ASTVผู้จัดการรายวัน-“สุเทพ”ลั่นห้าม “อีแต๋น”เข้ากทม.เด็ดขาด ปูดทุ่มเงินวันละ 70-80 ล้านบาทป่วน กทม. สั่งตรวจเข้ม บัตรปชช.กันต่างด้าว –ทะเบียนรถ กันขโมยมา” วอนพระสงฆ์อย่าร่วม อ้างไม่ใช่กิจของสงฆ์ ด้าน“มาร์ค” ยัน รัฐบาลไม่มีบัญชีดำพระสงฆ์ ไม่เชื่อน้ำลาย “อริสมันต์” ขนพระร่วมชุมนุมนับหมื่น ลั่นเยือน “ออสเตรเลีย” แน่ ให้“สุเทพ” รักษาการแทน ระบุระกาศใช้กฎหมายพิเศษ หากจำเป็น
วานนี้ ( 5 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวประมินการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลพยายามบริหารให้การชุมนุมมีความเรียบร้อย เพราะเป็นสิทธิในการเคลื่อนไหวอย่างสงบ การนำรถหรือยานพาหนะเข้ามาอยากให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และเข้าใจว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความความมั่นคง ได้พูดถึงการบริหารการจราจร เพราะจะมีทั้งคนและรถจำนวนมาก จะเกิดความไม่สะดวกกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้หากทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายคงไม่ได้ คนส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมไม่มีวัตถุประสงค์ในการทำผิดกฎหมายเขามาแสดงออกทางการเมือง แต่คนที่อยากให้เกิดความวุ่นวาย ความโกลาหลขึ้นมันมีอยู่ส่วนหนึ่ง
ขณะที่พระสงฆ์จะเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย มหาเถรสมาคมจะมีบทบาทดูแลอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าอย่าไปย้ำว่าเรื่องของการพยายามทำให้เกิดความขัดแย้ง อย่างเมื่อวาน(5มี.ค.) พยายามจะบอกว่ารัฐบาลไปขึ้นบัญชีดำพระสงฆ์อะไร ไม่มี ฉะนั้นอยากให้ระมัดระวัง เพราะว่าถ้าตนไปพูดอะไรจะกลายเป็นว่ามีความขัดแย้ง ซึ่งมันไม่มีอยู่ จริงๆแล้วทุกฝ่าย ไม่ว่ากลุ่มใดก็ตามล้วนแต่มีสิทธิหน้าที่ตามขอบเขตกฎหมาย ก็ขอให้ยึดตามนั้น
หากพระสงฆ์เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 2 หมื่นรูป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่นายอริสมันต์พูดกับความเป็นจริงหรือไม่ เมื่อถามว่ามีแนวคิดปลุกพลังเงียบขึ้นมาดูแลสถานการณ์ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคน หรือคนส่วนใหญ่ในสังคม ซึ่งต้องการเห็นบ้านเมืองสงบก็ช่วยกันทำความเข้าใจกับทุกคนในสังคมของเราว่าบ้านเมืองกำลังเดินหน้าไปได้
ทั้งนี้ หากมีการไปตามสถานที่ราชการจะมีการประกาศเป็นวัดหยุดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีความคิดที่จะประกาศเป็นวันหยุด เมื่อถามว่าการประเมินสถานการณ์ล่าสุดจนถึงวันนี้สถานการณ์น่าจะรุนแรงหรือไม่ถึงขั้นเม.ย.ปีที่แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม เมื่อถามว่ามีจำนวนมากหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวน แต่ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเคลื่อนไหวมากกว่า
ส่วนที่กลุ่มแดงสยามออกมาประกาศว่าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนประเทศเนปาล เขาต้องการส่งสัญญาณอะไรถึงสังคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้สังคมพิจารณาว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
ทั้งนี้หากนายกรัฐมนตรีไม่อยู่จะมอบอำนาจสิทธิขาดให้ใคร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตามระบบราชการอยู่แล้ว ได้กำหนดการเดินทางไปออสเตรเลียไว้ล่วงหน้า และไม่อยากเลื่อน พราะเดิมคิดว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่วงต้นปีมาก็ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เหากไปก็จะมีนายสุเทพ รักษาการใช้อำนาจตามกฎหมาย สมมติว่าจะใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่อย่างไร จะมีการระบุชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา มันไม่สุญญากาศในเรื่องของอำนาจ
เมื่อถามว่ายืนยันว่าจะไปออสเตรเลีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่าจากกำหนดการของนายสุเทพที่ออกมาล่วงหน้าพบว่าในช่วงการชุมนุมนายสุเทพมีกำหนดการอยู่จ.สุราษฎร์ธานี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย ตนจะสอบถามว่าท่านอยู่สุราษฎร์จริงหรือไม่ อาจจะมีการปรับได้ ไม่ยาก
เมื่อถามว่าแนวโน้มความเคลื่อนไหวจะรุนแรงขึ้น จะมีการประกาศกฎหมายพิเศษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ คตม.ก็มีการประเมินตลอดเวลาถ้าจำเป็นก็จะประกาศ แต่การประกาศจะทำความเข้าใจเพื่อความสะดวกในการบริหารสถานการณ์ เมื่อถามว่าจะมีการเสนอเรื่องการประกาศกฎหมายพิเศษเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีอังคารนี้เลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครเสนอ แต่จะมีการหารือเป็นระยะ
**“สุเทพ” ขู่แจกใบสั่ง “อีแต๋น”บุกกรุง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.)เห็นว่า คนที่วางแผนการชุมนุมตั้งใจที่จะใช้รถปิคอัพเข้ามามาก ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในกทม.โดยการปิดกั้นจราจร จึงอยากฝากถึงประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมว่ารัฐบาลไม่ได้ขัดขวางการชุมนุมเพื่อแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ แต่การจราจรในกทม.ปัจจุบันก็หนักอยู่แล้วถ้ามีรถปิคอัพหรือรถยนต์เข้ามามากก็จะทำให้มีผลกระทบวิธีที่ดีที่สุดก็คือขอให้เดินทางโดยรถบัส รถโดยสารประจำทางหรือรถไฟ จะสะดวกที่สุด
นายสุเทพ กล่าวต่อว่าหากจะนำรถส่วนตัวหรือรถปิคอัพมาก็ขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ซึ่งได้สั่งการให้จัดหาสถานที่สำหรับจอดรถบริเวณชานเมืองและจะประสานกับกระทรวงคมนาคมเพื่อจัดหารถบริการผู้ชุมนุมที่จอดรถที่ชานเมืองให้เดินทางเข้ามาชุมนุมได้ โดยถ้ามาจากภาคเหนือ ภาคอีสานจะให้จอดรถไว้ที่ดอนเมือง และให้นั่งรถไฟฟรีมาลงที่ยมราชและเดินมาได้
