาได้เลยว่าพวกคุณมีแผนร่วมกับฮุนเซน นักการเมืองไทยกับเขมรชั่วพอกัน อาจจะไปโทรศัพท์ตกลงกันก็ได้ใครจะไปรู้ ตนไม่เคยไว้ใจนักการเมืองไทย เพราะพิสูจน์มาตลอดว่ามันสันดานชั่วช้า ก็เลยมองว่าวันนี้นโยบายต่างประเทศของนายอภิสิทธิ์ต่อฮุนเซน เป็นแบบแมวกลัวหนู แล้วทหารดันบอกว่าอาวุธเราสู้ไม่ได้ ไม่จริง ตนไม่เชื่อ แล้วที่เอาเงินไปซื้อๆมากมายเพื่ออะไร รวมทั้งจิตใจทหารเราก็สู้เขมรได้อยู่แล้ว” นายชัชวาลกล่าว
นายประพันธ์กล่าวว่า คนพูดว่าอาวุธไทยสู้เขมรไม่ได้แบบนี้ควรไปอยู่ใต้บาดาล มาเป็นคนไทยไม่ได้เลย นักวิชาการก็เหมือนกัน เด็กดูก็รู้ว่ากัมพูชาไม่มีทางรบกับไทย เพราะมันไม่มีความชอบธรรมและเป็นเรื่องชายแดนจะไปหาใครมาช่วยรบ ไม่มีใครมาหรอก แล้วด้วยศักยภาพทางการทหารก็ไม่กล้าเพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ ไม่มีประเด็นเกิดสงครามอยู่แล้ว แต่มาตรการที่ควรทำเพื่อนำไปสู่การปกป้องศักดิ์ศรีไทยดันไม่ทำ มันเป็นเกมที่นักการเมืองทำเอง เห็นผลประโยชน์ตรงนั้นมากกว่าชาติบ้านเมือง
นายสำเริงกล่าวว่า และที่น่าอัปยศอีกอย่างคือพวกรัฐบาลพูดว่าให้เคารพศาลกัมพูชา เราไม่จำเป็นต้องไปเคารพเลย
นายประพันธ์กล่าวเสริมว่า ที่เราไม่ต้องเคารพเพราะคนไทยถูกจับในแผ่นดินไทย ไม่ควรนำไปขึ้นศาลกัมพูชา เป็นการละเมิด เหตุที่ไม่ให้รับศาลอยู่ตรงนี้ แต่ถ้าคนของเราล้ำจริงก็ว่าไปอีกอย่าง แต่กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะมาโน้มน้าวให้สังคมโง่เขลาเหมือนตัวเอง แล้วนี่จะไปขออภัยโทษหลังตัดสิน ถ้าเป็นตนหรือแม้แต่ถูกจับด้วย จะไม่ยอมคุกเข่าขออภัยโทษเลย ยอมติดคุกไป ดูว่ารัฐบาลไทยทนที่จะเห็นคนไทยถูกขังคุกได้หรือไม่
“อยากให้นายพนิชหลุดมาเลยคนเดียว ออกมาเร็วๆ ด้วย แล้วจะดูว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไหม ประชาชนมีหูมีตา ถ้ารัฐบาลยอมขายเกียรติภูมิชาติขนาดนี้ จะอยู่ได้อย่างไร” นายประพันธ์กล่าว
นายชัชวาลกล่าวว่า มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์อย่างเดียว คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ อภิสิทธิ์บอกไม่ได้ผลประโยชน์ อะไร แต่ผลประโยชน์ของคุณก็คือการเป็นนายกฯ นี่ไง เป็นผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ใช่เงินทอง มีประเทศไหนในโลกที่ให้ผู้นำกระจอกอย่างฮุนเซนมาด่าเราถึงในประเทศ มีอภิสิทธิ์คนเดียว มีที่ไหนในโลกที่ยอมให้ประเทศเพื่อนบ้านสั่งสมอาวุธ กองกำลังให้มาฆ่านายกฯ อภิสิทธิ์วันนี้ไม่สติฟั่นเฟือนก็มีอย่างเดียวคือติดยึดกับคำว่านายกฯ
“ส่วนกษิต นี่ก็ไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ ขึ้นเวทีพูดอย่าง จากนั้นเป็นอีกอย่าง อย่าว่าแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเลย เป็นมนุษย์ยังแทบเป็นไม่ได้” นายชัชวาลกล่าว
นายประพันธ์กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่จะปักหลักหน้าทำเนียบเพื่อรวบรวม 5 หมื่นรายชื่อถอดถอนนายกฯ เป็นสิ่งที่ดีเพราะต้องรวบรวมจำนวนคนให้ได้มากๆ ก่อนเคลื่อนตัวไปที่อรัญประเทศ แม้ตรงนั้นจะเป็นจุดกดดันได้แต่ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่รัฐบาล
