"ปานเทพ" ชำแหละ อภิมหากาพย์โคตรโกง "นช.แม้ว" สุมหัวอดีตเมียกะบังลม ซุกหุ้น แฉ กลโกงไม่ยอมจ่ายภาษี แถมวางเล่ห์เหลี่ยมกินฟรีเงินปันผล จับพิรุธ "ครอบครัวชินฯ" ไม่โปร่งใส ขายหุ้นให้ลูก โอนให้พี่น้องยืมถือ ย้อนถาม "เหลี่ยม" บอกเงิน 7.6 หมื่นล้านสมบัติชิ้นสุดท้าย แต่เอาเงินที่ไหนป่วนเมือง ลงทุนเหมืองเพชร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนในข่าว”
วานนี้ (3 ก.พ.) รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น. มี น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมประเมินสถานการณ์บ้านเมือง และชำแหละคดี 76,000 ล้านบาท ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อ้างว่าเป็นสมบัติติดตัวชิ้นสุดท้าย
นายปานเทพ กล่าวประเด็นนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเสื้อแดงว่า มีความมั่นใจและคิดว่าจะได้รับความเป็นธรรมเรื่องคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท พร้อมทั้งประกาศให้คนเสื้อแดงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของคดีนี้ ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทย ถึงขนาดต่อต้านมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินในคดีที่ดินรัชดาฯ ดังนั้น การแสดงดังกล่าว จึงมองได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมีความมั่นใจว่าจะได้เงิน 20,000 ล้านบาท ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้กลับคืน สอดคล้องกับคำพูดและท่าทีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ออกมาเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความสบายใจแล้วเรื่องคดีนี้ แต่หลังจากที่ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีต คตส. ออกมาชี้แจงคดีนี้ว่า ถึงอย่างไรก็ต้องมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่กระทำผิด ไม่ได้มีการยึดทรัพย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ ทำให้ท่าทีและความเชื่อมั่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ และได้ออกมาบอกว่า ถ้าหากยึดทรัพย์ทั้งหมด ก็ถือว่าไม่มีความยุติธรรมหลงเหลืออยู่ ฉะนั้น เมื่อความไม่มั่นใจเกิดขึ้น ก็จะเกิดความคิดที่จะเลือกล้มกระดาน เพื่อล้างคดี
"ที่จริงเงิน 76,000 ล้านบาทมาจาก 2 ส่วน โดยส่วนแรกมาจากการขายหุ้นชินคอร์ปฯ 69,000 ล้านบาท และเป็นอายัดจากเงินที่ได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปฯ อีกก้อนหนึ่งอีกประมาณ 68,000 ล้านบาท จึงรวมเป็น 76,000 ล้านบาท ดังนั้น ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินอื่น มีแค่หุ้นอย่างเดียว ซึ่งก็ต้องตั้งคำถามต่อไปว่า ทำไมถึงอายัดแค่หุ้นอย่างเดียว ก็เพราะการสอบสวนของ คตส. พยายามไปค้นหาข้อมูลในสิ่งที่ครอบครัวชินวัตรได้ทำ ฉะนั้น ต้องดูช่วงก่อนและหลังที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้ามาเล่นการเมือง" นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า กฏหมายระบุอย่างชัดเจนว่า ผู้ถือครองตำแหน่งทางการเมืองไม่สามารถใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ธุรกิจส่วนตัวได้ ดังนั้น เมื่อต้องไปดูว่าดำเนินการทางธุรกิจของครอบครัวชินวัตร ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆหรือไม่ โดย คตส. ได้ตรวจสอบจนพบว่า หุ้นชินคอร์ปฯ อันมีบริษัทลูกหลายแห่ง เช่น เอไอเอส ก็เกี่ยวข้องกับเคลื่อนความถี่ของรัฐ ชินแซสเทอร์ไลน์ ก็เกี่ยวข้องกับดาวเทียมที่มีผลต่อความมั่นคง ไอทีวี ก็เป็นกิจการของรัฐที่สัมปทานไป ทำให้สิ่งเหล่านี้ มันชัดเจนว่า นักการเมืองไม่สมควรมีสิทธิ์ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีตำแหน่งใหญ่โตในบ้านเมือง
