xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” ลั่นห้ามอีแต๋นเข้ากรุง ชี้ชุมนุมไม่ใช่กิจสงฆ์ รับรู้ข่าวจ่าย 80 ล./วัน จัดม็อบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
“สุเทพ” เชื่อแก๊งแดงขับปิคอัพก่อม็อบหวังทำคนกรุงเดือดร้อน เตือนระวังไม่คุ้ม ปัดคมนาคมสั่งห้ามขึ้น บขส. ลั่นห้ามอีแต๋นเข้ากรุงเด็ดขาด จ่อเพิ่มหน่วยลาดตระเวน ตั้งจุดค้นอาวุธ ตรวจบัตรประชาชนหวั่นต่างด้าวสวมรอย ย้ำแกนนำปลุกระดมผิดกฎหมายเจอถอนประกันแน่ รับไม่สบายใจ แก๊งถ่อยเอาประเทศเป็นเดิมพัน ปูดได้ยินใช้ 80 ล้านต่อวัน จัดม็อบ ปัดรัฐขึ้นบัญชีดำพระ 11 รูป ยันชุมนุมไม่ใช่กิจสงฆ์ วอนคนกรุงร่วมมือปกป้องบ้านเมือง จวกแก๊งแม้วหน้ามืด คุยกันยาก หวัง “จิ๋ว” คงคิดได้



วันนี้ (5 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) วานนี้ (4 มี.ค.)ว่า เป็นการประเมินสถานการณ์และคิดหาทางแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งตนได้ฟังข่าวว่าผู้ที่จะมาชุมนุมตามการชักชวนของบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขาจะใช้รถปิกอัพเข้ามามาก ตนคิดว่าคนที่วางแผนการชุมนุมตั้งใจที่จะใช้รถปิกอัพเข้ามามากๆ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนใน กทม.ในเรื่องของการปิดกั้นจราจร จึงอยากฝากไปถึงประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมว่ารัฐบาลไม่ได้ขัดขวางการชุมนุมเพื่อแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพของท่าน แต่การจราจรใน กทม.ปัจจุบันก็หนักอยู่แล้ว ถ้ามีรถปิกอัพหรือรถยนต์เข้ามามากก็จะทำให้มีผลกระทบต่อระบบการจราจรของคน กทม.จึงอยากให้คำนึงถึงด้วย ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือขอให้เดินทางโดยรถบัส รถโดยสารประจำทางหรือรถไฟ จะสะดวกที่สุด

นายสุเทพกล่าวต่อว่า หากจะนำรถส่วนตัวหรือรถปิกอัพมาก็ขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งตนได้สั่งการให้จัดหาสถานที่สำหรับจอดรถเหล่านี้ในบริเวณชานเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในชั้นใน และจะประสานกับกระทรวงคมนาคมเพื่อจัดหารถบริการผู้ชุมนุมที่จอดรถที่ชานเมืองให้เดินทางเข้ามาชุมนุมได้ โดยถ้ามาจากภาคเหนือ ภาคอีสานจะให้จอดรถไว้ที่ดอนเมือง และให้นั่งรถไฟฟรีมาลงที่ยมราชและเดินมาได้ ซึ่งจะค่อยๆ ประกาศให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป

“ถ้ายังมีการนำรถมาจอดขวางเกะกะการจราจร ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเตรียมรถยกมายกรถเหล่านี้ออกไปจากการขัดขวางจราจร และผมได้บอกไปแล้วว่าการยกรถนี้บางทีอาจต้องมีการบุบสลายบ้าง ต้องเสียหาย และบริษัทประกันทั้งหลายอาจจะไม่จ่ายค่าซ่อม เจ้าของรถก็จะเดือดร้อน ก็ขอให้ไตร่ตรองและพิจารณาให้ดี” รองนายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าทางกระทรวงคมนาคมไปสั่งไม่ให้รถบัสไปบริการเช่ากับผู้ชุมนุม เขาจึงประกาศจะนำรถเล็กเข้ามา โดยเฉพาะรถอีแต๋น นายสุเทพกล่าวว่า ก็กล่าวหากันไป เหมือนกับการกล่าวหารัฐบาลทำแบล็กลิสต์ ไปห้ามไม่ได้ คนขึ้นรถใครจะไปแยกว่าจะไปชุมนุมหรือจะไปธุระอะไร สำหรับรถอีแต๋นเอาเข้ามาใน กทม.ไม่ได้ รถอีแต๋นจะมาวิ่งอยู่บนถนนหลวงไม่ได้อยู่แล้ว ครั้งนี้แค่ออกจากจังหวัดตนก็ไม่ให้ออกแล้ว เพราะคงยอมให้ทำผิดกฎหมายไม่ได้ และอันตรายด้วย ยิ่งเข้ามาใน กทม.ก็ยิ่งวุ่นวาย ดังนั้นมาไม่ได้เด็ดขาด

ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมบอกว่าจะตั้งเวที 6 จุดทั่ว กทม. นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงเขาเตรียมไว้ 7-8 จุด ซึ่งก็จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวกด้านจราจรให้กับประชาชน เมื่อถามว่า จะยอมให้มีการตั้งเวทีตามแยกต่างๆ ได้ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เขาก็ต้องขออนุญาต คือต้องตั้งในที่ที่ไม่ขัดขวางการจราจร ผู้ชุมนุมต้องประกาศให้ชัดว่าต้องการชุมนุมตรงไหน รัฐบาลจะได้ดูแลอำนวยความสะดวกให้ และอย่าได้ทำอะไรที่แสดงให้เห็นว่าผู้ชุมนุมมีเจตนาที่จะสร้างปัญหาให้คน กทม.ในเรื่องการสัญจรไปมา

นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้สิ่งที่เรากังวลมากที่สุด คือ ปัญหาด้านจราจร ซึ่งเราพยายามจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด และกังวลคนอีกกลุ่มที่พยายามทำการก่อเหตุต่างๆ คู่ขนานกันไปกับการชุมนุม ซึ่งตนได้สั่งการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการลาดตระเวน ในการตั้งจุดตรวจและขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยเป็นหูเป็นตา และต้องขออภัยประชาชนด้วยว่าระยะนี้ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่อาจจะถูกตรวจค้นยวดยานพาหนะที่สัญจรไปมา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมที่ กทม.

“สิ่งที่เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจค้น คือ ดูว่ารถที่เข้ามานั้นทะเบียนรถถูกต้องหรือไม่ เพื่อป้องกันการขโมยรถมา นอกจากนี้ต้องดูบัตรประชาชนด้วย เพราะไม่ต้องการให้ผู้ที่เข้ามาชุมนุมมีคนต่างด้าวรวมอยู่ด้วย ซึ่งอาจจะทำให้มีปัญหาเยอะ พูดกันไม่รู้เรื่อง ต้องเป็นคนไทยเท่านั้นที่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคืออาวุธ ต้องไม่มีการพกอาวุธเด็ดขาด เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีทันที” รองนายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าการตั้งจุดตรวจแบบเข้มข้นนี้จะเริ่มเมื่อใด รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้คงต้องให้เวลาเขาตระเตรียมก่อนสัก 2-3 วัน โดยแต่ละจุดจะมีทหารและอาสาสมัครร่วมอยู่ด้วย เมื่อถามว่าในการชุมนุมช่วง 12-14 มี.ค.นี้ คนกทม.ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ก็กำลังหาหนทางทุกอย่างที่จะให้คน กทม.สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเห็นว่าผู้ชุมนุมหรือผู้ที่วางแผนการชุมนุมคิดที่จะทำอย่างอื่นก็จะแจ้งให้ประชาชนทราบและหาวิธีแก้ไขตามสถานการณ์ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมครั้งนี้ทำไมดูเหมือนรัฐบาลไม่อยากแตะกฎหมายพิเศษเหมือนที่แล้วมาเลย เป็นเพราะอะไร นายสุเทพกล่าวว่า ตนยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่แตะ แต่ตนจะตัดสินใจตามสถานการณ์ ถ้าสถานการณ์หนักและสุ่มเสี่ยงที่ประชาชนจะเดือดร้อนมากขึ้นก็จะใช้กฎหมายพิเศษ ส่วนเรื่องการถอนประกันแกนนำนั้นตนเคยบอกไปแล้วว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย คือคนที่มีพฤติกรรมที่มาข่มขู่ประชาชนหรือเข้ามามีส่วนร่วมในการก่อเหตุวินาศกรรมต่างๆ ก็จะไปขออำนาจศาลออกหมายจับเหมือนกับกรณีเคทอง สำหรับคนที่ลงมือปฏิบัติการก็ติดตามจับ ซึ่งขณะนี้ก็ได้รับข้อมูลข่าวสารจากประชาชนเข้ามาเรื่อยๆ และตนคิดว่าน่าจะจับกุมได้