“และเมื่อถึงวันที่ 25 ม.ค. การเคลื่อนไหวเปิดฉากโดยพันธมิตรฯ พลังประชาชนก็จะเป็นปึกแผ่นมากขึ้น อย่างน้อยเชื่อว่าประชาชนจะมองเห็นความสำคัญและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในครั้งนี้” นายประพันธ์กล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 13 ม.ค. โดยวันนี้ น.ส.กมลพร วรกุล รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้เชิญนายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายสำเริง คำพะอุ สื่อมวลชนอาวุโส และนายชัชวาล ชาติสุทธิชัย อดีตคนเดือนตุลา ร่วมพูดคุยในรายการ
นายประพันธ์กล่าวว่า กรณีเขมรจับ 7 คนไทย เราสามารถแก้ปัญหาโดยที่ไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ แต่นายกฯไม่ทำ ตั้งแต่วันแรกพื้นที่จริงยังไม่เคยไปเลยแล้วมาพูดว่าล้ำแดน วันนี้ที่แก้ปัญหาไม่ได้ก็เพราะรัฐบาลนี้ถูกครอบงำโดยทุน ถูกครอบงำโดยทหาร ที่หากินบริเวณชายแดน ตัวนายกฯก็ทำอะไรไม่เป็นจนต้องขายเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของชาติ
การแก้ปัญหาใช่ว่าจะต้องทำสงครามสู้รบกันอย่างเดียว มันยังมีมาตรการกดดันอีกเยอะแยะ เช่นการค้าขายที่ชายแดน อาจจะสั่งปิดพรมแดนไม่ให้คนเขมรเข้ามาค้าขาย เรื่องพวกนี้กระทรวงต่างประเทศก็รู้ไม่เห็นต้องให้สอน แต่เพราะมันถูกกลุ่มผลประโยชน์ครอบงำ จนทำให้การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศบิดเบี้ยวไป
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า พวกสื่อที่เขียนคอลัมน์บอกว่านี่ถ้าท่านประสงค์ สุ่นศิริ ยังอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจะต้องเกิดสงคราม เพราะเป็นคนกระหายสงคราม พวกนี้ไม่รู้จริง พวกนักวิชาการทั้งหลายแหล่ก็เหมือนกัน ขณะที่ภาคประชาชนช่วยบริจาคเงิน ช่วยกันหาข้อมูลเพื่อมาช่วยคนไทย แต่รัฐบาลดันเอาภาษีของประชาชนไปจ้างนักวิชาการมาต่อต้านภาคประชาชน แล้วดันไปจ้างคนที่ไม่มีจิตสำนึกอีกด้วย รัฐบาลไม่ช่วยแล้วยังเอาภาษีไปใช้ให้คนไทยมาต่อต้านกันเองอีก ตนไม่คิดว่าบ้านเมืองจะวิปริตได้ขนาดนี้ ที่บ้านเมืองตาลปัตรแบบนี้ ตัวปัญหาอยู่ที่รัฐบาลนั่นเอง
น.ส.กมลพรกล่าวเสริมว่า พวกคอลัมน์นิสต์ทั้งหลายก็เขียนไปในแนวทางที่ว่าเดี๋ยวเกิดสงคราม เดี๋ยวกระทบความสัมพันธ์ ทั้งๆ ที่มันมีวิธีมากมาย ไม่ใช่ต้องใช้การสู้รบเท่านั้น
นายชัชวาลกล่าวว่า ถ้ารบจะเป็นอะไร แล้วเราจะมีทหารไว้ทำไม ทุกวันนี้เรามีนายกฯเขมร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเขมร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเขมรอยู่ในประเทศไทย จับคนไทยคราวนี้ฮุนเซนสบายสุดเลย เพราะขาใหญ่ของไทยเป็นพยานให้เองเลยว่าไทยไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ซึ่งเขาก็เอาคำพูดพวกนี้แหละไปเป็นหลักฐาน
นายชัชวาลยังกล่าวอีกว่า นักวิชาการที่บอกว่าโลกไม่มีพรมแดนแล้ว พวกนี้สมองขี้เลื่อย เขามีพรมแดนกันหมด มีเขตแดนของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ต้องบอกตนไม่ขอตำหนิทหาร เพราะถ้าตนเป็นทหารก็ไม่ทำหรอก รัฐบาลแบบนี้ทำไปเดี๋ยวก็โดนเล่นงาน อย่างนายพนิชทำงานให้อภิสิทธิ์ พอโดนจับนายอภิสิทธิ์ยังไม่ทำอะไรให้เลย ถ้าเป็นนายกฯ คนอื่นคงสั่งทหารให้ปิดล้อมทหารกัมพูชาไปแล้วตั้งแต่ตอนโดนจับเพื่อไม่ให้เอาคนไทยไป แต่นี่ไม่ทำจนต้องไปขึ้นศาลติดคุกติดตาราง
“นี่ถ้านายวีระไม่ได้ถูกปล่อยตัว ขอกล่าวหาได้เลยว่าพวกคุณมีแผนร่วมกับฮุนเซน นักการเมืองไทยกับเขมรชั่วพอกัน อาจจะไปโทรศัพท์ตกลงกันก็ได้ใครจะไปรู้ ตนไม่เคยไว้ใจนักการเมืองไทย เพราะพิสูจน์มาตลอดว่ามันสันดานชั่วช้า ก็เลยมองว่าวันนี้นโยบายต่างประเทศของนายอภิสิทธิ์ต่อฮุนเซน เป็นแบบแมวกลัวหนู แล้วทหารดันบอกว่าอาวุธเราสู้ไม่ได้ ไม่จริง ตนไม่เชื่อ แล้วที่เอาเงินไปซื้อๆมากมายเพื่ออะไร รวมทั้งจิตใจทหารเราก็สู้เขมรได้อยู่แล้ว” นายชัชวาลกล่าว
นายประพันธ์กล่าวว่า คนพูดว่าอาวุธไทยสู้เขมรไม่ได้แบบนี้ควรไปอยู่ใต้บาดาล มาเป็นคนไทยไม่ได้เลย นักวิชาการก็เหมือนกัน เด็กดูก็รู้ว่ากัมพูชาไม่มีทางรบกับไทย เพราะมันไม่มีความชอบธรรมและเป็นเรื่องชายแดนจะไปหาใครมาช่วยรบ ไม่มีใครมาหรอก แล้วด้วยศักยภาพทางการทหารก็ไม่กล้าเพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ ไม่มีประเด็นเกิดสงครามอยู่แล้ว แต่มาตรการที่ควรทำเพื่อนำไปสู่การปกป้องศักดิ์ศรีไทยดันไม่ทำ มันเป็นเกมที่นักการเมืองทำเอง เห็นผลประโยชน์ตรงนั้นมากกว่าชาติบ้านเมือง
นายสำเริงกล่าวว่า และที่น่าอัปยศอีกอย่างคือพวกรัฐบาลพูดว่าให้เคารพศาลกัมพูชา เราไม่จำเป็นต้องไปเคารพเลย
นายประพันธ์กล่าวเสริมว่า ที่เราไม่ต้องเคารพเพราะคนไทยถูกจับในแผ่นดินไทย ไม่ควรนำไปขึ้นศาลกัมพูชา เป็นการละเมิด เหตุที่ไม่ให้รับศาลอยู่ตรงนี้ แต่ถ้าคนของเราล้ำจริงก็ว่าไปอีกอย่าง แต่กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะมาโน้มน้าวให้สังคมโง่เขลาเหมือนตัวเอง แล้วนี่จะไปขออภัยโทษหลังตัดสิน ถ้าเป็นตนหรือแม้แต่ถูกจับด้วย จะไม่ยอมคุกเข่าขออภัยโทษเลย ยอมติดคุกไป ดูว่ารัฐบาลไทยทนที่จะเห็นคนไทยถูกขังคุกได้หรือไม่
“อยากให้นายพนิชหลุดมาเลยคนเดียว ออกมาเร็วๆ ด้วย แล้วจะดูว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไหม ประชาชนมีหูมีตา ถ้ารัฐบาลยอมขายเกียรติภูมิชาติขนาดนี้ จะอยู่ได้อย่างไร” นายประพันธ์กล่าว
นายชัชวาลกล่าวว่า มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์อย่างเดียว คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ อภิสิทธิ์บอกไม่ได้ผลประโยชน์ อะไร แต่ผลประโยชน์ของคุณก็คือการเป็นนายกฯ นี่ไง เป็นผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ใช่เงินทอง มีประเทศไหนในโลกที่ให้ผู้นำกระจอกอย่างฮุนเซนมาด่าเราถึงในประเทศ มีอภิสิทธิ์คนเดียว มีที่ไหนในโลกที่ยอมให้ประเทศเพื่อนบ้านสั่งสมอาวุธ กองกำลังให้มาฆ่านายกฯ อภิสิทธิ์วันนี้ไม่สติฟั่นเฟือนก็มีอย่างเดียวคือติดยึดกับคำว่านายกฯ
“ส่วนกษิต นี่ก็ไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ ขึ้นเวทีพูดอย่าง จากนั้นเป็นอีกอย่าง อย่าว่าแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเลย เป็นมนุษย์ยังแทบเป็นไม่ได้” นายชัชวาลกล่าว
นายประพันธ์กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่จะปักหลักหน้าทำเนียบเพื่อรวบรวม 5 หมื่นรายชื่อถอดถอนนายกฯ เป็นสิ่งที่ดีเพราะต้องรวบรวมจำนวนคนให้ได้มากๆ ก่อนเคลื่อนตัวไปที่อรัญประเทศ แม้ตรงนั้นจะเป็นจุดกดดันได้แต่ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่รัฐบาล
“และเมื่อถึงวันที่ 25 ม.ค. การเคลื่อนไหวเปิดฉากโดยพันธมิตรฯ พลังประชาชนก็จะเป็นปึกแผ่นมากขึ้น อย่างน้อยเชื่อว่าประชาชนจะมองเห็นความสำคัญและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในครั้งนี้” นายประพันธ์กล่าว