“ถ้ายังมีการนำรถมาจอดขวาง เกะกะการจราจร ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเตรียมรถยกมายกรถเหล่านี้ออกไปจากการขัดขวางจราจร และผมได้บอกไปแล้วว่าการยกรถนี้บางทีอาจต้องมีการบุบสลายบ้าง ต้องเสียหาย และบริษัทประกันทั้งหลายอาจจะไม่จ่ายค่าซ่อม เจ้าของรถก็จะเดือดร้อน ก็ขอให้ไตร่ตรองและพิจารณาให้ดี”รองนายกฯ กล่าว และว่าสำหรับรถอีแต๋นเอาเข้ามาในกทม.ไม่ได้ รถอีแต๋นจะมาวิ่งอยู่บนถนนหลวงไม่ได้อยู่แล้ว ครั้งนี้แค่ออกจากจังหวัดตนก็ไม่ให้ออกแล้ว เพราะคงยอมให้ทำผิดกฎหมายไม่ได้ และอันตรายด้วย ยิ่งเข้ามาในกทม.ก็ยิ่งวุ่นวาย ดังนั้นมาไม่ได้เด็ดขาด
ทั้งนี้เขาเตรียมไว้ 7-8 จุด จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวกด้านจราจร เมื่อถามว่าจะยอมให้มีการตั้งเวทีตามแยกต่าง ๆ ได้ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เขาก็ต้องขออนุญาต คือต้องตั้งในที่ที่ไม่ขัดขวางการจราจร ต้องประกาศให้ชัดว่าต้องการชุมนุมตรงไหน รัฐบาลจะได้ดูแลอำนวยความสะดวกให้
สำหรับสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดคือปัญหาด้านจราจร และกังวลคนอีกกลุ่มที่พยายามทำการก่อเหตุต่าง ๆ คู่ขนานกันไปกับการชุมนุม ซึ่งตนได้สั่งการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการลาดตระเวน ตั้งจุดตรวจและขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยเป็นหูเป็นตา และต้องขออภัยประชาชนด้วยว่าระยะนี้ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่อาจจะถูกตรวจค้นยวดยานพาหนะที่สัญจรไปมา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมที่กทม.
“สิ่งที่เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจค้นคือดูว่ารถที่เข้ามานั้น ทะเบียนรถถูกต้องหรือไม่ เพื่อป้องกันการขโมยรถมา นอกจากนี้ต้องดูบัตรประชาชนด้วย เพราะไม่ต้องการให้ผู้ที่เข้ามาชุมนุมมีคนต่างด้าวรวมอยู่ด้วย ซึ่งอาจจะทำให้มีปัญหาเยอะ พูดกันไม่รู้เรื่อง ต้องเป็นคนไทยเท่านั้นที่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคืออาวุธ ต้องไม่มีการพกอาวุธเด็ดขาด เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีทันที”รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าในการชุมนุมคนกทม.ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ก็กำลังหาหนทางทุกอย่างที่จะให้คนกทม.สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเห็นว่าผู้ชุมนุมหรือผู้ที่วางแผนการชุมนุมคิดที่จะทำอย่างอื่นก็จะแจ้งให้ประชาชนทราบและหาวิธีแก้ไขตามสถานการณ์ต่อไป
ทั้งนี้ ได้ข่าวเหมือนกันว่าให้เขาส.ส.ลงไปในพื้นที่เพื่อเกณฑ์คนมา จะจ้างหรือวานตนไม่ทราบ โดยกำหนดให้ส.ส.คนหนึ่งให้นำคนมาจำนวนเท่าใด รถกี่คัน ตนก็ต้องตั้งรับไว้โดยไม่ประมาทและต้องคิดไว้ก่อนว่าเขาคงมากันจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการประเมินว่าต้องใช้ในการระดมคนรวมถึงต้องมีการใช้เงินจำนวนมากถึงวันละ 70 ล้าน เงินส่วนนี้เป็นเงินในประเทศหรือไหลเข้ามาจากต่างประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ และพยายามจะหาว่าเขาใช้เงินอะไรอย่างไร แต่ตนได้ยินเขาพูดกันวันละ 70-80 ล้าน
เมื่อถามว่าวันชุมนุมจะมีพระสงฆ์ประมาณ 2 หมื่นรูปร่วมชุมนุม จะเหมาะสมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตั้งใจจะไปกราบพระเถระผู้ใหญ่เพื่อกราบเรียนถึงสถานการณ์บ้านเมืองให้ทราบ และได้กราบเรียนถึงพี่น้องพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ตนก็เป็นชาวพุทธ เป็นเด็กวัด เป็นศิษย์สวนโมกข์ วัดชลประทานรังสฤษฎิ์ วันมาฆะบูชาก็เข้าวัดเหมือนพี่น้องประชาชน ไม่คิดอ่านที่จะไปหลบหลู่พระคุณเจ้าทั้งสิ้น และรัฐบาลนี้ไม่ทำเด็ดขาด ตนอยากจะกราบขอความกรุณาพระคุณเจ้าว่าเรื่องการชุมนุมในทางการเมืองคงไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่เรื่องของพระคุณเจ้า ถ้าใครจะไปนิมนต์มาจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ขอความกรุณาพระคุณเจ้าอย่าได้มาร่วมในกระบวนการนี้เลย
เมื่อถามว่ารัฐบาลมีแนวทางในการดึงประชาชนกรุงเทพเข้ามามีส่วนร่วมในการปั่นป่วนขนาดไหน เหมือนสาทรโมเดลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงจะเรียกเป็นโมเดลอะไรไม่ได้ ตนกราบเรียนกับประชาชนคนกรุงเทพว่าถ้าดูตามรูปการที่เขาเตรียมการมาครั้งนี้เป็นเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพี่น้องคนกรุงเทพได้กรุณาออกมาช่วยกันดูแลบ้านเมือง ช่วยกันปกป้องบ้านเมือง ก็จะทำให้เราดูแลสาถานการณ์ได้ดี
**รายงานนายกฯให้ทำงานรับกุม
เวลา 16.30 น.วันเดียวกัน นายสุเทพ ได้รายงานผลการประชุมคตม. ให้นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงข้อกังวลของคณะกรรมการคตม. ซึ่งได้หารือกันประมาณ 30 นาที ภายหลังนายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้เรียนนายกฯว่าตนจะทำงานให้รัดกุมและติดตามการข่าวให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น และเพิ่มเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนตามจุดตรวจต่างๆ แต่หากมีอะไรจะรายงานต่อนายกฯ
เมื่อถามว่า หากเกิดเหตุความรุนแรงจะสั่งหยุดราชการหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า "ผมไม่อยากให้เราคาดการณ์อะไรล่วงหน้าในทางที่ร้ายเกินไป ผมสัญญาว่าเมื่อผมเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไป มีความจำเป็นที่ต้องทำอะไรผมจะรายงานให้ทราบ"
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ไม่กังวลที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ช่วงที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ เป็นหน้าที่โดยตรงของตนอยู่แล้ว ซึ่งได้มีการเตรียมการโดยไม่ประมาท เมื่อถามว่าคิดว่าต้องสั่งหยุดราชการหรือไม่ในช่วงชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้คาดการณ์ล่วงหน้าในทางร้ายเกินไป แต่ตนสัญญาว่าถ้าตนเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไป แล้วมีความจำเป็นต้องทำอะไร ตนก็จะรายงานให้ทราบ
