สมุนทักษิณป่วนต่อ!! “ไข่แม้ว” ผสมโรงเสื้อแดงกวนเมือง เปิดทางช่วยนายใหญ่ล้มกระดาน หลังศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ “ทักษิณ” เสียเปรียบ จับตา “ภักดี” สนิทสนมเครือข่ายแม้ว-หญิงหน่อย เตะถ่วงไต่สวนคำพิพากษา 4 ประเด็น เชื่อ ผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ฝากความหวัง ป.ป.ช.คนนี้ไม่ได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 3 มีนาคม มี น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้เชิญ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และนายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณี จับตาความเคลื่อนไหว กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่ภักดีก้มหัวรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีแผนจะก่อเหตุร้ายในช่วงนี้
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย นายภักดี โพธิศิริ ได้เปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนในเรื่องที่เกี่ยวกับคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1.การไต่สวนกรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ 2.การแก้ไขสัญญาอัตราจัดเก็บภาษีบัตรเติมเงินมือถือแก่บริษัท เอไอเอส โดยมิชอบ 3. การแก้ไขสัญญาเชื่อมต่อสัญญาณ หรือ โรมมิ่ง แก่เอไอเอส และ 4.การอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์โดยมิชอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขอคำพิพากษาศาลฎีกาฯ มาพิจารณาประกอบสำนวนคดี คาดว่าจะได้มาในสัปดาห์หน้า
น.ส.วรรษมน กล่าวต่อว่า ส่วนทางด้าน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็มีความเคลื่อนไหว โดยแต่งกายชุดดำแล้วอ้างว่าไว้อาลัยให้แก่กระบวนการยุติธรรมไทย
นายประพันธ์กล่าวถึงประเด็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าถ้าหากเป็นการแต่งกายประท้วงกระบวนการยุติธรรม สามารถเอาผิดได้ เพราะศาลตัดสินไปตามพยานหลักฐาน ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดที่ ส.ส.กลุ่มดังกล่าวต้องทำเช่นนั้น
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นนายภักดี ตนทราบข้อมูลที่ผ่านมาว่า บุคคลผู้นี้ไม่ค่อยมีฝ่ายใดให้ความมั่นใจในฝีมือมากเท่าไหร่ แต่ในกรณีนี้ ต้องคอยดูกันต่อไปว่า นายภักดี จะมีพฤติกรรมเช่นเดิมหรือไม่ แต่คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ศาลได้ตัดสินเสร็จสิ้นไปแล้ว ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่ นายภักดี จะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงต่างๆ
นายชัชวาลย์กล่าวถึงเบื้องหลังนายภักดีว่า อดีตมีความสนิทชิดเชื้อกับเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นอย่างดี
นายประพันธ์กล่าวถึงรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมาหลายคดีที่นายภักดีดูแล ส่วนใหญ่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้น ดูเหมือนกับว่า เรื่องนี้ต้องดูความเคลื่อนไหวต่อไป
น.ส.วรรษมน กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของนายสุรพงษ์ โตวิจักชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า วันนี้ได้เดินทางไปที่ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินรัฐมนตรี ครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายประพันธ์กล่าวถึงนายสุรพงษ์ว่า ตนรู้จักคนคนนี้ตั้งแต่สมัยที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นบุคคลหนึ่งที่ด่าทอ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีชิ้นดี แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเดิมที่เคยตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเข้มข้น แต่เวลานี้กลับหันมารับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ ป.ป.ช.มีอำนาจอยู่แล้วในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน อีกทั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงต้องเดินหน้าทำเช่นนี้อีก
นายประพันธ์กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกาศตัวจะรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากเห็นว่าศาลไม่ให้ความยุติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่า พื้นฐานเรื่องกฏหมาย ประชาชนแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้น การกระทำผิดให้กลายเป็นถูกย่อมเกิดจากการบิดเบือนข้อเท็จจริง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 3 มีนาคม มี น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้เชิญ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และนายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณี จับตาความเคลื่อนไหว กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่ภักดีก้มหัวรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีแผนจะก่อเหตุร้ายในช่วงนี้
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย นายภักดี โพธิศิริ ได้เปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนในเรื่องที่เกี่ยวกับคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1.การไต่สวนกรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ 2.การแก้ไขสัญญาอัตราจัดเก็บภาษีบัตรเติมเงินมือถือแก่บริษัท เอไอเอส โดยมิชอบ 3. การแก้ไขสัญญาเชื่อมต่อสัญญาณ หรือ โรมมิ่ง แก่เอไอเอส และ 4.การอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์โดยมิชอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขอคำพิพากษาศาลฎีกาฯ มาพิจารณาประกอบสำนวนคดี คาดว่าจะได้มาในสัปดาห์หน้า
น.ส.วรรษมน กล่าวต่อว่า ส่วนทางด้าน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็มีความเคลื่อนไหว โดยแต่งกายชุดดำแล้วอ้างว่าไว้อาลัยให้แก่กระบวนการยุติธรรมไทย
นายประพันธ์กล่าวถึงประเด็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าถ้าหากเป็นการแต่งกายประท้วงกระบวนการยุติธรรม สามารถเอาผิดได้ เพราะศาลตัดสินไปตามพยานหลักฐาน ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดที่ ส.ส.กลุ่มดังกล่าวต้องทำเช่นนั้น
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นนายภักดี ตนทราบข้อมูลที่ผ่านมาว่า บุคคลผู้นี้ไม่ค่อยมีฝ่ายใดให้ความมั่นใจในฝีมือมากเท่าไหร่ แต่ในกรณีนี้ ต้องคอยดูกันต่อไปว่า นายภักดี จะมีพฤติกรรมเช่นเดิมหรือไม่ แต่คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ศาลได้ตัดสินเสร็จสิ้นไปแล้ว ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่ นายภักดี จะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงต่างๆ
นายชัชวาลย์กล่าวถึงเบื้องหลังนายภักดีว่า อดีตมีความสนิทชิดเชื้อกับเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นอย่างดี
นายประพันธ์กล่าวถึงรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมาหลายคดีที่นายภักดีดูแล ส่วนใหญ่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้น ดูเหมือนกับว่า เรื่องนี้ต้องดูความเคลื่อนไหวต่อไป
น.ส.วรรษมน กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของนายสุรพงษ์ โตวิจักชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า วันนี้ได้เดินทางไปที่ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินรัฐมนตรี ครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายประพันธ์กล่าวถึงนายสุรพงษ์ว่า ตนรู้จักคนคนนี้ตั้งแต่สมัยที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นบุคคลหนึ่งที่ด่าทอ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีชิ้นดี แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเดิมที่เคยตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเข้มข้น แต่เวลานี้กลับหันมารับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ ป.ป.ช.มีอำนาจอยู่แล้วในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน อีกทั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงต้องเดินหน้าทำเช่นนี้อีก
นายประพันธ์กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกาศตัวจะรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากเห็นว่าศาลไม่ให้ความยุติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่า พื้นฐานเรื่องกฏหมาย ประชาชนแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้น การกระทำผิดให้กลายเป็นถูกย่อมเกิดจากการบิดเบือนข้อเท็จจริง
