“สมศักดิ์” ชี้ แดงชุมนุมเพื่อนักโทษหนีคดีส่อผิด รธน.เชื่อเจรจาวันนี้ก็ตกลงกันไม่ได้ “พิภพ” จี้รัฐใช้กฎหมายเคร่งครัด แนะปฏิรูปประเทศ สร้างนโยบายประเทศ นำทุกภาคส่วนร่วมฝ่าวิกฤต ยันยุบสภาไม่ใช่ทางออก “สมเกียรติ” เชื่อ “มาร์ค” ไม่ทำ พรรคร่วมไม่เอาด้วย ทำแดงเบนเข็มป่วนแทน ยันพันธมิตรไม่ปฏิเสธร่วมวงเจรจา แต่ต้องตั้งโจทย์เพื่อปฏิรูป “ยะใส” ปัดนัดประชุมชุมนุมใหญ่ ชี้แค่หาทางออกต่อสังคม “มาลีรัตน์-ตั้ว-สำราญ” จี้รัฐจับมือบึ้มป่วนเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังแถลงการณ์ฉบับที่ 6/2553
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสำราญ รอดเพชร นายศรัณยู วงศ์กระจ่าง นางมาลีรัตน์ แก้วก่า นายศิริชัย ไม้งาม และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน ร่วมกันออกแถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 6/2553 ถึงจุดยืนของกลุ่มพันธมิตรฯต่อสถานการณ์บ้านเมือง โดย นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐ กับ นปช.วานนี้ (28 มี.ค.) ว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น เป็นการกระทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี ทำให้มีความไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่บุคคลที่มาเจรจาก็เป็นตัวแทนของนักโทษไม่ใช่ตัวแทนประชาชน และถ้าหากนายกฯ ยุบสภาก็จะเป็นการสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมามีอำนาจ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า วันนี้ที่จะมีการเจรจากันอีกครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เงินเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นปัญหาที่สังคมจะต้องผ่านไปให้ได้ โดยรัฐจะต้องใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งตนมองว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ย่อหย่อนมากเกินไป จนไม่เกิดความสมดุล ทั้งนี้ รัฐจะต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยการปฏิรูปประเทศ เพื่อสร้างนโยบายของประเทศ และให้นักการเมืองเป็นผู้นำไปใช้หาเสียง ซึ่งเป็นภาระของสังคมที่จะนำพาประเทศฝ่าวิกฤตได้ อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อนำทุกภาคส่วนมาหารือถึงทางออกของประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลทำไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของพันธมิตรฯ ที่จะกระทำ ทั้งนี้ ตนมองว่า การยุบสภาไม่ใช่คำตอบของสังคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็จะต้องตอบให้ได้ว่า หากไม่ยุบสภาแล้วจะทำอะไรต่อ
ขณะที่ นายสมเกียรติ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ผู้กำกับการเจรจาของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ ตนมองว่า การเลือกตั้งเป็นแค่พิธีสู่การครองอำนาจ เหมือนกับการเลือดตั้งปี 2549 ที่นำไปสู่คำตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ทั้งนี้ ตนแนะนำให้นายกรัฐมนตรีไปทบทวนคำแถลงนโยบายรัฐบาลเมื่อครั้งรับตำแหน่งที่ว่า จะปฏิรูปการเมือง จนขณะนี้ผ่านมา 1 ปี ยังไม่ได้ลงมือทำ ส่วนการเรียกประชุมเครือข่ายของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ตนขอให้พันธมิตรฯรอฟังคำประกาศ แต่ยืนยันว่าจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ไม่นำไปสู่การปะทะแน่นอน ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ไม่ได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเจรจา แต่จะต้องตั้งโจทย์เพื่อปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ส่วนการยุบสภานั้น ตนเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่ทำ กลุ่มคนเสื้อแดงจึงเบนเข็มความรุนแรงไปที่พรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่พรรคร่วมก็ต้องการให้รัฐบาลอยู่ยาวจนถึงปีงบประมาณ 2554 เพื่อรองบประมาณที่อาจจะมีการอนุมัติกว่า 2 ล้านล้านบาท
นายสุริยะใส กล่าวถึงการนัดประชุมเครือข่ายภาคประชาชน ว่า ตนยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการนัดชุมนุมใหญ่ แต่เป็นการประชุมทางวิชาการเพื่อหาข้อเสนอการปฏิรูปต่อสังคม และไม่ได้เป็นการกดดันรัฐบาล หรือเพื่อปะทะกับคนกลุ่มใด
ทางด้าน นางมาลีรัตน์ กล่าวถึงเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้น ว่า รัฐต้องหามาตรการป้องกันความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ขณะที่ นายสำราญ กล่าวเสริมว่า ตั้งแต่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จนถึงปัจจุบันมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นแล้ว 14 ครั้ง ดูเหมือนสภาพประเทศเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน โดยที่ผ่านมา จับผู้กระทำความผิดได้แค่ที่ข้างกระทรวงกลาโหม เพียงเหตุเดียว ถือว่าเป็นการสะท้อนวิกฤตด้านความมั่นคงของรัฐ เช่นเดียวกับ นายศรัณยู ที่กล่าวว่า ภาครัฐจะต้องนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ ด้าน นายศิริชัย กล่าวยืนยันว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจจะไม่ร่วมเคลื่อนไหวเพื่อฟอกผิดให้กับคนๆ เดียว