“ผ่าประเด็นร้อน”
แสดงความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมข้ามประเทศว่า รัฐบาลผสม 6 พรรคจะกอดคอทำงานกันต่อไป เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่มีความเห็นแตกต่าง ภารกิจหลักรัฐบาลตอนนี้คือทำให้ประเทศฟื้นตัวจากปัญหาเศรษฐกิจ
นี่คือ คำกล่าวของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกกับสื่อต่างประเทศระหว่างการให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางไปประชุมเวิร์ล อีโคโนมิก ฟอรั่ม หรือ WEF ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
ตีชิ่งจากปัญหาการเมืองในประเทศ แล้วแสดงภาวะผู้นำที่มองภาพกว้างของส่วนรวมคือการทำให้เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวแบบยั่งยืน
แค่นี้ อภิสิทธิ์ก็ตีกิน ภาพผู้นำอินเตอร์ฯในสายตาสื่อต่างชาติไปอีกแต้ม
ปล่อยให้ บรรหาร ศิลปอาชา –เนวิน ชิดชอบ-ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง เอะอะโวยวายไปตามประสาขี้แพ้ชวนตี หลังอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ไม่หลงเกมแก้รธน.ส่อจะแท้งกลางสภาฯ
ซึ่งพฤติการณ์ร่วมของพรรคร่วมฯที่กระเหี้ยนกระหือรือจะชำเรารัฐธรรมนูญให้ได้ ยังไม่ได้ทันได้ถอดกางเกงกลับถูกสังคมจับได้ไล่ทันเสียก่อน
ไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญไม่พอ แถมตอนนี้ตกเป็นผู้ต้องหาการเมือง คดีรอชำเรารธน.ไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งเตี้ยสุพรรณฯ ชุมพล ศิลปอาชา สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล สามหัวหอกชาติไทยพัฒนา ที่ออกมาเป็นด่านหน้า เลยไปไม่เป็น เพราะดันไปรับปากแกนนำพรรคร่วมอื่นๆว่า เรียบร้อยไม่มีปัญหา พอผลเป็นแบบนี้
จะไม่ให้แค้น “อภิสิทธิ์-ประชาธิปัตย์”ได้อย่างไร มันก็ต้องรอ “เอาคืน”เพื่อคิดชำระแค้น !
จดหมาย “อย่าเขียนด้วยมือ ลบด้วยตีน” ของเสี่ยตือ-สมศักดิ์ ที่หากไม่ได้บรรหารไฟเขียว คนอย่าง เสี่ยตือ มีหรือจะกล้าชนกับนายกรัฐมนตรี
คนสั่งการก็ต้องบรรหาร จับมือให้เขียนอยู่แล้ว แต่นี้ดูแล้วแค่หมัดสั่งสอน
“ของจริง”อีกหลายระลอกจะติดตามมาอีกแน่
แต่เล่นกลับทั้งที “เตี้ยสุพรรณฯ” คงกะเอาให้หน้าเขียว สั่งลูกหาบในพรรคจับมือส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เผลอๆ แอบยืมมีด-ส่งดาบกับเพื่อไทย ลับหลังปชป.แล้วค่อยๆ แทง
กะให้ทะลุถึงหัวใจอภิสิทธิ์-ปชป.ช้าๆ แบบทรมาน
โดยใช้เวทีประชุมร่วมรัฐสภา ตอนพิจารณาระเบียบวาระญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล แล้วจัดการร่วมหอลงโรงกับเพื่อไทย-สว.สายพรรคร่วมรัฐบาลที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นแนวร่วม
ยำ “มาร์ค”กลางสภาฯ ซัดปชป.ให้ติดดินเป็นแน่แท้
จึงน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งสำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาเรื่องแก้ไขรธน.ที่อาจได้เห็น ส.ส.รัฐบาล ที่ได้ไฟเขียว และคำสั่งการจากบรรดาแกนนำพรรค ให้ลุกขึ้น”จวก”หัวหน้ารัฐบาลตัวเองอย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะการทวงบุญคุณ และคำมั่นสัญญาในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล
ที่วันนี้ถูกประชาธิปัตย์ ฉีกทิ้งกระจุย จนคนนึกสงสัยว่าเป็นศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจย่อมๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้
ยิ่งเมื่อดูจากระเบียบวาระการประชุมร่วมรัฐสภาที่ค้างอยู่ก็พบว่า มีระเบียบวาระเรื่อง ร่างแก้ไขรธน.ของนพ. เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. ที่รวบรวมรายชื่อประชาชนในนาม คปพร.เสนอร่างรธน.ขึ้นมายื่นต่อประธานรัฐสภาไปตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลังประชาชน โดยส่วนใหญ่มีเนื้อหาเหมือนกับรธน.ปี 2540 ที่พรรคเพื่อไทยชูสโลแกนมาตลอดว่าให้นำรธน.ปี 40 มาใช้ ก็จะเห็นได้เลยว่าหากมีการประชุมรัฐสภาเรื่องนี้เมื่อไหร่
ต้องเกิดเหตุวุ่นวายในห้องประชุมแน่ เพราะเพื่อไทยก็จะเสนอให้นำร่างดังกล่าวที่ถือว่าเป็นร่างของ “คนเสื้อแดง” พ่วงพิจารณาไปด้วย
อันจะเป็นการทำให้ การประชุมในวันดังกล่าว คาดว่าจะร้อนแรงไม่ใช่น้อย เพราะหากถูกสกัดกั้น ฝ่ายเพื่อไทยก็จะซัดว่า “สภาสองมาตรฐาน”เพราะระเบียบวาระนี้บรรจุมานานแล้วแต่ไม่ยอมพิจารณา
พอเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่นาย ชัย ชิดชอบ เป็นรองหัวหน้าพรรคอยู่เสนอมากลับรีบบรรจุเป็นวาระและเรียกประชุม หากชัย ชิดชอบ คุมเกมไม่อยู่ก็ป่วนแน่นอน
หรือก็ไม่แน่ ชัย อาจใช้จังหวะนี้ “ปล่อยยาว”ให้ทั้ง เพื่อไทย-ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล-สว.ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรธน.”รุมกินโต๊ะ”ประชาธิปัตย์กลางห้องประชุมรัฐสภา แล้วพอโหวตรับหลักการ ค่อยโหวตทีละร่าง ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่า ทั้งเพื่อไทย-พรรคร่วมรัฐบาล ไม่หวังอยู่แล้วในเรื่องคะแนนเสียง แต่แค่ขอให้ได้มีเวทีถล่มปชป.แค่นี้ก็พอใจแล้ว !
เพราะตอนนี้ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลประกาศชัดแล้วว่า 3 ก.พ.นี้จะยื่นญัตติเสนอแก้ไขรธน.กับชัย ชิดชอบ แต่หลายฝ่ายประเมินว่า ไม่น่าจะพิจารณาญัตติดังกล่าวได้ภายในเดือนนี้เพราะล่าสุด นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาก็ออกมาบอกแล้วว่าวุฒิสภา”คิวยาว”ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ต้องประชุมต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนจนถึงมีนาคม สัปดาห์ละ 3 วัน
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการประสานงานของชัย ชิดชอบ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่จะจับมือกับวิปวุฒิสภาเพื่อขอให้เปิดทางให้โดยสะดวก เพราะตอนนี้ก็มีข่าวว่าสว.เกือบ 70 คนเห็นด้วยกับการแก้ไขรธน.
แต่ถามว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ยังหวังจะให้มีการแก้ไขรธน.อยู่อีกหรือไม่ คำตอบก็คือยังหวังอยู่ แต่เป็นความหวังแบบ ลมๆแล้งๆ
เนื่องด้วยในความเป็นจริงแล้ว ขนาดมีปชป.ที่มีส.ส.172 คนร่วมเห็นชอบการแก้ไขรธน. เสียงรัฐบาลก็ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือประมาณ 313 เสียง จำเป็นต้องพึ่งเสียงของสว.ด้วยอีกจำนวนมาก แต่ตอนที่อภิสิทธิ์สั่งเดินหน้าศึกษาการแก้ไขรธน.เพราะคิดว่าเพื่อไทยจะเล่นด้วย เพราะหากเพื่อไทยร่วมด้วย ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงสภาสูงเพราะเท่ากับว่าเกือบทุกพรรคการเมือง ไม่เว้นแม้แต่ประชาราช ของเสนาะ เทียนทอง ที่มีส.ส.รวมกันเกือบ 480 เสียงร่วมเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขรธน. จึงทำให้ในการโหวตเสียงให้ความเห็นชอบทั้งในวาระแรกคือรับหลักการและวาระที่สามคือลงคะแนนโดยเปิดเผย ผ่านฉลุยอยู่แล้ว
แต่เมื่อเพื่อไทยไม่เล่นด้วย อภิสิทธิ์ก็เลยเอามาใช้เป็นเหตุผลไม่แก้รธน.เสียเลย ด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ได้ แต่ก็ไม่ยอมบอกพรรคร่วมรัฐบาลไปตรงๆ ตั้งแต่แรก ปล่อยให้พรรคร่วมคิดว่าปชป.เอาด้วย พอเป็นแบบนี้
แค้นเก่า ที่ปชป.ยื้อเกมแก้รธน. กับแค้นใหม่ ที่ปชป.หักพรรคร่วมรัฐบาล ครั้งนี้ปชป.เลยจะถูกคิดต้นทบดอกในคราวเดียวกันเสียเลย
ตามด้วย ดอกสองรอตามมาติดๆ ก็ศึกซักฟอก ที่เชื่อได้ว่า เสียงไว้วางใจนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่ครบตามจำนวนที่นั่งส.ส.รัฐบาล 100 %