กทม.เตรียมพร้อมรับมือปัญหาความไม่สงบจากการชุมนุมหลัง ครม.ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่เขตดุสิต พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการพร้อมเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายกลังการประชุมการเตรียมการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กทม.หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในพื้นที่เขตดุสิต ระหว่างวันที่ 15-25 ต.ค.2552 เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยที่อาจเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการประกาศชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และจะเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมไปบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น กทม.ได้เตรียมพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยหน่วยงานของกทม.ประกอบด้วย สำนักเทศกิจ จัดกำลังเจ้าหน้าที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมกับทหาร ตำรวจ บริเวณจุดตรวจในพื้นที่เขตดุสิต 6 จุด ดังนี้
บริเวณแยกวังแดง แยกลานพระบรมรูปทรงม้า แยกวัดเบญจมบพิตร แยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ แยกเทวกรรม และจุดตรวจนางเลิ้ง สำนักการแพทย์และสำนักอนามัย จัดเจ้าหน้าที่ เวชภัณฑ์ รถพยาบาล พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง
สำนักการโยธา ตรวจสอบดูแลระบบสาธารณูปโภค จัดหน่วยซ่อม ดูแลการกีดขวางจราจร การตั้งเต็นท์บริเวณจุดตรวจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) จัดเตรียมรถดับเพลิง รถไฟฟ้าส่องสว่าง เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ สำนักการจราจรและขนส่ง ดูแลระบบสัญญาณจราจร กล้องวงจรปิด CCTV และเส้นทางเดินรถ
กรณีมีการปิดเส้นทางจราจร สำนักสิ่งแวดล้อม จัดเตรียมรถน้ำ รถสุขาเคลื่อนที่ และสำนักงานเขตในพื้นที่การชุมนุมและสำนักงานเขตใกล้เคียงจัดเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ และแหล่งชุมชน รวมทั้งประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคในพื้นที่ เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ให้พร้อมสนับสนุนด้านอัตรากำลังอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ กทม.ได้เตรียมพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่สงบจากการชุมนุม โดยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่งตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 17-25 ต.ค. 2552 ณ สำนักงานปกครองและทะเบียน ชั้น 5 ศาลาว่าการ กทม. พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานและส่วนราชการของกรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายกลังการประชุมการเตรียมการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กทม.หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในพื้นที่เขตดุสิต ระหว่างวันที่ 15-25 ต.ค.2552 เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยที่อาจเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการประกาศชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และจะเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมไปบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น กทม.ได้เตรียมพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยหน่วยงานของกทม.ประกอบด้วย สำนักเทศกิจ จัดกำลังเจ้าหน้าที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมกับทหาร ตำรวจ บริเวณจุดตรวจในพื้นที่เขตดุสิต 6 จุด ดังนี้
บริเวณแยกวังแดง แยกลานพระบรมรูปทรงม้า แยกวัดเบญจมบพิตร แยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ แยกเทวกรรม และจุดตรวจนางเลิ้ง สำนักการแพทย์และสำนักอนามัย จัดเจ้าหน้าที่ เวชภัณฑ์ รถพยาบาล พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง
สำนักการโยธา ตรวจสอบดูแลระบบสาธารณูปโภค จัดหน่วยซ่อม ดูแลการกีดขวางจราจร การตั้งเต็นท์บริเวณจุดตรวจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) จัดเตรียมรถดับเพลิง รถไฟฟ้าส่องสว่าง เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ สำนักการจราจรและขนส่ง ดูแลระบบสัญญาณจราจร กล้องวงจรปิด CCTV และเส้นทางเดินรถ
กรณีมีการปิดเส้นทางจราจร สำนักสิ่งแวดล้อม จัดเตรียมรถน้ำ รถสุขาเคลื่อนที่ และสำนักงานเขตในพื้นที่การชุมนุมและสำนักงานเขตใกล้เคียงจัดเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ และแหล่งชุมชน รวมทั้งประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคในพื้นที่ เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ให้พร้อมสนับสนุนด้านอัตรากำลังอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ กทม.ได้เตรียมพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่สงบจากการชุมนุม โดยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่งตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 17-25 ต.ค. 2552 ณ สำนักงานปกครองและทะเบียน ชั้น 5 ศาลาว่าการ กทม. พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานและส่วนราชการของกรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง