“สุเทพ” เผยผลถก ศอ.รศ. ยันชุมนุมได้แต่อย่าผิดกฎหมาย ถ้าฝ่าฝืนเจอสลายแน่ ยันอีแต๋นห้ามเข้าเมือง พร้อมวางจุดรับฝากกระบะม็อบ สั่ง จนท.5 หมื่นนายประจำจุดจ่อจับพวกแต่งเลียนแบบ ส่งหน่วยสวาทนับร้อยคุมสถานที่เก็บอาวุธ ลั่นใครบุกถือว่าก่อการร้าย เจอปราบแน่ ยันห้ามชุมนุมเส้นทางไปศิริราช ชี้ตั้ง “กอร์ปศักดิ์” คุยม็อบเหมาะสุด หวังใช้สันติวิธี
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รศ.) ว่า ได้หารือกันถึงการอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมที่ต้องการใช้สถานที่ต่างๆ ในการชุมนุม โดยยอมให้ผู้ชุมนุมได้ใช้สถานที่ตามที่ต้องการ แต่จะมีข้อห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติคือจะต้องไม่กระทำการใดที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ต้องชุมนุมโดยสงบ ก็จะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่รัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 แต่หากผู้ชุมนุมไปบุกรุกเคหะสถาน บ้านพักของผู้ใด หรือบุกรุกสถานที่ราชการ ก็จะถือว่าไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ ก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่รัฐ
“ถ้ามีพฤติกรรมบุกรุกที่ใด เราจะเข้าทำการสลายการชุมนุมทันที ซึ่งการสลายการชุมนุมนั้นเราก็จะทำตามหลักสากลคือ เข้าไปเจรจา ตักเตือนให้ทราบว่ากำลังจะมีการฝ่าฝืนกฎหมาย และแต่ยังฝ่าฝืนอีกก็จะเข้าไปจับกุม ถ้าขัดขืนก็จะใช้น้ำฉีด และใช้แก๊สน้ำตา” รองนายกฯ กล่าว
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ตั้งแต่มีการประกาศพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเป็นพื้นที่ความมั่นคง รถอีแต๋นจะเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด รถกระบะที่บรรทุกขนคนเข้ามาก็เข้ามาไม่ได้ ยกเว้นรถกระบะของประชาชนธรรมดาที่มาเยี่ยมลูกหลาน หรือมาติดต่อธุรกิจปกติก็เข้ามาได้ แต่ขอความร่วมมือประชาชนเหล่านี้ให้ไปขอหนังสือรับรองจากอำเภอในภูมิลำเนาติดตัวมาด้วย จะได้ทราบว่าไม่มีเจตนาจะนำรถมากีดขวางการจราจร รวมถึงรถขนผักหรือพืชผลการเกษตรที่ค้าขายใช้ชีวิตปกติ ซึ่งหลักการของ ศอ.รส.คือทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ส่วนผู้ชุมนุมที่โดยสารรถกระบะมา ก็จะต้องหยุดที่จุดตรวจ โดยจะอำนวยความสะดวกรับผู้ชุมนุมส่งต่อไปยังพื้นที่ชุมนุมได้ ส่วนรถกระบะที่จอดอยู่จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลไว้ให้ แต่ถ้านำเข้ามาและจอดกีดขวางจราจรก็จะถูกยกแน่นอน ซึ่งก็จะทำให้เกิดความเสียหาย ประกันก็ไม่จ่าย ดังนั้นอย่าเสี่ยงดีกว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะนำแผนที่แสดงการตั้งจุดตรวจรวมถึงจุดที่จะให้รถกระบะจอด มาให้สื่อได้รับทราบ และหลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ทยอยออกมาแถลงเป็นระยะเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า เมื่อคืนได้มีการสั่งการให้เคลื่อนย้ายกำลังที่จะต้องทำหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยประมาณ 5 หมื่นคน ทั้งข้าราชการพลเรือน อาสาสมัคร อพ.ปร. ตำรวจ ทหาร ซึ่งทั้ง 5 หมื่นคนนี้จะไม่มีคนใดเลยที่พกอาวุธ มีแต่เครื่องที่ป้องกันตัวเองเท่านั้น และจะแต่งเครื่องแบบเรียบร้อยเห็นชัดเจน โดยจะมีเครื่องหมายบอกฝ่ายชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครแปลกปลอมมาแต่ง เครื่องแบบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งใครที่แต่งเครื่องแบบเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร ก็จะถูกดำเนินการทันที เราดูรู้ทันทีว่าใครเป็นของจริง ของปลอม
