“สมศักดิ์” จวก “นักการเมืองชั่ว” ลงแขกแก้ รธน. เสพสุขบนผลประโยชน์ส่วนรวม อัด “แก๊งผีเปรต” ถูกตัดสิทธิการเมืองแต่ยังไม่วาย ยันพันธมิตรฯ ยึดจุดยืนเดิมต้านแก้ รธน. โดยเฉพาะมาตราฟอกผิดนักการเมืองทุจริต ด้าน “ปานเทพ” ย้ำแถลงการณ์พันธมิตรฯ ล่าสุดเป็นสัญญาณเตือน ห้ามแตะต้อง กม. เอื้อผลประโยชน์
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”
(วานนี้) รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น.วันศุกร์ที่ 22 ธ.ค. มี นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้มีการเชิญวิทยากรพิเศษมาร่วมพูดคุยได้แก่ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ มาวิเคราะห์ถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจุดยืนของพันธมิตรฯ ในการต่อต้านเรื่องดังกล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวถึงสาเหตุที่พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จริงๆแล้ว ครั้งนี้เป็นแค่คำเตือน สำหรับผู้ที่จะคิดแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นจุดยืนหลักของพันธมิตรฯ ในเรื่องการต่อต้าน เนื่องจาก หากปล่อยให้แก้ไปแล้ว ก็เท่ากับเป็นการฟอกความผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาที่เกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงมีผลต่อคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งตนก็พูดย้ำมาตลอดว่า การใช้อำนาจรัฐไปในทางที่ผิด ถือว่าเป็นเผด็จการ ไม่ว่าจะชนะการเลือกตั้ง แต่ถ้ามาด้วยวิธีทุจริต ก็ถือว่าเป็นเผด็จการเช่นกัน
“อย่าได้ไปกล่าวคำว่าประชาธิปไตยอย่างที่กลุ่มคนเสื้อแดง เพราะนั่นเท่ากับการปกป้องผลประโยชน์ของคนที่โกงเงินจากคนเสื้อทุกสีในประเทศ โดยถ้ากล่าวประชาธิปไตยแต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริง ก็เหมือนเป็นการปกป้องเผด็จการ” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า เวลานี้เห็นได้ว่าใครเป็นตัวนำในการอยากจะแก้รัฐธรรมนูญ นั่นก็คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายเนวิน ชิดชอบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุวัฒน์ ลิปตพัลลภ ซึ่งคนพวกนี้ถูกศาลพิพากษาให้เว้นวรรคทางการเมือง แต่ทำเช่นนี้ถือว่าเว้นวรรคจริงหรือไม่ ทั้งนี้ ได้มีการล่อหลอกให้คนหลงประเด็น เนื่องจากถ้าคนที่เข้าใจกฎหมายมีอยู่ 3 วาระ โดยวาระที่ 1 เสนอและรับหลักการ โดยหากรับหลักการเบื้องต้น ต่อมาก็อาจมีการสอดไส้ได้
“การกระทำเช่นนี้เห็นชัดว่ากรรมแสดงเจตนา การแก้รัฐธรรมนูญนี้ไม่ใช่ประโยชน์ใดๆของประชาชนทั้งสิ้น แต่เป็นการแก้เพื่อผลประโยชน์นักการเมืองล้วนๆ เพื่อช่วยเหลือให้พวกที่ถูกตัดสิทธิ์ได้กลับเข้ามามีอำนาจ ดังนั้น จุดยืนของพันธมิตรฯ ที่เคยมีอยู่อย่างไร ก็ต้องดำรงจุดมุ่งหมายเดิม” นายสมศักดิ์กล่าว
นายปานเทพกล่าวประเด็นเดียวกันว่า เมื่อปี 2551 ที่พันธมิตรฯ มีการชุมนุม หากย้อนไปดูแถลงการณ์ฉบับแรก กล่าวเป็นคำเตือนก่อนเกิดกลียุคด้วยสาเหตุมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ระบุชัดเจนว่าคัดค้านเรื่องนี้มาตลอด ตั้งแต่การต่อสู้ในช่วง 193 วัน ซึ่งนอกจากประเด็นค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรายังได้ทำการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดให้ออกไปด้วย
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะประเด็นใดก็ตาม เมื่อนักการเมืองและอดีตนักการเมืองที่ถูกถอนสิทธิในการเลือกตั้งไปแล้วมารวมตัวกันอย่างเปิดเผย เพื่อทำให้เห็นว่าตัวเองแม้ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง แต่ก็ยังมีความปรารถนาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ปัญหามันอยู่ที่ว่า เมื่อคนเหล่านี้มารวมตัวกันและคิดจะแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งที่ถูกลงโทษไปแล้ว เราจึงเขียนในแถลงการณ์ล่าสุด ระบุชื่อของบุคคลเหล่านี้ ให้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าคนเหล่านี้คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนักการเมืองทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคชาติไทย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นของบุคคลที่ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งทั้งสิ้น เพียงลำพังที่ถูกตัดสิทธิ์อยู่แต่อยากมาแก้รัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าขาดความชอบธรรมแล้ว” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า ประเด็นต่อมาที่สำคัญคือ พันธมิตรฯ เมื่อออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยื่นคำเตือนว่าอย่าได้แก้ไขในกรณีโครงสร้างของพระมหากษัตริย์หรือพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ต่อมาอย่าได้ไปแตะต้องรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสร้างความชอบธรรมให้แก่นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นตัวนักการเมืองเองหรือพวกพ้องคนใด นอกจากนี้ ยังต้องห้ามนักการเมือง ไม่ให้เข้าไปแก้ไขในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนต่อนักการเมือง
“พรรคภูมิใจไทยกับพรรคชาติพัฒนา แถลงจุดยืนร่วมกันว่าจะแก้ไขเฉพาะเขตเลือกตั้ง และระบบการเลือกตั้ง ที่อยากให้เป็นแบบเขตเดียวคนเดียว นี่ก็คือผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ถามว่าในแง่การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ ก็ต้องบอกว่าได้ประโยชน์ด้วย แต่ถามว่าเราต้องการในลักษณะแบบนี้ บอกได้เลยว่าไม่ต้องการ” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า หากต่อไปพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญช่วยให้ตัวเองพ้นผิดบ้าง สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นมาตรฐานที่จะชี้ให้เห็นถึงลู่ทางที่ไม่ต้องรับผิด ต่อไปเมื่อนักการเมืองคนใดมีอำนาจมากกว่า ต้องการอยากจะแก้กฏเกณฑ์ใดตามใจตัวเอง ก็สามารถทำได้
นายสมศักดิ์กล่าวว่า อธิบายแน่ชัดไม่ได้ว่า คนที่อยากแก้รัฐธรรมนูญตอนนี้ ทำเพื่อผลประโยชน์ชาติหรือไม่ เพราะในเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว แต่ยังเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก มันไม่ต่างอะไรกับตอนที่เป็นหัวหน้าพรรค โดยคนเหล่านี้ ไม่ได้เว้นวรรคจริงอย่างที่ศาลสั่ง
“สถานการณ์แบบนี้ อยากให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง เพราะดูเหมือนจะมีการเดินเกมทั้งในและนอกสภา เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภา” นายสมศักดิ์กล่าว