**”ป๊อกเถิก”โยน"สุเทพ"ตัดสินประกาศมั่นคง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า ตนไม่ได้สั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมอะไร แต่สื่อเขียนไปเอง รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงเพียงให้ติดตามสถานการณ์ เราเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เมื่อได้รับการร้องขอมา ยังไม่มีอะไรพิเศษกว่านั้น
เมื่อถามถึงการประชุมคตม.ในวันที่ 8 มี.ค.นี้จะมีการประเมินเพื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หาก คตม.เห็นอย่างไร ผู้ที่ตัดสินใจคือ นายสุเทพที่จะประเมินว่า สมควรจะประกาศหรือไม่ ซึ่งจะดูจากหลายมิติ ทั้งผลกระทบต่อประชาชน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และทุกเรื่อง หากตัดสินใจใช้ก็จะให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงราชอาณาจักรราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ดำเนินการตั้งเรื่องขึ้นไปขออนุมัติคณะรัฐมนตรีส่วนจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่วิวัฒนาการของสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไป
**"เสธ.ทบ."รับคตม.ห่วงก่อวินาศกรรม
ที่หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) พล.อ. พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกอ.รมน. ยอมรับว่า ได้มีการสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นผอ.รมน.จังหวัด ประสานงานกับประชาชนที่จะเดินทางมาชุมนุม ด้วยการขอร้องไม่ให้นำรถดังกล่าวมาปิดเส้นทางการจราจร กองทัพไมได้ตั้งจุดสกัดกั้น
“ถ้าประเมินดูแล้วสถานการณ์การชุมนุมส่อเค้าไปในทางรุนแรงก็อาจจะต้องประกาศ พรบ.ความมั่นคง เพื่อดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง ทั้งนี้ หากที่ประชุมสรุปว่าจำเป็นจะต้องประกาศก็จะต้องนำเข้าครม. เพื่ออนุมัติต่อไป สำหรับการเตรียมกำลังได้ดำเนินการไว้พร้อมแล้ว โดยใช้แผนรักษาความสงบเรียบร้อยตามปกติไม่มีอะไรซับซ้อน”เสนาธิการทหารบก กล่าวและว่า“คตม.เป็นห่วงเรื่องการก่อวินาศกรรมของกลุ่มที่พยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง จึงสั่งการให้หน่วยต่าง ๆ เตรียมกำลังให้พร้อมในที่ตั้งเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงพอ และมีการติดตามกลุ่มหรือบุคคลที่จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง” พล.อ.พิรุณ ระบุ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปจังหวัดเชียงรายเพื่อชักชวนชาวไทยภูเขา 12 ชนเผ่าให้มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงที่กทม. เสนาธิการทหารบกกล่าวว่า ไม่เป็นไร ชาวไทยภูเขาเหล่านี้ไม่มีอะไรที่เป็นอันตราย เช่นเดียวกับกำลังของไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ที่เดิม พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทยเคยระบุว่าเป็นกองกำลังที่ พล.อ.พัลลภสามารถสั่งการได้นั้น ปัจจุบันไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว หลังจากที่กองทัพได้ชี้แจงทำความเข้าใจแล้ว คนเหล่านี้ถือเป็นกำลังอาสาที่ดีของบ้านเมือง
“โฆษกมาร์ค” หนุนคนกทม.ต้านรุนแรง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวกน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การชุมนุมจะมีคนเข้าร่วมมากหรือน้อยไม่สำคัญ แต่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือคนกทม.เจ้าของพื้นที่ จึงอยากเรียกร้องให้คนกทม.แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยอย่างสันติ และเคารพสิทธิของผู้อื่นอย่างน้อยก็เพื่อให้คนเสื้อแดงได้เกิดความยับยั้ง ชั่งใจในการจะเกิดเหตุหรือสร้างสถานการณ์ใดๆ ขึ้น เพราะจะเห็นว่าตลอดสัปดาห์นี้จงถึงวันที่ 12 มี.ค.มีการกระจายแกนนำออกไปปลุกระดมในต่างจังหวัดเพื่อโหมโรง ไม่เว้นแม้แต่การปลุกระดมพระสงฆ์ ในฐานะที่ตนเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ไม่อยากเห็นพระสงฆ์มาร่วมกิจกรรมทางการเมือง เพราะไม่เหมาะสม จึงขอให้พระเถระชั้นผู้ใหญ่ในกรรมการเถระสมาคม เข้าไปดูแลและให้ข้อมูลข้อเท็จจริงจะถูกญาติโยมและสังคมโลกที่เห็นภาพผ่านสื่อติเตียน นินทาว่าเป็นโลกะวัชชะ
**“โฆษกปชป.” เผย 5 สัญญาณส่อรุนแรง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วอร์รูมพรรคเห็นด้วยและสนับสนุนท่าทีของพรรคที่ไม่ปิดกั้นการใช้สิทธิการชุมนุมของประชาชนที่จะชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ โดยไม่ก่อความวุ่นวายหรือทำผิดกฎหมาย
การชุมนุมครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ สถาบันต่างๆ และประชาชน เพราะมีการเปิดเผยยุทธวิธี 5 สัญญาณที่ส่อว่าจะเกิดความรุนแรงคือ 1.การปลุกระดมผ่านเครือข่ายสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีเพิลชาแนล เว็บไซต์ใต้ดินที่จาบจ้วงสถาบันสื่อ โดยหวังผลปลุกระดมด้านจิตวิทยา บิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนลุกขึ้นสู้โค่นล้มรัฐบาล
2.แนวร่วมความมั่นคง ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มที่มีการฝึกใช้อาวุธ 3.กลุ่มแดงสยามที่บิดเบือนข้อมูลหวังเปลี่ยนแปลงโค่นล้มรัฐบาล เพื่อสถาปนารัฐไทยใหม่ 4.การเปิดโรงเรียน นปช.โดยมีการฝึกการก่อวินาศกรรมจัดทำระเบิดเพลิง เตรียมขวด น้ำมัน ถังแก็ส ผ้าขี้ริ้ว และ 5.การให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ชวลิต ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลังจากเกิดเหตุระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพฯ ว่า บอกไม่ได้ เป็นความลับว่าจะมีการนองเลือดเกิดขึ้นหรือไม่ในการชุมนุม ซึ่งความลับนั้นหมายถึงอะไรขอให้ชี้แจงต่อสังคมให้กระจ่าง
**รองโฆษปชป.”จับซื้อชุดทหารมากขึ้น
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มี.ค.ว่า ขอเตือนผู้ที่จะเข้าร่วมการชุมนุมขอให้พิจารณาให้รอบคอบว่าสิ่งที่จะทำนั้นเป็นประโยชน์ต่อชาติจริงหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าจะมีการจัดฉากถ่ายคลิปวิดิโอต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานจากแม่ค้าแถวลาดพร้าว สวนจตุจักร ว่ามีการซื้อขายชุดทหารมากกว่าปกติ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการจัดฉากเพื่อให้คนแต่งกายคล้ายทหารและใช้อาวุธปืนยิงประชาชน และจะบังเอิญมีคนใช้กล้องวิดิโอถ่ายเอาไว้ได้ แล้วนำมาขยายผลต่อ
