"ยะใส" ย้ำ พันธมิตรฯ แตกต่าง-ไม่แตกแยก "ปานเทพ" เชื่อ สื่อสารน้อยต้นเหตุขัดแย้ง

"ลุงจำลอง" เผย ความสำเร็จ "ร.ร.ผู้นำ" ต่อยอดสัมพันธ์พันธมิตรฯ "ปานเทพ" ชี้ การสื่อสารต้นตอปัญหาขัดแย้งภายใน ด้าน "ยะใส" แฉ ขบวนการเสี้ยมแทรกซึม ส่งคนยุแตกคอ ย้ำ พันธมิตรฯ ยึดจุดยืน แตกต่างไม่แตกแยก วอนคำนึงถึงช่วง 193 วัน เสียสละเพื่อชาติ ปกป้องศาสน์-กษัตริย์



 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" 

(วานนี้) รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น.วันศุกร์ที่ 29 ม.ค. มี นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้มีการเชิญวิทยากรพิเศษมาร่วมพูดคุยได้แก่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงปัญหาภายในพันธมิตรฯ หลังจากจบช่วงชุมนุม 193 วัน

ช่วงแรกของรายการ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าสายให้สัมภาษณ์กรณี จัดตั้งโรงเรียนผู้นำ สานความเข้าใจของเหล่าพันธมิตรฯ ว่า หลังจากจบช่วงชุมนุม 193 วัน ก็เกิดปัญหาภายในพันธมิตรฯขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ทางแกนนำฯส่วนกลาง ได้เดินทางไปไกลเกลี่ย เพื่อให้เกิดความสามัคคีกัน แต่ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงทำให้พันธมิตรฯ หลายจังหวัดเห็นว่าหากยังแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ได้ จะทำให้พลังพันธมิตรฯอ่อนแอลง และโอกาสที่จะกลับมารวมพลังกันอีกเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้น ได้เกิดแนวคิดสร้างโรงเรียนผู้นำ เพื่อผสานความเหนียวแน่นของพี่น้องพันธมิตรฯ โดยมีการฝึกอบรมโรงเรียนผู้นำรุ่นแรกใน 12 จังหวัด อาทิ กำแพงเพชร นครสวรรค์ สระบุรี อ่างทอง พิจิตร แพร่ เพชรบูรณ์ เชียงราย พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน และสุโขทัย

พล.อ.จำลอง กล่าวต่อว่า พันธมิตรฯ ใน 12 จังหวัด ทราบดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความเข้าใจผิด ดังนั้น เมื่อต้องไปร่วมทำกิจกรรมด้วยกันที่โรงเรียนผู้นำ ก็ทำให้ทุกฝ่ายหันกลับมากลมเกลียวเหนียวแน่นกันอีกครั้ง โดยจากความสำเร็จของโรงเรียนผู้นำรุ่นแรก ทำให้เกิดรุ่น 2 ต่อมา ซึ่งครั้งนี้ มีพันธมิตรฯ 16 จังหวัด มาร่วมอบรมด้วย

นายปานเทพ กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ภาพตอนชุมนุมที่ทำเนียบฯ เป็นที่น่าประทับใจมาก เนื่องจากผู้คนหลากหลายกลุ่มเดินทางไปร่วมแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่  โดยทุกคนหลอมรวมกันเพื่อช่วยเหลือกัน ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ตอนนั้น พวกเราต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้น โดยมีศรัทธาร่วมกับแกนนำฯ ทุกคนพร้อมที่จะเสี่ยงภัย เพื่อส่วนรวมและประโยชน์สาธารณะ

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า หลังจากหมดช่วงชุมนุม 193 วัน ไม่มีสื่อกลางจากแกนนำพันธมิตรฯส่วนกลาง นอกจากสื่อเครือเอเอสทีวี ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่เดียว ดังนั้น พี่น้องพันธมิตรฯ แต่ละจังหวัด ไม่รู้ว่าจะเดินทางไปพึ่งพิงหรือปรึกษากับใคร เพราะไม่มีเครือข่ายแต่ละจังหวัดที่ชัดเจน ทำให้สิ่งเหล่านี้ เกิดการไม่รู้ใครเป็นใคร เนื่องจากมีผู้คนหลากหลายกลุ่มแสดงตัว ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในช่วงชุมนุม ฉะนั้น ปัญหาเกิดการประสานงานติดต่อสื่อสารกันน้อย จึงเกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน และปัญหาอีกจุดมันอยู่ตรงที่ความเป็นผู้นำแต่ละคน ว่าใครจะเป็นหัวเรือใหญ่ ทำให้แต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันทางความคิด โดยทั้งหมดนี้ เราต้องหาจุดกึ่งกลางที่จะดึงความรู้สึกพันธมิตรฯ ทุกหมู่เหล่าให้เป็นหนึ่งเดียวเหมือนเมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ทำเนียบฯ

นายสุริยะใส กล่าวถึงประเด็นเดียวกันว่า ตนคิดว่าปัญหาภายในพันธมิตรฯ เกิดจากแนวคิดและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละคนมีพื้นฐานประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหา นั่นคือ อิทธิพลการเมือง ทำให้บางคนที่เข้ามาอยู่ตรงนี้ เพื่อขยับเข้าสู่งานการเมือง

"อีกปัจจัยที่สำคัญของปัญหา คือ เกิดการปลุกปั่นจากฝ่ายตรงข้าม และมีการแทรกแซงด้วยการส่งคนเข้าไปร่วมกับพันธมิตรฯ โดยบางคนเคยอยู่บนเวทีเสื้อแดงจังหวัดโน้น แต่กลับมาร่วมกับพันธมิตรฯ หรือบางคนจากเดิมที่เป็นพันธมิตรฯ แต่จะเปลี่ยนใจไปเป็นเสื้อแดง ก็เผาบ้านตัวเองทิ้งทวนก่อนไป หรือจะเป็นในเรื่องเงินบริจาคที่เป็นประเด็นอ่อนไหว ทำให้มีการเอาไปพูดต่อเรื่องความโปร่งใส ทั้งที่ไม่ได้เกิดปัญหาการทุจริต" นายสุริยะใส กล่าว

นายสุริยะใส กล่าวถึงหนทางแก้ปัญหา ว่า เราต้องยอมรับจุดแข็งและจุดเด่นของพี่น้องพันธมิตรฯ แต่ละคน เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ฉะนั้น มันคุ้มแล้วหรือที่เราจะกลับบ้านแล้วทะเลาะกัน ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างกัน ตนไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้มันบั่นทอนความรู้สึกซึ่งกันและกัน ตนคิดว่า เราต้องเอาจุดยืนและเอาจุดแข็งเป็นตัวตั้ง เพื่อนำพาไปสู่เป้าหมาย ตนอยากให้ทุกคนเอาความเสียสละแล้วก้มหน้าก้มตาทำความดี ไม่ต้องป่าวประกาศให้ใครรู้ แต่เชื่อมั่นว่าจะได้รับการสรรเสริญและยอมรับจากผู้คนจำนวนมาก

นายปานเทพ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า พันธมิตรฯ คือหมู่คนที่ทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดังนั้น เชื่อว่าหากทุกฝ่ายเปิดใจยอมรับปัญหาจะสามารถแก้ไขทุกอย่างได้