xs
xsm
sm
md
lg

"คำนูณ" ย้อนถาม "สุรยุทธ์" เกี๊ยะเซียะ "นช.แม้ว" มีนัยแฝงหรือไม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายคำนูณ สิทธิสมาน
"คำนูณ" ชี้ ไม่ใช่ครั้งแรก "สุรยุทธ์" แบะท่าเจรจา "นช.แม้ว" หลังสมัยเป็นรบ.ขิงแก่ เคยเปิดทางประนีประนอมคนชั่วมาแล้วครั้งหนึ่ง ยัน สมานฉันท์ล้างผิด ไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา ถามกลับ "สุรยุทธ์" มีนัยแฝงหรือไม่ ถึงเกี๊ยะเซียะ "นช.แม้ว" ทั้งที่สวมหัวโขนองคมนตรี

วันนี้ (20 ธ.ค.) ในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ออกอากาศทางเอเอสทีวี มี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการสัมภาษณ์ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ถึงกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการวิทยุ ลับ ลวง พราง ว่าพร้อมเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

โดยนายคำนูณ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยตั้งข้อสังเกตว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งแกนนำคนเสื้อแดง ยุติการชุมนุมช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการวิเคราะห์กันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเดินเกมพยายามหาทางเจรจาทางใดทางหนึ่ง เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นแล้วว่าหากยังเดินแนวทางแข็งกร้าวอยู่ ด้วยการจลาจลก่อความวุ่นวาย เหมือนช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลเสียกับตัวเองมากแค่ไหน อีกทั้งฝ่ายที่เคยสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการแตกหักหรือนำไปสู่ความรุนแรง โดยเฉพาะพวก ส.ส.หรือนักการเมืองท้องถิ่น ก็เกณฑ์คนมาร่วมชุมนุมได้น้อยลง

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ในส่วนคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการปล่อยข่าวออกมาว่า มีโอกาสได้รับทรัพย์สินบางส่วนคืน แต่ด้วยเหตุผลต่างๆในความจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เพราะคดีดังกล่าวขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลอาญา แผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งน่าจะมีการตัดสินคดีในช่วงเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่ถึงอย่างไรเวลานี้ ตนยังมองไม่เห็นว่า ใครจะไปเจรจากับใครได้ ซึ่งถ้าหากจะให้วิจารณ์คำพูดของ พล.อ.สุรยุทธ์ ตนไม่อยากกล่าวพาดพิงถึงองค์มนตรี

"ถ้าจะให้ผมวิจารณ์คำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผมขออนุญาตยึดหลัก ผมไม่อยากวิจารณ์องคมนตรี เพราะถ้าผมวิจารณ์องคมนตรี ผมคงต้องด่า เพราะผมว่าองคมนตรีบางท่านนั่นแหละ ในสมัยที่ท่านไม่ได้เป็นองคมนตรี ผมก็ด่ามาแล้ว ทีนี้เมื่อท่านกลับไป ผมก็ไม่ทราบว่าท่านจะไปเจรจาในฐานะอะไร อันนี้สำคัญนะครับ ท่านไม่ได้เป็นรัฐบาล ท่านจะไปเจรจาฐานะอะไร ถ้าเป็นความเห็นของท่าน อยากจะพูดก็พูดไป ก็เรื่องหนึ่ง แต่ผมว่าการให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ ลับ ลวง พราง นั้น มีนัย คือ ท่านอยากจะพูด ท่านอยากจะสื่อประเด็นเหล่านี้ แต่จะเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน หรือจะมีกระบวนการอะไรนั้น ผมขออนุญาตไม่วิพากษ์วิจารณ์ เดี๋ยวผมจะไปด่าและมันผิดหลักการของผมที่ว่า จริงอยู่องคมนตรีนั้น วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ว่าผมก็มีความเคารพ มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อมีการแต่งตั้งผู้ใดเป็นองคมนตรี ก็ต้องถือเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย การที่เราจะไปวิพากษ์วิจารณ์ขณะที่ท่านยังอยู่ในตำแหน่ง ผมเองเห็นว่าถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะมิเช่นนั้น เราก็คงไม่ต่างอะไรกับคนที่เขาจิกหัวด่าประธานองคมนตรีมาตลอด 2-3 ปีนี้ แต่ผมเข้าใจว่าไม่ว่าจะเป็นใครที่พร้อมจะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเจรจาในฐานะใด เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาล และอีกอย่างในเมื่อเป็นองคมนตรีนั้น สถานภาพคือเป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นขออนุญาตไม่วิจารณ์แล้วกัน" นายคำนูณ กล่าว

นายคำนูน กล่าวต่อว่า คำพูดและความคิดของ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ ตอนที่ยังเป็นรัฐบาลอยู่ ก็เคยพูดเช่นนี้มาแล้ว ซึ่งหลายฝ่ายก็วิพากษ์วิจารณ์ แต่ตอนนี้ ด้วยสถานะของ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่เป็นองคมนตรี ตนไม่สามารถจะกล่าวพาดพิงถึงได้ แต่ถึงอย่างไร คำพูดของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็เหมือนกับต้องการพูดให้ดูดี ว่าต้องการให้ทุกฝ่ายสมานฉันท์ ซึ่งเป็นใครก็พูดได้เช่นนั้น แต่คำว่าสมานฉันท์ หรือไม่ทะเลาะกัน มันต้องอยู่บนรากฐานของปรัชญาใดปรัชญาหนึ่ง โดยพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ยึดมั่นถือปฏิบัติ แต่มันไม่ใช่อยู่ดีๆ เราจะอยากไปทะเลาะกับใคร หรืออยากทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข แต่ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องดำเนินไปด้วยแนวทางที่ถูกต้องด้วย

"การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จะเจรจากับใคร ผมอยากให้ระลึกถึงหัวโขนที่สวมใส่อยู่ เพราะคำพูดที่กล่าวออกมา มันไม่ได้พูดจากปาก นายสุรยุทธ์ หรือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่มันออกมาจากผู้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เพราะฉะนั้น มันก็มีนัยที่ทำให้หนังสือพิมพ์นำมาพาดหัว ซึ่งผู้คนก็สงสัยว่าตกลงจะเอาอย่างไรกัน ตกลงจะเกี๊ยะเซี้ยะกันหรือ และจะเกี๊ยะเซี๊ยะกันในนามอะไร เรื่องอะไร" นายคำนูณ กล่าว

นายคำนูณ กล่าวถึงคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า มันสามารถออกมาได้ 3 รูปแบบ คือ 1.ศาลยกคำร้องและคืนทรัพย์สินทุกอย่าง 2.ศาลยึดทรัพย์สินทั้งหมด และ3.ศาลยึดทรัพย์บางส่วนและคืนบางส่วน แต่ทั้งหมด 3 ข้อ ศาลต้องตอบคำถามให้ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซุกซ่อนทรัพย์ไว้กับบุคคลอื่นจริงหรือไม่ และตลอดเวลาที่เล่นการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดำเนินนโยบายหลายประการ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทรัพย์สินงอกเงยมาด้วยความผิดปกติหรือไม่

"ผมเห็นด้วยที่คุณทักษิณ บอกว่าเคารพคำพิพากษาของศาล กรณี 76,000 ล้านบาท ที่จะออกมาในเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์นี้ ผมก็เชื่อว่าไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ไม่ว่าจะถูกใจเราหรือไม่ กระบวนการและคำพิพากษาของศาล ถ้าคุณทักษิณ เคารพแบบนี้ตั้งแต่ต้น มันไม่มีปัญหา เพราะคดีนี้ถูกจำคุก 2 ปี คุณทักษิณ ไม่ได้เคารพ แต่ท่านก็เลือกเคารพเวลาที่ท่านใช้สิทธิ์ฟ้องศาล ให้ศาลเอาผิดบุคคลอื่น แล้วท่านบอกว่า ศาลยุติธรรม แต่ถ้าการพูดในกรณีนี้ ท่านหมายถึงองค์รวมทั้งหมด ท่านก็กลับมารับโทษ และท่านก็ใช้สิทธิ์ตามกระบวนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ เขาก็พิจารณากันไปตามกฏตามเกณฑ์ ไม่ต้องมาทำเหมือนเช่นที่ผ่านมา" นายคำนูณ กล่าว
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
กำลังโหลดความคิดเห็น