**อ้าง“หยุกทม.”เป็นที่ตั้งขับไล่รบ.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า จะใช้พื้นที่ท้องสนามหลวง ไล่มาตามถนนราชดำเนิน ถึงเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาส ไปจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า โดยเวทีใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ แล้วหันหน้าไปตามถนนราชดำเนินทั้ง 2 ฝั่ง และมีแกนนำคนเสื้อแดงไปอยู่ในจุดกระจ่ายเสียงย่อย ทั้งนี้อ้างว่า รัฐบาลกำลังพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า คนเสื้อแดงจะใช้ความรุนแรง โดยการปล่อยข่าวว่ามีการใช้งบประมาณกว่า 80 ล้านบาทต่อวันเพื่อเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ เพราะครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าจ้าง แต่กลับเป็นผู้ที่มาชุมนุมที่จะเป็นเจ้าของกองทุน
ส่วนกรณที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ออกมาระบุพรรคเพื่อไทยมอบหมายให้ ส.ส. 1 คนระดมรถกระบะ 200 คันนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง แม้คนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยเป็นมิตรกันทางการเมือง ด้วยยุทธศาสตร์การเดิน 2 ขาเพื่อประชาธิปไตย แต่ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์แบบออกคำสั่ง อีกทั้งขณะนี้รถยนต์ที่มาร่วมลงทะเบียนที่จะเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงก็หลายหมื่นคัน และมียอดทะลุ 35,000 คันไปแล้ว
กรณีที่นายสุเทพ ประกาศใช้กฎหมายจราจรจัดการ เห็นว่านายสุเทพไม่มีสิทธิ์ข่มขู่ประชาชน ขอประกาศว่าคนเสื้อแดงจะนำรถอีแต๋นเคลื่อนไหวแน่นอน ซึ่งก็อยากรู้เหมือนกันว่านายสุเทพจะทำอะไรได้ หากมีการนำรถลากมาลากรถยนต์ของประชาชน ประชาชนจะขอสงวนสิทธิ์ในการยึดรถลากเหล่านั้นไว้แล้วจะคืนให้ทางราชการเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
"วันนี้คนไทยจะต้องตัดสินใจ ที่จะหยุดกรุงเทพฯ ไม่กี่วันเพื่อให้ประเทศไทยได้เดินไปข้างหน้าตลอดกาล เพราะประเทศไทยถูกฉุดให้ถอยหลังมาตลอด 4 ปีแล้ว และวันนี้ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นสันติภาพ" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนออสเตรเลียวันที่ 13-17 มีนาคมนั้นเป็นการตัดสินใจที่สะท้อนความไร้ภาวะผู้นำ และเป็นผู้เยาว์ที่หนีปัญหา
**มส.เชื่อพระสงฆ์ไม่เข้าชุมนุมกับ “หางแดง”
ดร.อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) กล่าวว่า กรณีที่ แกนนำ นปช.ระบุว่าจะมีพระสงฆ์ประมาณ 2 หมื่นรูปเข้ามาร่วมชุมนุมทางมส.ได้มีหนังสือแจ้งเตือนไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดอยู่แล้วว่า ห้ามพระสงฆ์ยุ่งเรื่องการเมือง ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้เป็นการเรียกร้องเพื่อบุคคลเพียงคนเดียว ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะมาร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตามจะมีการสอบถามไปยังจังหวัดต่างๆ ว่าข้อมูลที่แกนนำ นปช.ออกมาพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่
**ตร.เตรียมรถยกเคลียร์เส้นทาง**
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตำรวจได้เตรียมรถยกเพื่อเคลียร์เส้นทาง กรณีที่กีดขวางเส้นทาง ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปิดกั้นสิทธิการชุมนุมแต่มองว่าตำรวจมีอำนาจในฐานะเป็นเจ้าพนักงานจราจร นอกจากนี้มีการเตรียมแผนกรณีหากผู้ชุมนุมนำรถบรรทุกแก๊สมาปิดดกั้นเส้นทาง รวมทั้งมีแผนรับมือการปิดถนนโดยใช้มวลชนเป็นโล่มนุษย์
ทั้งนี้ ยืนยันได้ว่าตอนนี้ตำรวจไม่มีเกียร์ว่างอยู่แล้ว โดยเราจะทำตามแผนที่ กอ.รมน.กำหนดไว้ เมื่อถามว่าจะมีตำรวจที่ไม่ทำงานเต็มกำลังขาดขวัญกำลังใจเพราะหวั่นโดย ป.ป.ช.ดำเนินคดีย้อนหลัง ซ้ำรอยเหตุ 7 ตุลา 51 หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ไม่น่าเป็นปัญหาในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ตำรวจมีขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ หวั่นเกิดวินาศกรรม นั้น รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า มีแผนป้องกันเพิ่มจุดตรวจมากขึ้น การหาข่าวมากขึ้น มั่นใจทางการข่าว
**หมายจับเพิ่ม"เค ทอง"ผิด พรบ.คอมฯ
พ.ต.อ.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนนำคำร้องพร้อมหลักฐาน การสอบปากคำ ร.ท.(หญิง) กัลยภัทร ชูประทีป นายทหารประจำหน่วยทหารพัฒนา กระทรวงกลาโหม เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ที่ นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเค ทอง ใช้เป็นช่องทางเผยแพร่ภาพ และเสียง พร้อมกับคำให้การของ นายณัฐวุฒิ บุญยั่งยืน ผู้ดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์คลิปวิดีโอภาพและเสียง นายพรวัฒน์ คำให้การของพยานที่เกี่ยวข้อง พร้อมหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่อนุมัติให้ออกหมายจับ นายพรวัฒน์ 2 ข้อหา ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง ยื่นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อออกหมายจับ นายพรวัฒน์ และล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับแล้ว
วานนี้ ( 5 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวประมินการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลพยายามบริหารให้การชุมนุมมีความเรียบร้อย เพราะเป็นสิทธิในการเคลื่อนไหวอย่างสงบ การนำรถหรือยานพาหนะเข้ามาอยากให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และเข้าใจว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความความมั่นคง ได้พูดถึงการบริหารการจราจร เพราะจะมีทั้งคนและรถจำนวนมาก จะเกิดความไม่สะดวกกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้หากทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายคงไม่ได้ คนส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมไม่มีวัตถุประสงค์ในการทำผิดกฎหมายเขามาแสดงออกทางการเมือง แต่คนที่อยากให้เกิดความวุ่นวาย ความโกลาหลขึ้นมันมีอยู่ส่วนหนึ่ง
