xs
xsm
sm
md
lg

จับโกหกทักษิณแบบหน้าด้านๆ ป้ายสีศาลบิดเบือนคำพิพากษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องมันฟ้อง
โดย...กรงเล็บ

            นช.ทักษิณ ชินวัตร พล่ามผ่านรายการ ทอล์ก อะราวด์ เดอะเวิล์ด ออกอากาศทางเว็บไซต์ทักษิณไลฟ์ (www.thaksinlive.com) และ สถานีดีทีวีของคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม มีเนื้อหาสนตะพายคนเสื้อแดงหวังปลุกระดมให้ชาติบ้านเมืองพินาศโดยปราศจากความละอายต่อบาป
            ซึ่งจะได้นำคำพิพากษาของศาลฎีกาและข้อเท็จจริงมาหักล้างให้เกิดความชัดเจน ดังนี้

1.เงินที่ถูกยึดไปหามาด้วยความสุจริต ไม่ได้ทุจริตเงินภาษีของประชาชน การยึคทรัพย์จึงถือเป็นการปล้นทรัพย์

ข้อเท็จจริง ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระบุชัดเจนว่า ทักษิณ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจของตนออกนโยบายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการแปรสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต , การแก้ไขสัญญาโทรศัพท์มือถือ กรณีบัตรเติมเงิน , การใช้เครือข่ายโรมมิ่ง , การแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมโดยมิชอบ และ การอนุมัติเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ให้กับประเทศพม่า 4 พันล้านบาท รวมทั้งหมดทำให้รัฐเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท แต่ศาลฎีกาฯเมตตายึดทรัพย์เพียงแค่ 46,373,687,454.70 บาท ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเสียหายที่ภาครัฐได้รับ ยังไม่นับรวมกับระบบเศรษฐกิจที่ถูกทำลายจากการกีดกันการค้าทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ฯลฯ

อย่างนี้ยังจะหน้าด้านบอกว่าไม่ทุจริตเงินภาษีของประชาชนไปเข้ากระเป๋าตัวเองอีกหรือ ในเมื่อข้อเท็จจริงมันฟัองว่า ทักษิณ ปล้นแผ่นดินไทย ทรัพย์ที่ยึดมาเพียงแค่นำกลับมาคืนสู่แผ่นดินเท่านั้น

2. คำพากษาไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ นิติธรรม ศาลฎีกาฯเป็นศาลของคณะปฏิวัติ

ข้อเท็จจริง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เกิดขึ้นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 2540 มีการตัดสินคดีมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริตยาที่มี นายจิรายุ จรัสเสถียร และนายรักเกียรติ สุธธนะ เป็นจำเลย หรือ การขึ้นเงินเดือนตัวของ ปปช.ยุคที่ทักษิณ เรืองอำนาจ จนมีคำตัดสินดำเนินคดีอาญากับ ปปช.ทั้งชุดเป็นเวลา 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ก่อน ทำให้ ปปช.หลุดจากตำแหน่งไปทั้งกะบิ ยังมีคดีที่ดินรัชดาที่ ทักษิณ เดินขึ้นศาลต่อสู้คดีด้วยตัวเองแต่หนีคุก 2 ปี ก่อนการตัดสินคดีเพียงไม่กี่วัน เป็นต้น

ผ่านมาหลายคดีมีคนติดคุกติดตะรางและถูกยึดทรัพย์ไปแล้ว เช่น กรณี รักเกียรติ สุขธนะ แต่ ทักษิณ ไม่เคยออกมาร้องแรกแหกกะเชอโวยวายว่า ศาลฎีกาฯ คือ ศาลของคณะปฏิวัติ เพิ่งมาตั้งประเด็นโกหกทั้งตัวเองและคนอื่นในวันที่ถูกลงทัณฑ์ เพราะกรรมตามทัน ช่างเป็นเรื่องที่น่าหัวร่อจริง ๆ

ส่วนประเด็นที่ว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาฯยึดเอาคำสั่งของ คปค. ถือว่าไม่เป็นธรรมนั้น ก็เป็นการพูดที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบและไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ ตามที่ ทักษิณ พยายามจะอ้าง เพราะแม้ว่าการทำรัฐประหารจะไม่ใช่เรื่องที่สังคมพึงยอมรับ แต่เมื่อเขาทำสำเร็จผู้ทำก็ไม่ใช่กบฏหากมีอำนาจในฐานะรัฐาธิปัตย์ในการตรากฎหมาย ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็มีคำสั่งคณะปฏิวัติอีกจำนวนมากที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ถ้า ทักษิณ คิดว่าคำสั่งคณะปฏิวัติเป็นสิ่งที่ไม่ชอบ ขณะมีอำนาจทำไมไม่ยกเลิกเสียทั้งหมด แต่เพราะรู้อยู่แก่ใจใช่ไหมว่าคำสั่งคณะปฏิวัติทุกคำสั่งชอบด้วยกฎหมายและมีผลบังคับใช้กับคนในสังคมไทยทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ ทักษิณ และครอบครัว

ที่นำเรื่องนี้มากล่าวอ้างก็เพียงเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ตามสันดานของอาชญากรที่ไม่เคยยอมรับความผิดของตัวเองเท่านั้น

3. ปล่อยเงินกู้ให้พม่าไม่ได้ทำให้หุ้นชินขึ้น กรณีภาษีสรรพสามิตกระทรวงการคลังยังได้รับส่วนแบ่งรายได้ 25 % เก็บภาษีลูกไม่เป็นธรรมเพราะตัดสินแล้วว่าลูกไม่ใช่เจ้าของ

ข้อเท็จจริง ศาลฎีกาฯไม่ได้ระบุเลยว่าประเด็นปล่อยเงินกู้พม่าเป็นเหตุให้หุ้นชินขึ้น เพราะได้ชี้ให้เห็นชัดเจนไปก่อนหน้านี้แล้วว่า หุ้นชินขึ้นจากนโยบายแปรสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ส่วนกรณีเงินกู้พม่าทำให้รัฐเสียประโยชน์ ตกอยู่ในความเสี่ยงกับการค้ำประกันเงินกู้และเป็นการกระทำที่มีผลประโยชน์ขัดกัน เนื่องจากผู้ได้รับประโยชน์คือ บริษัทชินคอร์ป และยังมีการยกโขยงลูกชายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของบริษัทไปพร้อมผู้นำประเทศเพื่อเจรจาเรื่องนี้กับผู้นำพม่าด้วย ชัดเจนขนาดนี้ยังมีหน้าเอาสีข้างเข้าถู เอาด้านหน้าเข้าแถ ถ้าไม่ยับเยินจนหมอไม่รับเย็บก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

มีมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2546 เห็นชอบด้วยกับแนวทางการดำเนินการเพื่อหักค่าภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้ที่คู่สัญญาจะต้องนำส่งให้แก่คู่สัญญาภาครัฐ โดย ครม.ไม่มีอำนาจนำภาษีสรรพสามิตดังกล่าวมาหักออกจากค่าสัมปทาน ซึ่งผู้ประกอบการมีภาระต้องชำระค่าสัมปทานให้แก่รัฐ หรือหน่วยงานของรัฐ ตามข้อตกลงในสัญญาสัมปทาน ทำให้รัฐหรือหน่วยงานของรัฐได้รับเงินค่าสัมปทานลดน้อยลงจากข้อตกลงตามสัญญา เป็นการบิดเบือนการใช้อำนาจนิติบัญญัติ โดยใช้กฎหมายเพื่อเป็นเครื่องมือในการกีดกันผู้ประกอบการ ในกิจการโทรคมนาคมรายใหม่ เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท เอไอเอส อย่างนี้จะกล้าพูดอีกไหมว่ากระทรวงการคลังได้รับส่วนแบ่งรายได้ 25 % เท่าเดิม

กรณีกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีกับลูกทักษิณ ก็เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว เพราะมีชื่อเป็นเจ้าของก็มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องชำระภาษี เป็นคนละเรื่องกับที่เป็นเจ้าของเพราะเป็นนอมินีให้พ่อ แยกแยะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ จึงไม่น่าจะแปลกใจที่ขาดสามัญสำนึกในการแยกแยะผิดชอบชั่วดี

4. พึ่งศาลไทยไม่ได้ขอพึ่งศาลโลก พร้อมให้เอาผิดอีก 11 คดี

ข้อเท็จจริง กรณีฟ้องศาลโลกนักวิชาการด้านกฎหมายไม่ว่าจะเป็นสำนักไหนก็ระบุตรงกันหมดว่า ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีหน้าที่พิจารณาข้อพิพาทระหว่างรัฐต่อรัฐ แต่กรณี ทักษิณเป็นความผิดบุคคลที่มีต่อแผ่นดินเกิด แถมยังเป็นคดีทุจริต คอรัปชั่น คงไม่มีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ไหนรับฟ้อง เว้นแต่ศาลในเวปไซต์ที่ตัดสินกันเองเท่านั้น หรือสมมติจะเกิดอาการบ้าจี้รับฟ้องขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกของศาลโลก

ส่วนที่บอกว่าพร้อมให้เอาผิดอีก 11 คดีนั้น ก็ขอให้กล้า ๆ หน่อย เพราะตอนนี้ที่คดีค้างอยู่ในศาลฎีกาฯเดินหน้าไม่ได้ต้องจำหน่ายออกจากสารบบเป็นการชั่วคราว แล้วออกหมายจับเพื่อนำตัวมาขึ้นศาล ก็เพราะ ทักษิณ ขี้ขลาดหนีคดีไปทำให้กระบวนการไต่สวนเดินหน้าไม่ได้ เนื่องจากศาลไม่สามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ เว้นแต่จำเลยจะมาเบิกความในนัดแรกก่อน

น่าเสียดายที่จนถึงวันนี้ ทักษิณ ก็ยังไม่เข้าใจแก่นแท้ของพุทธศาสนา ทั้งที่ ไทเกอร์ วู๊ด ที่เสพติดเซ็กส์ ยังกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งเพราะคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ ทักษิณ ที่เสพติดอำนาจ ยังไม่ยอมดับทุกข์ที่ต้นเหตุ แต่ยังคงก่อกรรมด้วยการโกหก ซึ่งคำสอนของพระเทธเจ้าระบุไว้ว่า

คนโกหกไม่ทำบาปอื่นเป็นไม่มี วันนี้ ทักษิณ โกหกจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน สิ่งที่จะเตือนสติสุดท้ายคงมีแต่คำพูดที่ว่า “ใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง”


กำลังโหลดความคิดเห็น