ปัตตานี - อดีตผู้บัญชาการทหารบกแนะรัฐบาลควรยึดนโยบายสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ พร้อมแนะทหารควรสร้างกองทัพให้เข้มแข็งเหนือประเทศข้างเคียงเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านเรือนถูกลดเกียรติเหมือนกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
วันนี้ (12 ม.ค.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ได้กล่าวถึงกรณีปัญหาชายแดนไทย-เขมร ที่เริ่มจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างกัน หลังจากที่มีคนไทย 7 คนถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาจับในข้อหาล้ำเขตชายแดนฝั่งกัมพูชาว่า นโยบายต่างประเทศกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นภารกิจหลักของรัฐบาล เราควรมีการทบทวนว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทำไมมันไม่ดีเท่าที่ควร
ที่ผ่านมาเรามีหลักคิดหรือแนวนโยบายอย่างไรของกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ผมมีความมั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ในการที่เรามีความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น นอกจากเราต้องมองประโยชน์ของชาติแล้วเราต้องมองเรื่องของความเป็นเพื่อนในฐานะประเทศเพื่อนบ้านกันจะทำอย่างไรให้เขาดูเราดีมีความสัมพันธ์ที่ดี แล้วมีความจริงใจต่อกัน
ดังนั้น นโยบายของกระทรวงต่างประเทศต้องมองผลประโยชน์ของชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเปรียบเทียบและพิจารณากันใหม่ว่าจะต้องทำอย่างไร
พล.อ.สนธิยังกล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องของคนไทย 7 คนที่ถูกจับไปนั้น ถ้าเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐบาลต้องดำเนินการตามขั้นตอนของความถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมามีเรื่องของการเมืองเข้ามาแซกแซงหรือเปล่า จึงควรเป็นเรื่องของกิจการระหว่างประเทศที่ต้องว่าไปตามกติกา
ส่วนกรณีถ้าศาลกัมพูชามีคำพิพากษา 7 คนไทยมีความผิดจริงนั้นจะส่งผลต่อการอ้างสิทธิเหนือชายแดนหรือไม่นั้น พล.อ.สนธิกล่าวว่า อันนี้ผมว่าต้องแยกกันระหว่างผลทางการเมืองกับผลทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะบางเรื่องเราจะเอาไปปะปนกันไม่ได้ มิฉะนั้นผลประโยชน์ชาติจะเสียหาย
ส่วนกองทัพเองคงต้องฟังนโยบายของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เพียงแต่ต้องให้คำแนะนำรัฐบาลว่ามีอะไรเป็นที่สังเกต นอกจากนั้นกองทัพยังมีหน้าที่ต้องสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง และแข็งแรงกว่าประเทศที่อยู่บริเวณข้างเคียง มิฉะนั้นประเทศชาติจะถูกเพื่อนบ้านลดเกียรติเหมือนกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา