xs
xsm
sm
md
lg

"เจิมศักดิ์" เชื่อ ศาลปรานี "นช.แม้ว" ยึดเงินโจร 4 หมื่นล้าน แต่รัฐเสียหาย 10 เท่าตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เจิมศักดิ์" เชื่อ ศาลปรานี "นช.แม้ว" ยึดส่วนที่งอกเงยจากการขายหุ้นชินฯ เผยรัฐได้เงินเข้าแผ่นดิน 4 หมื่นล้าน แต่นับรวมความเสียหายที่จากการกระทำนักโทษชายสูงถึง 4 แสนล้าน "ประพันธ์" มั่นใจ คำตัดสินศาลสะท้อนสันดานโกง "ทักษิณ" ขณะที่ "ปานเทพ" จี้ เดินหน้าตรวจสอบสมบัติคนในตระกูลชินวัตร เชื่อได้เห็นยึดทรัพย์เพิ่มอีก


ช่วงที่ 1



ช่วงที่ 2

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “รู้ทันประเทศไทย"

วันนี้ (26 ก.พ.) เกาะติดหลังศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยยึดเงินบางส่วนใน 76,000 ล้านบาทของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ได้มีการเชิญวิทยากรหลายท่านมาร่วมพูดคุยและวิเคราะห์ประเด็นดังกล่าว

ทั้งนี้ มีการจัดรายการ “รู้ทันประเทศไทย" ภาคพิเศษ โดยมี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งเชิญ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมพูดคุยในรายการ

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวถึงคำตัดสินคดียึดทรัพย์ว่า เงินบางส่วนในจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินยึดทรัพย์ คือ ส่วนที่งอกเงยมาจากการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ซึ่งในคำตัดสินถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความปรานีจากศาล โดยประเด็นที่ศาลพิจารณาไม่ใช่มุมที่เห็นว่าทรัพย์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเครื่องในการกระทำความผิด ดังนั้น จึงยึดแค่จำนวนเงินที่งอกเงยมาโดยมิชอบ ซึ่งตนไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า เห็นด้วยกับคำตัดสินศาลหรือไม่ ก็ถือว่าทุกอย่างต้องยอมรับคำตัดสิน

นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าคำพิพากษาคดีนี้ ศาลพิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุม โดยพยายามแสดงความกระจ่างในคดีนี้ให้เกิดขึ้น ซึ่งถ้าหากถามใจจริง ตนเห็นอย่างไรกับคำพิพากษาดังกล่าว ตนเห็นสมควรให้ยึดทรัพย์ทั้งหมด เนื่องจากเป็นต้นทุนในการกระทำความผิด แต่ในเมื่อศาลตัดสินเช่นนี้แล้วก็ต้องยอมรับ

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของผู้พิพากษาว่า ในการอ่านคำตัดสินถือว่าศาลทำหน้าที่ได้ดีมาก เพราะสามารถเรียงลำดับเหตุผลต่างๆ ได้ดี อีกทั้ง ยังมีการชี้ประเด็นที่ละเอียดมาก โดยมีการอธิบายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจเอื้อผลประโยชน์ต่อธุรกิจตัวเองอย่างไร

นายปานเทพ กล่าวถึงประเด็นการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ว่านัยยะหุ้นชินคอร์ปฯ ถือว่าสำคัญมาก เพราะคำตัดสินมันแสดงให้เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะซ่อนเร้นหรือโยกย้ายหุ้นไปทางไหน ไม่ว่าจะไปซุกไว้ที่ลูกสาวลูกชาย แต่สุดท้ายแล้ว ก็โดนเปิดโปงหมด ซึ่งมันเห็นชัดๆว่า นอกจากที่ผ่านมาร่ำรวยผิดปกติแล้ว ยังทุจริตจริง ซึ่งคดีนี้จะนำไปสู่การยึดทรัพย์คดีอื่นๆ ของคนในตระกูลชินวัตรต่อไป

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าหลังจากฟังคำพิพากษาแล้ว ในอนาคตน่าจะมีการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เพราะคำพิพากษาของศาลฎีกาว่าเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังในการกระทำความผิด

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตนอยากย้อนไปเมื่อคดีซุกหุ้นภาคแรก หากศาลรัฐธรรมนูญไม่ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รอดคดีซุกหุ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อาจไม่มีวันนี้ ที่โดนยึดทรัพย์ แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ ถึงแม้รัฐจะได้เงินคืนประมาณ 40,000 ล้านบาท แต่ก็ต้องสูญเสียรายได้จากการกระทำ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึง 400,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10 เท่าของเงินที่ได้คืน

นายปานเทพ กล่าวว่า หลังจากคำตัดสินของศาลออกมาเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้พื้นที่ในเวทีโลกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งแทบไม่เหลือ เพราะหมดความชอบธรรม และไม่มีความสง่างามในประเทศต่างๆอีกต่อไป

นายประพันธ์ กล่าวว่า คำตัดสินวันนี้ เสมือนว่าสะท้อนการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โดนกรรมตามสนอง ด้วยพฤติกรรมที่เป็นโจรปล้นทรัพย์สินส่วนรวมไปทำประโยชน์ให้ตนเอง ดังนั้น มันชัดเจนมากว่าเป็นอาชญากรรมวิทยา

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวถึงประเด็นที่ศาลพิจารณาเรื่องการแก้ไขกฏหมายภาษีสรรพสามิตว่า ตนรู้สึกแปลกใจมาตั้งแต่แรกว่า จะเก็บภาษีสรรพสามิตในธุรกิจโทรคมนาคมได้อย่างไร ในเมื่อกฏหมายดังกล่าวมีไว้เพื่อปกป้องไม่ให้ผู้บริโภคเสพสิ่งที่รัฐไม่ต้องการ เช่น สุรา หรือบุหรี่ แต่ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเลือกเก็บภาษีสรรพสามิตในธุรกิจโทรคมนาคม มิหนำซ้ำ ยังมีการเพิ่มอัตราภาษีเท่ากับสัดส่วนรายได้ของธุรกิจตัวเอง จึงทำให้เท่ากับว่า นำรายได้มาจ่ายภาษี ในขณะที่นักธุรกิจรายอื่นต้องแบกรับภาษีตรงจุดนี้ทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น