xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” พลิกบทอ้อนศาลขอไม่ยึดทรัพย์ เผยลูกเมียรอฟังที่บ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แม้ว” เผยลูก-เมียไม่ไปศาล วอนคนเสื้อแดงรอฟังชี้ขาดยึดทรัพย์อยู่กับบ้าน โอดครวญยังไม่รู้ผลตัดสินจออกมาอย่างไร เปลี่ยนแนวจากเคยด่ากราดกระบวนการยุติธรรม หันมาอ้อนศาลขอความเมตตาไม่ยึด 7.6 หมื่นล้าน อ้างได้มาก่อนเล่นการเมือง ร้อนตัวโวย “สาทิตย์” จัดถ่ายทอดสดอ่านคำพิพากษา เหมือนรู้ผลล่วงหน้า เตรียมนักวิชาการมารุมสกรัม ปัดซุกหุ้นภาคแรก จ่ายเงินศาล

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  

 เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 25 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้จัดรายการ “ทอล์ก อะราวด์ เดอะ เวิลด์” ทางวิทยุและโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต www.thaksinlive.com และถ่ายทอดสดทางพีเพิลแชนแนล ของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย

พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า การจัดรายการวันนี้เป็นการอัดล่วงหน้า 3 ชั่วโมง เพราะต้องเดินทางไปอาบู ดาบี เพื่อร่วมพิธีศพพระราชบิดาของชีคพระองค์หนึ่งที่เพิ่งสิ้นชีพิตักษัย หลังจากนั้นได้กล่าวถึง การอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านในวันที่ 26 ก.พ.ว่า ตนจะมาจัดรายการทางอินเทอร์เน็ตและถ่ายทอดสดทางพีเพิลแชนเนลตามเดิม ในเวลา 20.30-21.00 น.

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า ตนไม่รู้ว่าผลของคดีจะออกมาอย่างไร แต่รัฐบาลดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้า เพราะนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้ประสานงานกับวิทยุ 4 พันคลื่นและสื่อต่างๆ เพื่อถ่ายทอดสด พร้อมกับเชิญนักวิชาการ มารุมสกรัมตนให้เต็มที่

“สรุปว่าจะปิดประตูตีแมวหรือเปล่า ย้ำอีกครั้งครับว่า ผมไม่ใช่แมว จะทำอะไรก็ทำไป แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากล ในประเทศนี้ ผมยังหวังกับกระบวนการยุติธรรม มันชัดเจนว่าเงินของผมมีมาก่อนเล่นการเมือง มีรายงานทรัพย์สินอย่างชัดเจน หวังว่าศาลจะให้ความเมตตาผมเรื่องนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ ผลจะออกอย่างไร ผมจะโดนอะไรก็ไม่รู้ เราต้องอย่าวิจารณ์ศาล แต่รัฐบาลนำหน้าไปแล้ว เหมือนรู้ว่าผมจะถูกยึดทรัพย์ จึงเตรียมบอกประชาชนว่าสมควรยึด ทั้งๆ ที่ผมมีมาก่อน”

จำเลยหนีคดี อ้างต่อว่า ตนเป็นฝ่ายโดนกลั่นแกล้งแท้ๆ ยังเก็บอาการอยู่ แต่คนที่เป็นฝ่ายกลั่นแกล้งกลับเก็บอาการไม่อยู่ ต้องถามว่า “เป็นผู้ชายใช่ไหมยะ” และบอกไปถึงคนเสื้อแดงว่า อย่าไปศาล เพราะตนไม่ได้ไป ครอบครัวก็ไม่ได้ไป ดังนั้นให้นั่งฟังอยู่ที่บ้าน รัฐบาลมีเครือข่ายให้ฟังอยู่แล้ว และให้ใช้สันติ ส่วนอะไรเกิดขึ้นการเรียกร้องก็ต้องมีต่อไปเพื่อให้มีประชาธิปไตย แต่เราจะทำตามปกติ ใช้กระบวนการทั้งด้านรัฐสภา และสิทธิเสรีภาพในการเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย แม้ไม่เต็มใบก็ตาม

