วุฒิสภาเปิดประชุมปกติ “ประสาร” ชี้ถ่ายสดรัฐเจรจาเสื้อแดงเพิ่มความรู้ให้ประชาชน จวกแกนนำแดงคุยไม่ใช่ตัวจริง แต่เชื่อแก้ปัญหาไม่ได้ แนะปฏิรูปการเมืองก่อน “สุรศักดิ์” แนะรัฐบาลอดทน “สุมล” เผยชาวบ้านโทร.บอกรัฐอย่ายุบสภา “คำนูณ” แนะตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ “สมชาย” ปูดมีขบวนการล้างสมอง วอนใช้สื่อให้เป็น “เกริก” จี้ ศอ.รส.ตั้ง กก.สอบเหตุบึ้ม “จิ้งเรือง” สะแหลนพล่าม อ้างเสียเกียรติถูกล้อมสภา
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยในช่วงหารือ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ขอขอบคุณรัฐบาลที่เปิดใจรับฟังและเปิดการเจรจา แต่ทั้งนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตนก็ถือว่าเป็นการเพิ่มความรู้สาธารณะ ส่วนการเจรจานั้นรัฐบาลถือว่าตัวแทนในการเจรจาเป็นตัวจริง แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช่ตัวจริง เพราะคนที่บัญชายังอยู่ในต่างประเทศ นอกจากนี้ ตนเห็นว่าประเด็นในการเจรจาไม่ควรมีแต่เรื่องการยุบสภาเท่านั้น เพราะมิติปัญหาของสังคมมีกว้างกว่านั้น อีกทั้งไม่เชื่อว่าการเจรจาจะสามารถแก้ปัญหาได้ และการยุบสภาคงไม่ใช่ทางออกของบ้านเมือง เพราะก่อนอื่นเห็นควรให้มีการปฏิรูปบ้านเมืองเกิดขึ้นก่อน
ด้าน พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สนับสนุนให้การเจรจาจะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้แก่ประเทศ แต่ตนเห็นว่าจุดยืนของแกนนำเปลี่ยนแปลงตลอดตั้งแต่เริ่มแรกเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อมาก็เป็นการยุบสภา ดังนั้นจึงอยากขอให้รัฐบาลใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง เช่นเดียวกับ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า เห็นด้วยว่าทางออกของบ้านเมืองคือต้องเปิดการเจรจา แต่ทั้งนี้การเจรจาเพื่อนำไปสู่การยุบสภาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะ ที่สำคัญคือต้องพิจารณาว่าผลพวงจากการยุบสภาจะเป็นอย่างไร และรับประกันได้หรือไม่ว่าปัญหาจะยุติด้วยการยุบสภา นอกจากนี้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะใน จ.เพชรบุรี ได้โทรศัพท์มาหาตนตลอดเวลา โดยระบุว่าไม่อยากให้รัฐบาลยุบสภา แต่ทั้งนี้เห็นว่าสิ่งแรกที่กลุ่มคนเสื้อแดงและรัฐบาลจะต้องหา ทางออกร่วมกันให้ได้ก่อน คือถ้าการยุบสภาเกิดขึ้นแน่ จะต้องกำหนดว่าเมื่อไรที่จะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะเรื่องนี้ต้องให้โอกาส ให้เวลารัฐบาล ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ต้องตอบให้ชัดว่าจะยุบสภาเมื่อไรแน่
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การเจรจาที่เกิดขึ้นไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนเชื่อว่าไม่ใช่จุดจบของความขัดแย้งในสังคมไทย ดังนั้นจึงอยากฝากไปยังรัฐบาลว่า ไม่ว่าจะยุบสภาหรือไม่ ตนอยากให้มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศขึ้นเพื่อหาทางออกให้ประเทศชาติ ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว เพื่อจัดการวางระบบการบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขั้น และการบริหารงานของรัฐบาลก็ผ่านมา 1 ปีกว่าแล้ว รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย ส่วนการยุติปัญหาทางการเมืองที่ล้มเหลว ตนอยากฝากรัฐบาลเรื่องเจรจาว่า หากจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของการชุมนุมก็ทำไป จะไม่ยุบสภาก็เป็นสิทธิของท่าน แต่อย่ากลับมาบริหารประเทศเหมือนประเทศไม่มีวิกฤต อย่าทำเหมือนที่ผ่านมา จะต้องดำเนินการที่แตกต่างไปจากเดิม
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การเจรจาจะต้องไม่พูดเพียงเรื่องการยุบสภา แต่ต้องพูดว่า หลังจากนี้ว่าปัญหาต่างๆ จะจบอย่างไร ทั้งเรื่องการพูดล่วงละเมิดสถาบัน การโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี การยิงระเบิดหลายจุด ทั้งระเบิดเอ็ม 79 ระเบิดอาร์พีจี แม้จะอ้างว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อย่าลืมว่ามีขบวนการที่ร่วมมือกับคนเสื้อแดงดำเนินการอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจะทำอย่างไร และการยิงระเบิดจะมีการหยุดยั้งได้อย่างไร ซึ่งตนเห็นว่ารัฐบาลควรใช้สื่อให้ชัดเจนในการเผยแพร่ข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้กำลังมีขบวนการล้างสมองอยู่ มวลชนกำลังถูกล้างสมอง รัฐบาลจึงต้องใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ ก่อนการยุบสภาจะต้องดำเนินการในกระบวนการประชาธิปไตยอย่างไร จะหยุดยั้งวิดีโอลิงก์ และวิทยุชุมชนที่ออกมาปลุกปั่นได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ประกาศกฎหมายที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ความมั่นคง 1 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ประกอบวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อควบคุมการใช้สื่อ
ทางด้าน พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร ส.ว.สรรหา กล่าวว่า จากกรณีที่มีเหตุการณ์ระเบิดหลายแห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้ประชาชนหวาดกลัว ไม่วางใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะรับรองความปลอดภัยได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่เคยจับผู้ต้องหาได้เลย ดังนั้นจึงอยากให้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส) ตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อวอร์รูมหาข่าวเกี่ยวกับการก่อเหตุร้าย และตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนสืบสวนโดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดผลอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีการตั้งด่านแต่ก็ไม่ได้มีการตรวจค้นอย่างจริงจัง
ตรงกันข้ามกับ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ที่กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้อาศัยอำนาจใดมาบดบังอำนาจตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ แต่รัฐบาลได้ดำเนินการส่งกองกำลังเจ้าหน้าที่ขณะที่สมาชิกวุฒิสภากำลังประชุมอยู่ในห้อง เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เวลา 15.00 น. ด้วยการนำรถบด เครื่องมืออุปกรณ์ มาไว้ที่ลานจอดรถ โดยไม่มีการส่งเอสเอ็มเอสแจ้งเตือน ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีเก่งในเรื่องนี้มาก ไม่แจ้งต่อประธานและสมาชิกรัฐสภา รวมทั้งทำให้การประชุมของคณะกรรมาธิการในวันที่ 23 มี.ค.ไม่สามารถทำงานได้ เรื่องนี้ถือเป็นการหยามเกียรติและหมิ่นศักดิ์ศรีของรัฐสภา ซึ่งเป็นอำนาจตามบทบัญญัติมาตรา 3 จึงอยากฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือตอบกลับว่าอาศัยอำนาจตามมาตรา 18 ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงได้อย่างไร