เอเอฟพี - องค์กรนิรโทษกรรมสากล ออกโรงเรียกร้องว่า ไทย ต้องหยุดการ "ถอยหลังลงคลอง" ในด้านสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หลังจากพบว่าจำนวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์ไทยเพิ่มจำนวนสูงขึ้นมาก
องค์กรนิรโทษกรรมสากล ซึ่งมีฐานในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษระบุว่า ขอตอบรับการจัดตั้งคณะกรรมการของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่จะพิจารณาการบังคับใช้กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย ทั้งนี้ หากผู้ใดละเมิดกฏหมายหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดังกล่าวจะต้องโทษจำคุกมากสูงสุดถึง 15 ปี
อย่างไรก็ตาม องค์กรนิรโทษกรรมสากล ระบุว่า รัฐบาลไทยควรจะระงับการบังคับใช้กฏหมายดังกล่าวจนกว่าไทยจะยกเลิกบทบัญญัติต่างๆ ที่อนุญาตให้พลเมืองรายงานให้ผู้อื่นทราบถึงการละเมิดกฏหมาย ทั้งยังเรียกร้องให้ทางการไทยหยุดเซ็นเซอร์เว็บไซต์ต่างๆ ด้วย
"องค์กรนิรโทษกรรมสากลสนับสนุนแนวคิดริเริ่มของนายกรัฐมนตรีไทย และขอส่งเสริมให้ราชอาณาจักรไทยเปลี่ยนแปลงกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานและหลักกฏหมายระหว่างประเทศ" แถลงการณ์องค์กรนิรโทษกรรมสากลระบุ
องค์กรนิรโทษกรรมสากลยกคดี 2 คดีตั้งแต่เดือนเมษายน 2009 ขึ้นมาชี้ให้เห็นประเด็นชัดเจนยิ่งขึ้น โดยคดี 2 คดีดังกล่าวเป็นคดีที่คนไทยได้รับโทษจำคุกหนักมากในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์ รวมถึงอีกหลายร้อยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ยังคงค้างคาอยู่
องค์กรนิรโทษกรรมระบุว่า คนจำนวนมากที่ถูกตั้งข้อหาจากกฏหมายดังกล่าวยังถูกจับกุมภายใต้พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งทำให้เกิดการเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวบนอินเทอร์เน็ตขั้นเป็นอย่างมากว่ามีสารใดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อสมาชิกราชวงศ์ไทยหรือไม่
องค์กรนิรโทษกรรมยังแสดงความกังวลว่า กฎหมายดังกล่าว ถูกกำหนดให้เป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติ ดังนั้นการดำเนินคดีต่างๆ จะถูกปิดเป็นความลับด้วย
ทั้งนี้ องค์กรนิรโทษกรรม ระบุว่า ทางองค์กรยอมรับว่า "ชาติไทยมีความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง" ภายใต้การครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช อย่างไรก็ตาม ระบุว่า สิ่งนี้กลับทำให้ไทย"ถอยหลังลงคลอง"ในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
เอเอฟพีระบุว่า ทุกเรื่องเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จฯ พระเจ้าอยู่หัว ของไทยเป็นประเด็นอ่อนไหวทั้งหมด ท่ามกลางความโกลาหลทางการเมือง ขณะที่พระองค์ทรงเสด็จประทับในโรงพยาบาลมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว บรรดาองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนต่างออกมาแสดงความวิตกกังวล เมื่อตำรวจไทยจับกุมและตั้งข้อหาบุคคล 4 คนที่ปล่อยข่าวลือผิดๆ เกี่ยวกับพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จฯ พระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นข่าวที่ทำให้หุ้นในตลาดหลักทรัยพย์กรุงเทพฯ ดิ่งลงฮวบฮาบด้วย