“ขอย้ำว่าต้องดำเนินการด้วยสันติ รัฐบาลที่คิดจะส่งคนปลอมปนเข้าไปสร้างสถานการณ์ อยากให้ลองคิดทบทวนอีกสักครั้งว่าสมควรทำไหม ท่านกำลังใช้กลไกของรัฐขับเคลื่อนทางการเมือง คนของรัฐก็เชื่อง ยอมทำตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ลองคิดดูว่าความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นเรื่องของแต่ละคน แต่คนที่สั่งปากเปล่าเขาไปแล้ว นี่เป็นความขัดแย้งทางการเมืองของบุคคล ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับบุคคล เป็นการขัดแย้งของคนทีไม่มาตามครรลอง แล้วใช้อำนาจปราบปรามประชาชนชน แทนที่จะเข้ามาปรองดอง แต่กลับตอกย้ำให้เกิดความแตกแยกยิ่งกว่าเดิม”

หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้พูดถึงการทำงาน 6 เดือนแรกของการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2544 โดยอ้างว่าได้ทำตามที่รับปากไว้ตอนหาเสียง เช่น พักหนี้เกษตรกร 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน สินค้าโอท็อป ขณะเดียวกันในช่วง 6 เดือนแรก ต้องทำงานไปด้วยและสู้คดีปกปิดบัญชีทรัพย์สินกับศาลรัฐธรรมนูญไปด้วย

พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า คนที่ทำมาหากินตลอดชีวิต เงินที่ได้มาไม่มีใครอยากซ่อนเร้น อาจบกพร่องบ้าง เพราะไม่รู้ว่าเงินอยู่ตรงไหนบ้าง ต้องแจ้งด้วยหรือเปล่า บางทีการจดทะเบียรธุรกิจคนในคอรบครัวมีไม่พอ ก็ต้องใช้ชื่อลูกน้องบ้าง เป็นธรรมดาของภาคธุรกิจ

“แต่พอมาทำงานการเมือง ทุกอย่างต้องเป๊ะๆ ผมก็ต้องทำ ผมถึงบอกว่าบกพร่องโดยสุจริต ก็เงินที่หามาไดเป็นเงินสะอาด ทำไมจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ ผมได้เงินมาอย่างขาวสะอาด ผมไม่ต้องเอาไปฟอกหรอก

ตอนนั้นผมถูกกล่าวหา มีการรุมกันเพื่อสกัดผม บังเอิญผลการตัดสินผมชนะ 8 ต่อ 7 แต่ท่านประเสริฐ นาสกุล ประธานศาลรัฐธรรมนูญตอนนั้นโกรธผม มารู้ทีหลังว่ามีคนปรารถนาดี อ้างว่าสนิทกับผมเป็นการส่วนตัว ไปพูดล็อบบี้ให้ผม ทั้งที่ผมไม่รู้เรื่อง แกถึงโกรธ คนที่ไปปรารถนาดีแต่ซื่อบื้อ ไปพูดให้ท่านโกรธ ผมมารู้ทีหลัง ตอนนั้นก็มีการกล่าวหว่าผมจ่ายสินบนให้ศาล ผมสาบานได้ ให้ฉิบหายเลย ผมไม่จำเป็นต้องจ่าย ในเมื่อผมไม่ทำผิด จะไปจ่ายศาลอีกทำไม

8 คนที่โหวตให้ผม บาปกรรมนะที่ไปกล่าวหาท่าน ที่จริงมีบางคนที่ไม่ได้อยู่ใน 8 ท่านนี้ ส่งคนมาคุยกับผม ผมยังไม่คุยเลย เพราะผมเงินสะอาด ไม่ต้องซ่อนเร้นปิดบัง ผมจึงผ่านมาได้ด้วยความบริสุทธิ์ เงินหามาทั้งชีวิต ทำไมต้องไปซ่อนเร้น” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ไมได้กล่าวถึงกรณีที่ญาติใกล้ชิดของตนไปเสนอผลประโยชน์ให้กับตุลาการคนหนึ่ง โดยจะย้ายบุตรชายที่ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศได้ตำแหน่งที่ดีขึ้น เป็นการแลกเปลี่ยน

นอกจากนี้ คดีดังกล่าวซึ่งถูกเรียกว่า “ซุกหุ้นภาค 1” นั้น เป็นกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณโอนหุ้นให้คนใช้และคนขับรถ โดยไม่แจ้งในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ซึ่งมีข้อสงสัยว่า สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมแจ้งนั้น เนื่องจากต้องการจะใช้หุ้นดังกล่าวในการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ในวันอ่านคำพิพากษา มีการจัดประชาชนมาชุมนุมกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่อมาตุลาการรัฐธรรมนูญบางคนก็ยอมรับว่า การตัดสินในวันนั้นได้นำหลักรัฐศาสตร์เข้ามาพิจารณาด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น