“แต่ช่วงที่มีการชุมนุม หากมีกลุ่มที่แฝงมาแล้วบุกรุกไปในที่ตั้งของทหาร หรือสถานีตำรวจ หรือกองบัญชาการตำรวจ ซึ่งสถานที่เหล่านั้นมีอาวุธของทางราชการเก็บเอาไว้ ถ้าใครบุกรุกเข้าไป เราจะใช้อาวุธในการปราบปราม เพราะถือว่าพวกนี้เป็นพวกผู้ก่อการร้าย มุ่งที่จะเข้าไปปล้น ชิงเอาอาวุธของราชการเพื่อมาทำร้ายประชาชน อย่างนั้นต้องดำเนินการเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่จะสามารถถืออาวุธได้จะมีจำนวนจำกัด คือจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือที่เรียกว่าหน่วยสวาท มีเครื่องแต่งกายและเขียนป้ายติดที่อกเห็นได้ชัดว่าเป็นตำรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครไปแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วไปทำร้ายประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยสวาทที่ติดอาวุธนี้ จะมีจำนวนไม่มาก แค่นับร้อยเท่านั้น และจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่แยกออกมาจากเจ้าหน้าที่ 5 หมื่นนายที่ไม่พกพาอาวุธ” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือ ประชาชนทั้งประเทศมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประชาชนมีความเป็นห่วงกังวล ซึ่งทาง ศอ.รส.ได้วางมาตรการดูแลถวายการรักษาความปลอดภัยอย่างดีที่สุด และขอความร่วมมือไปถึงผู้ชุมนุมทุกท่านว่าถนนทุกสาย ทุกเส้นทางที่จะไปสู่ รพ.ศิริราช ที่ประทับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพประทับรักษาพระองค์อยู่นั้น ห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมไปโดยเด็ดขาด ไม่ให้ไปกระทำการใดๆ ที่เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ไม่ว่าจะไปทางบกหรือทางน้ำ ถ้าผู้ชุมนุมมีเจตนาจะมาเรียกร้องประชาธิปไตย หากเป็นประชาธิปไตย หัวใจของนักประชาธิปไตยก็คือการเคารพกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการตรวจอาวุธจะตรวจเฉพาะการขนอาวุธจากรอบนอกเข้ามาหรือ เพราะอาวุธจากข้างในก็มีมากมาย นายสุเทพกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะตรวจทั้งข้างนอกและข้างใน เมื่อมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แล้ว ประชาชนจะพกพาอาวุธออกจากเคหะสถานของตัวเองไม่ได้ หากพบจะถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษสถานหนัก เพราะฉะนั้นแม้จะอยู่ใน กทม.จะพกอาวุธไปไหนมาไหนไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อถามว่า ขณะที่รัฐบาลวางกำลังเข้มข้น แต่ฝ่ายเสื้อแดงประกาศไม่กลัวจะดำเนินทุกอย่างตามที่ตั้งใจ และจะแหกมาทุกด่าน นายสุเทพกล่าวว่า เขาไม่ต้องกลัวเพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรให้น่ากลัว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องชุมนุมโดยสงบ และไม่ควรจะฝ่าด่าน หากเขาฝ่าด่านเข้ามาก็แสดงว่าเขาไม่ยอมให้เราได้ตรวจค้น เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เอาอาวุธหรือคนต่างด้าวเข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อบ้านเมือง
เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้ประสานงานกับคนเสื้อแดงจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คราวนี้เป็นกรณีพิเศษที่รัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ได้แต่งตั้งให้เลขาธิการนายกฯเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาลไปเจรจา เมื่อถามว่า มั่นใจหรือว่านายกอร์ปศักดิ์จะเจรจาได้ เพราะไม่ใช่นักเจรจาที่ดี นายสุเทพกล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์เป็นเลขาธิการนายกฯ เวลาจะมีการเจรจาก็ต้องนำคนที่ฝ่ายโน้นมั่นใจได้และดูว่า มีราคาพูดจาเชื่อถือได้ การที่ใช้เลขาธิการนายกฯ จึงถือว่าดีที่สุดแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีคนที่ประนีประนอมมากกว่านี้แล้วหรือ ความจริงท่านเป็นผู้เจรจาเองน่าจะเหมาะสมกว่า นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงนายกอร์ปศักดิ์ก็ถือว่ามีความประนีประนอม พูดจามีหลักการ และพูดแทนนายกฯ และศอ.รส.ได้อยู่แล้ว ส่วนตนเองเป็น ผอ.ศอ.รส. ถ้าต้องไปนั่งเจรจากันอยู่ก็คงไม่สามารถนั่งบริหารงานรักษาความสงบได้