"คตส. เชื่อว่ามีขบวนการซุกหุ้นใน 2 ส่วน คือ มีการโยกหุ้นไปอยู่ต่างประเทศ เช่น แอมเพิลริส วินมาร์ค และซุกหุ้นอยู่ตามลูกๆ ไม่ว่าจะเป็น พานทองแท้ และแพรทองธาร ชินวัตร หรือแม้แต่พี่น้อง พ.ต.ท.ทักษิณ"นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนอยากนำเสนอข้อมูลที่จะทำให้ประชาชนได้เข้าใจเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น เริ่มจาก พานทองแท้ บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นนักการเมือง พอบรรลุนิติภาวะเสร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ได้มีการถ่องถ่ายหุ้นที่เกี่ยวกับสัมปทานของรัฐ โดยมีการโอนให้แยลยล 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกมีปฏิบัติการยักหนี้ให้ลูก แล้วให้ลูกนำเงินปันผลมาคืนให้ทีหลัง ซึ่งเรื่องนี้เป็นความพยายามให้เข้าใจว่า พานทองแท้ เป็นหนี้ คุณหญิงพจมาน จึงนำเงินปันผลหุ้นชินคอร์ปฯ มาจ่ายคืนให้ แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่ พานทองแท้ ไม่มีเงินซื้อหุ้นจริงๆ ดังนั้น จึงต้องออกตั๋วสัญญาใช้เงินคืนมูลค่า 4,500 ล้าน บาทในอนาคต ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน วางแผนขายหุ้นชินคอร์ปฯ ในราคาพาร์ คือ ไม่ต้องการเอากำไร เพราะจะได้ไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้น จึงได้เงินมาทั้งหมด 733.95 ล้านบาท เนื่องจากขายให้ พานทองแท้ ซึ่งก็เหมือนครั้งแล้ว คือ ไม่มีเงินซื้อหุ้นจริงๆอีก ฉะนั้น จึงมีการออกตั๋วสัญญาอีกครั้งจำนวน 733.95 ล้านบาท โดยแบ่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ 309 ล้านบาท และให้คุณหญิงพจมานอีก 424 ล้านบาท
"ถ้าเราลองคิดดู พานทองแท้ ได้หุ้นมา ก็ได้ปันผลทุกเดือน มีข้อน่าสังเกตว่า ทุกครั้งที่ได้เงินมา ไม่ถึงสัปดาห์ พานทองแท้ จะโอนให้คุณหญิงพจมานทั้งหมด ไม่มีแบ่งให้ตัวเองใช้จ่ายเลย โดยปันผลหุ้นชินคอร์ปฯ พานทองแท้ ได้ทั้งหมด 29 งวด คืนหนี้คุณหญิงพจมานคนเดียว 5,056 ล้านบาท จึงมีคนสงสัยอีกว่า ในเมื่อติดหนี้แม่จากเดิมไม่ถึง 5,000 ล้านบาท แต่ดันไปใช้คืนหนี้แม่เกินกวานั้น แบบนี้เรียกว่าจ่ายปันผลกันจนเพลิน มันก็เหมือนกับแม่นั่นแหละเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง แล้วได้รับประโยชน์จากเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง" นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า คำถามต่อมา พานทองแท้ ไม่ได้ติดหนี้แค่คุณหญิงพจมานคนเดียว แต่ทำไมไม่เคยใช้หนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพานทองแท้ ถูกวางแผนให้ใช้แต่หนี้แม่ เพื่อให้ได้ผลประโยชน์เงินปันผลระยะยาว ดังนั้น แสดงว่า กำไรในหุ้นชินคอร์ปฯจากการใช้อำนาจรัฐยิ่งมาก ก็ถือว่ายิ่งเอื้อผลประโยชน์ครอบครัวชินวัตรมากขึ้น
"วันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่า นักโทษชายทักษิณ มีเงินมากกว่า 76,000 ล้านบาท โดยอาศัยการถ่ายโอนผ่านลูก ผ่านพี่ ผ่านครอบครัว โดยเงิน 76,000 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้จากการขายหุ้นและจากเงินปันผลเท่านั้น ซึ่งตนอยากถามย้อนกลับว่าถ้าเงิน 76,000 ล้านบาท ที่ คุณทักษิณ อ้างว่าเป็นเงินที่มีทั้งหมด แล้วที่เคลื่อนไหวอยู่ทุกวันนี้ใช้เงินที่ไหน ไปซื้อธุรกิจส่วนตัวหรือไปทำธุรกิจเหมืองเพชร" นายปานเทพ กล่าว