ขณะที่พระสงฆ์จะเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย มหาเถรสมาคมจะมีบทบาทดูแลอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าอย่าไปย้ำว่าเรื่องของการพยายามทำให้เกิดความขัดแย้ง อย่างเมื่อวาน(5มี.ค.) พยายามจะบอกว่ารัฐบาลไปขึ้นบัญชีดำพระสงฆ์อะไร ไม่มี ฉะนั้นอยากให้ระมัดระวัง เพราะว่าถ้าตนไปพูดอะไรจะกลายเป็นว่ามีความขัดแย้ง ซึ่งมันไม่มีอยู่ จริงๆแล้วทุกฝ่าย ไม่ว่ากลุ่มใดก็ตามล้วนแต่มีสิทธิหน้าที่ตามขอบเขตกฎหมาย ก็ขอให้ยึดตามนั้น
หากพระสงฆ์เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 2 หมื่นรูป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่นายอริสมันต์พูดกับความเป็นจริงหรือไม่ เมื่อถามว่ามีแนวคิดปลุกพลังเงียบขึ้นมาดูแลสถานการณ์ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคน หรือคนส่วนใหญ่ในสังคม ซึ่งต้องการเห็นบ้านเมืองสงบก็ช่วยกันทำความเข้าใจกับทุกคนในสังคมของเราว่าบ้านเมืองกำลังเดินหน้าไปได้
ทั้งนี้ หากมีการไปตามสถานที่ราชการจะมีการประกาศเป็นวัดหยุดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีความคิดที่จะประกาศเป็นวันหยุด เมื่อถามว่าการประเมินสถานการณ์ล่าสุดจนถึงวันนี้สถานการณ์น่าจะรุนแรงหรือไม่ถึงขั้นเม.ย.ปีที่แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม เมื่อถามว่ามีจำนวนมากหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวน แต่ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเคลื่อนไหวมากกว่า
ส่วนที่กลุ่มแดงสยามออกมาประกาศว่าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนประเทศเนปาล เขาต้องการส่งสัญญาณอะไรถึงสังคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้สังคมพิจารณาว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
ทั้งนี้หากนายกรัฐมนตรีไม่อยู่จะมอบอำนาจสิทธิขาดให้ใคร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตามระบบราชการอยู่แล้ว ได้กำหนดการเดินทางไปออสเตรเลียไว้ล่วงหน้า และไม่อยากเลื่อน พราะเดิมคิดว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่วงต้นปีมาก็ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เหากไปก็จะมีนายสุเทพ รักษาการใช้อำนาจตามกฎหมาย สมมติว่าจะใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่อย่างไร จะมีการระบุชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา มันไม่สุญญากาศในเรื่องของอำนาจ
เมื่อถามว่ายืนยันว่าจะไปออสเตรเลีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่าจากกำหนดการของนายสุเทพที่ออกมาล่วงหน้าพบว่าในช่วงการชุมนุมนายสุเทพมีกำหนดการอยู่จ.สุราษฎร์ธานี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย ตนจะสอบถามว่าท่านอยู่สุราษฎร์จริงหรือไม่ อาจจะมีการปรับได้ ไม่ยาก
เมื่อถามว่าแนวโน้มความเคลื่อนไหวจะรุนแรงขึ้น จะมีการประกาศกฎหมายพิเศษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ คตม.ก็มีการประเมินตลอดเวลาถ้าจำเป็นก็จะประกาศ แต่การประกาศจะทำความเข้าใจเพื่อความสะดวกในการบริหารสถานการณ์ เมื่อถามว่าจะมีการเสนอเรื่องการประกาศกฎหมายพิเศษเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีอังคารนี้เลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครเสนอ แต่จะมีการหารือเป็นระยะ
**“สุเทพ” ขู่แจกใบสั่ง “อีแต๋น”บุกกรุง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.)เห็นว่า คนที่วางแผนการชุมนุมตั้งใจที่จะใช้รถปิคอัพเข้ามามาก ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในกทม.โดยการปิดกั้นจราจร จึงอยากฝากถึงประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมว่ารัฐบาลไม่ได้ขัดขวางการชุมนุมเพื่อแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ แต่การจราจรในกทม.ปัจจุบันก็หนักอยู่แล้วถ้ามีรถปิคอัพหรือรถยนต์เข้ามามากก็จะทำให้มีผลกระทบวิธีที่ดีที่สุดก็คือขอให้เดินทางโดยรถบัส รถโดยสารประจำทางหรือรถไฟ จะสะดวกที่สุด
นายสุเทพ กล่าวต่อว่าหากจะนำรถส่วนตัวหรือรถปิคอัพมาก็ขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ซึ่งได้สั่งการให้จัดหาสถานที่สำหรับจอดรถบริเวณชานเมืองและจะประสานกับกระทรวงคมนาคมเพื่อจัดหารถบริการผู้ชุมนุมที่จอดรถที่ชานเมืองให้เดินทางเข้ามาชุมนุมได้ โดยถ้ามาจากภาคเหนือ ภาคอีสานจะให้จอดรถไว้ที่ดอนเมือง และให้นั่งรถไฟฟรีมาลงที่ยมราชและเดินมาได้
“ถ้ายังมีการนำรถมาจอดขวาง เกะกะการจราจร ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเตรียมรถยกมายกรถเหล่านี้ออกไปจากการขัดขวางจราจร และผมได้บอกไปแล้วว่าการยกรถนี้บางทีอาจต้องมีการบุบสลายบ้าง ต้องเสียหาย และบริษัทประกันทั้งหลายอาจจะไม่จ่ายค่าซ่อม เจ้าของรถก็จะเดือดร้อน ก็ขอให้ไตร่ตรองและพิจารณาให้ดี”รองนายกฯ กล่าว และว่าสำหรับรถอีแต๋นเอาเข้ามาในกทม.ไม่ได้ รถอีแต๋นจะมาวิ่งอยู่บนถนนหลวงไม่ได้อยู่แล้ว ครั้งนี้แค่ออกจากจังหวัดตนก็ไม่ให้ออกแล้ว เพราะคงยอมให้ทำผิดกฎหมายไม่ได้ และอันตรายด้วย ยิ่งเข้ามาในกทม.ก็ยิ่งวุ่นวาย ดังนั้นมาไม่ได้เด็ดขาด
ทั้งนี้เขาเตรียมไว้ 7-8 จุด จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวกด้านจราจร เมื่อถามว่าจะยอมให้มีการตั้งเวทีตามแยกต่าง ๆ ได้ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เขาก็ต้องขออนุญาต คือต้องตั้งในที่ที่ไม่ขัดขวางการจราจร ต้องประกาศให้ชัดว่าต้องการชุมนุมตรงไหน รัฐบาลจะได้ดูแลอำนวยความสะดวกให้
สำหรับสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดคือปัญหาด้านจราจร และกังวลคนอีกกลุ่มที่พยายามทำการก่อเหตุต่าง ๆ คู่ขนานกันไปกับการชุมนุม ซึ่งตนได้สั่งการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการลาดตระเวน ตั้งจุดตรวจและขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยเป็นหูเป็นตา และต้องขออภัยประชาชนด้วยว่าระยะนี้ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่อาจจะถูกตรวจค้นยวดยานพาหนะที่สัญจรไปมา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมที่กทม.