“บรรดาแกนนำทั้งหลายถ้าไปปลุกระดมธรรมดาตามวิถีทางประชาธิปไตยก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าคนเหล่านั้นไม่ได้แสดงออกเพื่อต่อสู้ให้มีประชาธิปไตย แต่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของคนบางคนบางกลุ่ม แล้วใช้วิธีการที่ทำให้ประเทศเสียหาย ประชาชนเดือดร้อน ผมก็จะประมวลหลักฐาน พยานและขอหมายศาลดำเนินคดีกับคนเหล่านั้น และถ้าคนผู้นั้นเคยถูกดำเนินคดีและให้ประกันตัวไป เราก็จะถอนประกัน” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่าจนถึงนาทีนี้ประเมินเป้าหมายของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างไรบ้าง เหตุการณ์จะเหมือนกับเมื่อเดือนเมษายน ปี 52 หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่สามารถประเมินเป้าหมายเขาได้ แต่ก็ได้ข่าวเหมือนกันว่าให้ส.ส.ลงไปในพื้นที่เพื่อเกณฑ์คนมา จะจ้างหรือวานตนไม่ทราบ โดยกำหนดให้ส.ส.คนหนึ่งให้นำคนมาจำนวนเท่าใด รถกี่คัน ตนก็ต้องตั้งรับไว้โดยไม่ประมาทและต้องคิดไว้ก่อนว่าเขาคงมากันจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ประเมินว่า น่าจะมีคนมาชุมนุม 1 ใน 3 ของจำนวนคนที่ยื่นถวายฎีกา ซึ่งก็คือประมาณ 1 ล้านคนนั้น นายสุเทพกล่าวว่า “อยากฝากถึงประชาชนที่ถูกชักชวนมาว่า สำหรับผมไม่คิดว่าการชุมนุมครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพื่อระบอบประชาธิปไตย แต่ดูเหมือนว่าจะมีความพยายามที่จะมาสร้างความปั่นป่วน วุ่นวายให้เกิดขึ้นใน กทม. เพราะฉะนั้น อยากให้ประชาชนได้ใคร่ครวญ อย่าไปร่วมมือกับเขา อยู่บ้านดีกว่า ประเทศไทยก็เป็นของเราทุกคนเพราะถ้าเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาคนที่เสียหายก็คือลูกหลานเราในอนาคตที่จะได้รับผลพวงอาจจะจากการตกงานนั่นเอง นักท่องเที่ยวก็จะไม่เข้ามา และนี่ได้ข่าวว่านักท่องเที่ยวที่มาชาร์เตอร์ไฟลต์ทั้งหลายจะขอยกเลิก ดังนั้นจึงอยากให้ชั่งใจกันเป็นพิเศษ ผมยอมรับว่าไม่สบายใจเลย เพราะเห็นเขาประกาศว่าไม่เจ๊าก็เจ๊ง อย่างนี้ผมรู้สึกว่าเขาเอาประเทศมาเป็นเดิมพัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไปเดิมพันธ์เพื่อชีวิตใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีมีการเคลื่อนไหวทางการเงินมาจากตะวันออกกลาง นายสุเทพกล่าวว่า มีคนพูดหลายครั้งแล้ว ซึ่งตนยืนยันว่าเห็นรายงานการนำเงินเข้า แต่ว่าตนยังไม่มีหลักฐานอะไรที่ไปโยงกับการชุมนุม ตนไม่มีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ มีคนอื่นทำอยู่

เมื่อถามว่า มีการประเมินว่าต้องใช้ในการระดมคนรวมถึงต้องมีการใช้เงินจำนวนมากถึงวันละ 70 ล้าน เงินส่วนนี้เป็นเงินในประเทศหรือไหลเข้ามาจากต่างประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ และพยายามจะหาว่าเขาใช้เงินอะไรอย่างไร แต่ตนได้ยินเขาพูดกันวันละ 70-80 ล้าน


เมื่อถามว่า นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช.ระบุว่าในวันชุมนุมจะมีพระสงฆ์ประมาณ 2 หมื่นรูปเข้ามาร่วมชุมนุม จะเหมาะสมหรือไม่หากพระสงฆ์จะเข้ามายุ่งกับการเมือง นายสุเทพกล่าวว่า ตนตั้งใจว่าจะไปกราบพระเถระผู้ใหญ่เพื่อกราบเรียนถึงสถานการณ์บ้านเมืองให้ทราบ วานนี้ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายในสภากล่าวหาว่ารัฐบาลไปขึ้นบัญชีดำพระเถระผู้ใหญ่ 11 รูป ตนกราบเรียนถึงพี่ร้องพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ตนก็เป็นชาวพุทธ เป็นเด็กวัด ตนก็เป็นศิษย์สวนโมกข์ วัดชลประทานรังสฤษฎิ์ วันมาฆบูชาก็เข้าวัดเหมือนพี่น้องประชาชน ไม่คิดอ่านที่จะไปลบหลู่พระคุณเจ้าทั้งสิ้น และรัฐบาลนี้ไม่ทำเด็ดขาด แต่กรณีที่จะมาชุมนุมกันตนอยากจะกราบขอความกรุณาพระคุณเจ้าว่า เรื่องการชุมนุมในทางการเมืองคงไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่เรื่องของพระคุณเจ้า ถ้าใครจะไปนิมนต์มาจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ขอความกรุณาพระคุณเจ้าอย่าได้มาร่วมในกระบวนการนี้เลย

เมื่อถามว่า รัฐบาลมีแนวทางในการดึงประชาชนกรุงเทพเข้ามามีส่วนร่วมในการปั่นป่วนขนาดไหน เหมือนสาทรโมเดลหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คงจะเรียกเป็นโมเดลอะไรไม่ได้ ตนกราบเรียนกับประชาชนคนกรุงเทพว่า ถ้าดูตามรูปการที่เขาเตรียมการมาครั้งนี้เป็นเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพี่น้องคนกรุงเทพฯ ได้กรุณาออกมาช่วยกันดูแลบ้านเมือง ช่วยกันปกป้องบ้านเมือง ก็จะทำให้เราดูแลสถานการณ์ได้ดี และสามารถแก้ปัญหาที่จะเกิดความเสียหายในบ้านเมืองได้ เจ้าของประเทศทุกคนต้องช่วยกัน

เมื่อถามว่า ในทางตรงข้ามจะไม่หาทางในการพูดคุยกันเพื่อให้ปัญหามันเบาบางลง นายสุเทพกล่าวว่า เขากำลังหน้ามืด หูอื้ออย่างนี้พูดอะไรคงยากแล้วละ เมื่อถามว่า ในส่วนรัฐบาลก็ท้าทายกันตลอด นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่เคยท้าทายใคร รัฐบาลไม่เคยท้าทายใครเลย ท่านจะเห็นว่าสิ่งที่ตนเตรียมการไว้ไม่ได้เตรียมการที่จะท้าทาย หรือปฏิบัติในลักษณะการปราบปราม ไม่ได้คิดว่าประชาชน หรือคนเหล่านั้นเป็นศัตรู ตนคิดเพียงแต่คลี่คลายสถานการณ์ป้องกันเหตุการณ์แก้ไขปัญหาเท่านั้น ไม่คิดอะไรที่เป็นการร้ายต่อคนเหล่านั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เดินสายขยายฐานเสียงกลุ่มคนเสื้อแดง เราได้มีการติดตามหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้ติดตามอะไรท่านเลย เพียงแต่คาดหวังว่าท่านเคยเป็นผู้ใหญ่ ท่านเคยเป็นนายกฯ ท่านคงคิดอะไรได้ จะทำอะไรคงนึกบ้างว่าวันที่แล้วมาท่านเคยมีภาระหน้าที่ในการดูแลบ้านเมือง วันนี้ท่านคงไม่ทำอะไรที่เป็นปัญหากับบ้านเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น