“สิ่งที่เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจค้นคือดูว่ารถที่เข้ามานั้น ทะเบียนรถถูกต้องหรือไม่ เพื่อป้องกันการขโมยรถมา นอกจากนี้ต้องดูบัตรประชาชนด้วย เพราะไม่ต้องการให้ผู้ที่เข้ามาชุมนุมมีคนต่างด้าวรวมอยู่ด้วย ซึ่งอาจจะทำให้มีปัญหาเยอะ พูดกันไม่รู้เรื่อง ต้องเป็นคนไทยเท่านั้นที่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคืออาวุธ ต้องไม่มีการพกอาวุธเด็ดขาด เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีทันที”รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าในการชุมนุมคนกทม.ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ก็กำลังหาหนทางทุกอย่างที่จะให้คนกทม.สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเห็นว่าผู้ชุมนุมหรือผู้ที่วางแผนการชุมนุมคิดที่จะทำอย่างอื่นก็จะแจ้งให้ประชาชนทราบและหาวิธีแก้ไขตามสถานการณ์ต่อไป
ทั้งนี้ ได้ข่าวเหมือนกันว่าให้เขาส.ส.ลงไปในพื้นที่เพื่อเกณฑ์คนมา จะจ้างหรือวานตนไม่ทราบ โดยกำหนดให้ส.ส.คนหนึ่งให้นำคนมาจำนวนเท่าใด รถกี่คัน ตนก็ต้องตั้งรับไว้โดยไม่ประมาทและต้องคิดไว้ก่อนว่าเขาคงมากันจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการประเมินว่าต้องใช้ในการระดมคนรวมถึงต้องมีการใช้เงินจำนวนมากถึงวันละ 70 ล้าน เงินส่วนนี้เป็นเงินในประเทศหรือไหลเข้ามาจากต่างประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ และพยายามจะหาว่าเขาใช้เงินอะไรอย่างไร แต่ตนได้ยินเขาพูดกันวันละ 70-80 ล้าน
เมื่อถามว่าวันชุมนุมจะมีพระสงฆ์ประมาณ 2 หมื่นรูปร่วมชุมนุม จะเหมาะสมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตั้งใจจะไปกราบพระเถระผู้ใหญ่เพื่อกราบเรียนถึงสถานการณ์บ้านเมืองให้ทราบ และได้กราบเรียนถึงพี่น้องพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ตนก็เป็นชาวพุทธ เป็นเด็กวัด เป็นศิษย์สวนโมกข์ วัดชลประทานรังสฤษฎิ์ วันมาฆะบูชาก็เข้าวัดเหมือนพี่น้องประชาชน ไม่คิดอ่านที่จะไปหลบหลู่พระคุณเจ้าทั้งสิ้น และรัฐบาลนี้ไม่ทำเด็ดขาด ตนอยากจะกราบขอความกรุณาพระคุณเจ้าว่าเรื่องการชุมนุมในทางการเมืองคงไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่เรื่องของพระคุณเจ้า ถ้าใครจะไปนิมนต์มาจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ขอความกรุณาพระคุณเจ้าอย่าได้มาร่วมในกระบวนการนี้เลย
เมื่อถามว่ารัฐบาลมีแนวทางในการดึงประชาชนกรุงเทพเข้ามามีส่วนร่วมในการปั่นป่วนขนาดไหน เหมือนสาทรโมเดลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงจะเรียกเป็นโมเดลอะไรไม่ได้ ตนกราบเรียนกับประชาชนคนกรุงเทพว่าถ้าดูตามรูปการที่เขาเตรียมการมาครั้งนี้เป็นเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพี่น้องคนกรุงเทพได้กรุณาออกมาช่วยกันดูแลบ้านเมือง ช่วยกันปกป้องบ้านเมือง ก็จะทำให้เราดูแลสาถานการณ์ได้ดี
**รายงานนายกฯให้ทำงานรับกุม
เวลา 16.30 น.วันเดียวกัน นายสุเทพ ได้รายงานผลการประชุมคตม. ให้นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงข้อกังวลของคณะกรรมการคตม. ซึ่งได้หารือกันประมาณ 30 นาที ภายหลังนายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้เรียนนายกฯว่าตนจะทำงานให้รัดกุมและติดตามการข่าวให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น และเพิ่มเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนตามจุดตรวจต่างๆ แต่หากมีอะไรจะรายงานต่อนายกฯ
เมื่อถามว่า หากเกิดเหตุความรุนแรงจะสั่งหยุดราชการหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า "ผมไม่อยากให้เราคาดการณ์อะไรล่วงหน้าในทางที่ร้ายเกินไป ผมสัญญาว่าเมื่อผมเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไป มีความจำเป็นที่ต้องทำอะไรผมจะรายงานให้ทราบ"
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ไม่กังวลที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ช่วงที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ เป็นหน้าที่โดยตรงของตนอยู่แล้ว ซึ่งได้มีการเตรียมการโดยไม่ประมาท เมื่อถามว่าคิดว่าต้องสั่งหยุดราชการหรือไม่ในช่วงชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้คาดการณ์ล่วงหน้าในทางร้ายเกินไป แต่ตนสัญญาว่าถ้าตนเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไป แล้วมีความจำเป็นต้องทำอะไร ตนก็จะรายงานให้ทราบ
**”ป๊อกเถิก”โยน"สุเทพ"ตัดสินประกาศมั่นคง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า ตนไม่ได้สั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมอะไร แต่สื่อเขียนไปเอง รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงเพียงให้ติดตามสถานการณ์ เราเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เมื่อได้รับการร้องขอมา ยังไม่มีอะไรพิเศษกว่านั้น
เมื่อถามถึงการประชุมคตม.ในวันที่ 8 มี.ค.นี้จะมีการประเมินเพื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หาก คตม.เห็นอย่างไร ผู้ที่ตัดสินใจคือ นายสุเทพที่จะประเมินว่า สมควรจะประกาศหรือไม่ ซึ่งจะดูจากหลายมิติ ทั้งผลกระทบต่อประชาชน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และทุกเรื่อง หากตัดสินใจใช้ก็จะให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงราชอาณาจักรราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ดำเนินการตั้งเรื่องขึ้นไปขออนุมัติคณะรัฐมนตรีส่วนจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่วิวัฒนาการของสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไป
**"เสธ.ทบ."รับคตม.ห่วงก่อวินาศกรรม
ที่หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) พล.อ. พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกอ.รมน. ยอมรับว่า ได้มีการสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นผอ.รมน.จังหวัด ประสานงานกับประชาชนที่จะเดินทางมาชุมนุม ด้วยการขอร้องไม่ให้นำรถดังกล่าวมาปิดเส้นทางการจราจร กองทัพไมได้ตั้งจุดสกัดกั้น
“ถ้าประเมินดูแล้วสถานการณ์การชุมนุมส่อเค้าไปในทางรุนแรงก็อาจจะต้องประกาศ พรบ.ความมั่นคง เพื่อดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง ทั้งนี้ หากที่ประชุมสรุปว่าจำเป็นจะต้องประกาศก็จะต้องนำเข้าครม. เพื่ออนุมัติต่อไป สำหรับการเตรียมกำลังได้ดำเนินการไว้พร้อมแล้ว โดยใช้แผนรักษาความสงบเรียบร้อยตามปกติไม่มีอะไรซับซ้อน”เสนาธิการทหารบก กล่าวและว่า“คตม.เป็นห่วงเรื่องการก่อวินาศกรรมของกลุ่มที่พยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง จึงสั่งการให้หน่วยต่าง ๆ เตรียมกำลังให้พร้อมในที่ตั้งเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงพอ และมีการติดตามกลุ่มหรือบุคคลที่จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง” พล.อ.พิรุณ ระบุ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปจังหวัดเชียงรายเพื่อชักชวนชาวไทยภูเขา 12 ชนเผ่าให้มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงที่กทม. เสนาธิการทหารบกกล่าวว่า ไม่เป็นไร ชาวไทยภูเขาเหล่านี้ไม่มีอะไรที่เป็นอันตราย เช่นเดียวกับกำลังของไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ที่เดิม พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทยเคยระบุว่าเป็นกองกำลังที่ พล.อ.พัลลภสามารถสั่งการได้นั้น ปัจจุบันไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว หลังจากที่กองทัพได้ชี้แจงทำความเข้าใจแล้ว คนเหล่านี้ถือเป็นกำลังอาสาที่ดีของบ้านเมือง
“โฆษกมาร์ค” หนุนคนกทม.ต้านรุนแรง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวกน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การชุมนุมจะมีคนเข้าร่วมมากหรือน้อยไม่สำคัญ แต่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือคนกทม.เจ้าของพื้นที่ จึงอยากเรียกร้องให้คนกทม.แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยอย่างสันติ และเคารพสิทธิของผู้อื่นอย่างน้อยก็เพื่อให้คนเสื้อแดงได้เกิดความยับยั้ง ชั่งใจในการจะเกิดเหตุหรือสร้างสถานการณ์ใดๆ ขึ้น เพราะจะเห็นว่าตลอดสัปดาห์นี้จงถึงวันที่ 12 มี.ค.มีการกระจายแกนนำออกไปปลุกระดมในต่างจังหวัดเพื่อโหมโรง ไม่เว้นแม้แต่การปลุกระดมพระสงฆ์ ในฐานะที่ตนเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ไม่อยากเห็นพระสงฆ์มาร่วมกิจกรรมทางการเมือง เพราะไม่เหมาะสม จึงขอให้พระเถระชั้นผู้ใหญ่ในกรรมการเถระสมาคม เข้าไปดูแลและให้ข้อมูลข้อเท็จจริงจะถูกญาติโยมและสังคมโลกที่เห็นภาพผ่านสื่อติเตียน นินทาว่าเป็นโลกะวัชชะ
**“โฆษกปชป.” เผย 5 สัญญาณส่อรุนแรง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วอร์รูมพรรคเห็นด้วยและสนับสนุนท่าทีของพรรคที่ไม่ปิดกั้นการใช้สิทธิการชุมนุมของประชาชนที่จะชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ โดยไม่ก่อความวุ่นวายหรือทำผิดกฎหมาย
การชุมนุมครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ สถาบันต่างๆ และประชาชน เพราะมีการเปิดเผยยุทธวิธี 5 สัญญาณที่ส่อว่าจะเกิดความรุนแรงคือ 1.การปลุกระดมผ่านเครือข่ายสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีเพิลชาแนล เว็บไซต์ใต้ดินที่จาบจ้วงสถาบันสื่อ โดยหวังผลปลุกระดมด้านจิตวิทยา บิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนลุกขึ้นสู้โค่นล้มรัฐบาล
2.แนวร่วมความมั่นคง ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มที่มีการฝึกใช้อาวุธ 3.กลุ่มแดงสยามที่บิดเบือนข้อมูลหวังเปลี่ยนแปลงโค่นล้มรัฐบาล เพื่อสถาปนารัฐไทยใหม่ 4.การเปิดโรงเรียน นปช.โดยมีการฝึกการก่อวินาศกรรมจัดทำระเบิดเพลิง เตรียมขวด น้ำมัน ถังแก็ส ผ้าขี้ริ้ว และ 5.การให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ชวลิต ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลังจากเกิดเหตุระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพฯ ว่า บอกไม่ได้ เป็นความลับว่าจะมีการนองเลือดเกิดขึ้นหรือไม่ในการชุมนุม ซึ่งความลับนั้นหมายถึงอะไรขอให้ชี้แจงต่อสังคมให้กระจ่าง
**รองโฆษปชป.”จับซื้อชุดทหารมากขึ้น
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มี.ค.ว่า ขอเตือนผู้ที่จะเข้าร่วมการชุมนุมขอให้พิจารณาให้รอบคอบว่าสิ่งที่จะทำนั้นเป็นประโยชน์ต่อชาติจริงหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าจะมีการจัดฉากถ่ายคลิปวิดิโอต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานจากแม่ค้าแถวลาดพร้าว สวนจตุจักร ว่ามีการซื้อขายชุดทหารมากกว่าปกติ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการจัดฉากเพื่อให้คนแต่งกายคล้ายทหารและใช้อาวุธปืนยิงประชาชน และจะบังเอิญมีคนใช้กล้องวิดิโอถ่ายเอาไว้ได้ แล้วนำมาขยายผลต่อ
**อ้าง“หยุกทม.”เป็นที่ตั้งขับไล่รบ.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า จะใช้พื้นที่ท้องสนามหลวง ไล่มาตามถนนราชดำเนิน ถึงเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาส ไปจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า โดยเวทีใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ แล้วหันหน้าไปตามถนนราชดำเนินทั้ง 2 ฝั่ง และมีแกนนำคนเสื้อแดงไปอยู่ในจุดกระจ่ายเสียงย่อย ทั้งนี้อ้างว่า รัฐบาลกำลังพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า คนเสื้อแดงจะใช้ความรุนแรง โดยการปล่อยข่าวว่ามีการใช้งบประมาณกว่า 80 ล้านบาทต่อวันเพื่อเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ เพราะครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าจ้าง แต่กลับเป็นผู้ที่มาชุมนุมที่จะเป็นเจ้าของกองทุน
ส่วนกรณที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ออกมาระบุพรรคเพื่อไทยมอบหมายให้ ส.ส. 1 คนระดมรถกระบะ 200 คันนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง แม้คนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยเป็นมิตรกันทางการเมือง ด้วยยุทธศาสตร์การเดิน 2 ขาเพื่อประชาธิปไตย แต่ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์แบบออกคำสั่ง อีกทั้งขณะนี้รถยนต์ที่มาร่วมลงทะเบียนที่จะเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงก็หลายหมื่นคัน และมียอดทะลุ 35,000 คันไปแล้ว
กรณีที่นายสุเทพ ประกาศใช้กฎหมายจราจรจัดการ เห็นว่านายสุเทพไม่มีสิทธิ์ข่มขู่ประชาชน ขอประกาศว่าคนเสื้อแดงจะนำรถอีแต๋นเคลื่อนไหวแน่นอน ซึ่งก็อยากรู้เหมือนกันว่านายสุเทพจะทำอะไรได้ หากมีการนำรถลากมาลากรถยนต์ของประชาชน ประชาชนจะขอสงวนสิทธิ์ในการยึดรถลากเหล่านั้นไว้แล้วจะคืนให้ทางราชการเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
"วันนี้คนไทยจะต้องตัดสินใจ ที่จะหยุดกรุงเทพฯ ไม่กี่วันเพื่อให้ประเทศไทยได้เดินไปข้างหน้าตลอดกาล เพราะประเทศไทยถูกฉุดให้ถอยหลังมาตลอด 4 ปีแล้ว และวันนี้ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นสันติภาพ" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนออสเตรเลียวันที่ 13-17 มีนาคมนั้นเป็นการตัดสินใจที่สะท้อนความไร้ภาวะผู้นำ และเป็นผู้เยาว์ที่หนีปัญหา
**มส.เชื่อพระสงฆ์ไม่เข้าชุมนุมกับ “หางแดง”
ดร.อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) กล่าวว่า กรณีที่ แกนนำ นปช.ระบุว่าจะมีพระสงฆ์ประมาณ 2 หมื่นรูปเข้ามาร่วมชุมนุมทางมส.ได้มีหนังสือแจ้งเตือนไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดอยู่แล้วว่า ห้ามพระสงฆ์ยุ่งเรื่องการเมือง ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้เป็นการเรียกร้องเพื่อบุคคลเพียงคนเดียว ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะมาร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตามจะมีการสอบถามไปยังจังหวัดต่างๆ ว่าข้อมูลที่แกนนำ นปช.ออกมาพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่
**ตร.เตรียมรถยกเคลียร์เส้นทาง**
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตำรวจได้เตรียมรถยกเพื่อเคลียร์เส้นทาง กรณีที่กีดขวางเส้นทาง ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปิดกั้นสิทธิการชุมนุมแต่มองว่าตำรวจมีอำนาจในฐานะเป็นเจ้าพนักงานจราจร นอกจากนี้มีการเตรียมแผนกรณีหากผู้ชุมนุมนำรถบรรทุกแก๊สมาปิดดกั้นเส้นทาง รวมทั้งมีแผนรับมือการปิดถนนโดยใช้มวลชนเป็นโล่มนุษย์
ทั้งนี้ ยืนยันได้ว่าตอนนี้ตำรวจไม่มีเกียร์ว่างอยู่แล้ว โดยเราจะทำตามแผนที่ กอ.รมน.กำหนดไว้ เมื่อถามว่าจะมีตำรวจที่ไม่ทำงานเต็มกำลังขาดขวัญกำลังใจเพราะหวั่นโดย ป.ป.ช.ดำเนินคดีย้อนหลัง ซ้ำรอยเหตุ 7 ตุลา 51 หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ไม่น่าเป็นปัญหาในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ตำรวจมีขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ หวั่นเกิดวินาศกรรม นั้น รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า มีแผนป้องกันเพิ่มจุดตรวจมากขึ้น การหาข่าวมากขึ้น มั่นใจทางการข่าว
**หมายจับเพิ่ม"เค ทอง"ผิด พรบ.คอมฯ
พ.ต.อ.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนนำคำร้องพร้อมหลักฐาน การสอบปากคำ ร.ท.(หญิง) กัลยภัทร ชูประทีป นายทหารประจำหน่วยทหารพัฒนา กระทรวงกลาโหม เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ที่ นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเค ทอง ใช้เป็นช่องทางเผยแพร่ภาพ และเสียง พร้อมกับคำให้การของ นายณัฐวุฒิ บุญยั่งยืน ผู้ดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์คลิปวิดีโอภาพและเสียง นายพรวัฒน์ คำให้การของพยานที่เกี่ยวข้อง พร้อมหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่อนุมัติให้ออกหมายจับ นายพรวัฒน์ 2 ข้อหา ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง ยื่นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อออกหมายจับ นายพรวัฒน์ และล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับแล้ว