xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ส่งสัญญาณยุบสภาบีบพรรคร่วมเลิกงอแง!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“ผ่าประเด็นร้อน”

คำพูดล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) ของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุในทำนองว่า “ยังไม่ถึงเวลายุบสภาในตอนนี้ พร้อมทั้งมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่เกินเดือนมีนาคมไปนิดๆ” มันได้สะท้อนความหมายออกมาได้หลายอย่าง อย่างแรกที่จะต้องจับตากันก็คือหลังเดือนมีนาคมจะมีการยุบสภาหรือไม่ อย่างที่สองหมายความว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ต่อไปอีกเพียงไม่กี่เดือนใช่หรือไม่

ก็ต้องมาขบคิดกันต่อว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร ทั้งที่ตามวาระรัฐบาลยังเหลืออยู่เกือบ 2 ปี

แม้ว่าในเวลาต่อมานายกรัฐมนตรีก็ได้ออกมากล่าวยืนยันว่า ไม่ได้มีความหมายอย่างนั้น พร้อมทั้งอธิบายว่า ความหมายก็คืออาจเกิดมีความพยายามสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากความหมายในภาพรวมจากคำพูดทั้งหมดแล้วยังถือว่าเป็นความต้องการสื่อสารกลับไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางประเด็นก็เป็นได้ เช่น ในเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งให้เล็กลง เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์

ที่สำคัญก็คือ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงมติของพรรคที่ไม่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญตามพรรคร่วมเสนอ ขณะเดียวกัน ยังยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์รัฐประหารแน่นอน แม้จะยอมรับว่าในช่วงสองสามเดือนแรกรัฐบาลจะพบกับมรสุมประดังเข้ามาหลายเรื่องก็ตาม แต่ทุกอย่างสามารถดำเนินต่อไปได้

นั่นเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ถูกสื่อถามถึงสถานการณ์บ้านเมืองรวมไปถึงท่าทีต่อความเห็นไม่ตรงกันกับพรรคร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่ถึงอย่างไรเรียกได้ว่ารัฐบาลอาจจะอยู่เลยเดือนมีนาคม!?

เป็นคำถามที่ต้องมาขบคิดกันต่อว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ เพราะแม้ว่าจะพยายามพูดใหม่ไม่ใช่หมายความว่ารัฐบาลจะอยู่แค่เกินเดือนมีนาคมนิดๆเท่านั้น ก็ตาม แต่มันก็ช่วยไม่ได้หากจะให้เข้าใจว่านี่เป็นการส่งสัญญาณให้บรรดาพรรคร่วมได้เข้าใจว่าเขาพร้อมที่จะยุบสภา ดังนั้นอย่ามากดดันหรือข่มขู่กันอีกต่อไป


ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังถูกแรงกดดันอย่างหนักจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะจากพรรคชาติไทยพัฒนาของ บรรหาร ศิลปอาชา และพรรคภูมิใจไทยที่นำโดย เนวิน ชิดชอบ กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน ล่าสุดลูกน้องคนสนิทของ บรรหาร อย่าง สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็คือ อภิสิทธิ์ ทำนองทวงถามคำสัญญา โดยก่อนหน้านั้นก็ได้พูดจาข่มขู่ว่าให้รัฐบาล “นับถอยหลัง” มาแล้ว แปลความหมายก็คือขู่จะไม่ยกมือสนับสนุนรัฐบาล

ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็มาในแนวเดียวกันขู่ว่าอาจจะไม่ยกมือสนับสนุนรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์หากถูกฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ว่าในเบื้องต้นอาจยังดูสับสน เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านได้ระบุออกมาล่วงหน้าแล้วว่าการซักฟอกที่กำลังจะเกิดขึ้นมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทยรวมอยู่ด้วย

ทั้งคำพูดและท่าทีของนายกรัฐมนตรียังยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่มีการกลับมติพรรคอีกแล้ว และพร้อมที่จะรับผลที่จะตามมาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

สิ่งที่ต้องมาพิจารณาก็คือ นายกฯอภิสิทธิ์ คงประเมินแล้วว่า แม้ บรรหาร ศิลปอาชาจะไม่พอใจอย่างไรก็ตามที่ไม่สามารถกดดันให้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นแบ่งเขตเลือกตั้งให้เล็กลงตามความต้องการได้ แต่ก็คงไม่กล้าถอนตัวเป็นอันขาด เพราะถึงอย่างไรนักการเมืองประเภทที่ทำ “ธุรกิจการเมือง” มาตลอดคงรู้จักบวกลบกำไรขาดทุนได้ดี

รู้อยู่แล้วว่าการร่วมรัฐบาลน่าจะเป็นความปรารถนาสูงสุด และยิ่งปีนี้งบประมาณในโครงการ “ใครเข้มแข็ง” กำลังไหลเข้ามาเป็นน้ำ จะไปเสี่ยงถอนตัวแบบทุบหม้อข้าวตัวเองให้โง่ทำไม อีกทั้งหากมีการเลือกตั้งจริงๆก็เท่ากับเดินเข้าสุสานชัดๆ เพราะทั้งที่ผ่านมาต่อเนื่องไปจนถึงอนาคตยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรเป็นจุดขาย อย่าว่าแต่พื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ ลำพังแค่สุพรรณบุรีฐานกำลังหลัก ยังไม่รู้ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า

กรณีที่เกิดขึ้นยังรวมไปถึงพรรคภูมิใจไทยซึ่งกำลังตกที่นั่งแบบเดียวกันด้วย เพราะนาทีนี้บางกระทรวงสำคัญกำลังมีหลายโครงการใหญ่ มีงบประมาณจำนวนมหาศาลกำลังทยอยเบิกจ่ายออกมา ทั้งคมนาคม พาณิชย์ หรือแม้แต่กระทรวงมหาดไทยที่มีงบประมาณของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นทุกอย่างกำลังไหลลื่น

ขณะเดียวกัน เมื่อมองในมุมของ นายกฯอภิสิทธิ์ แล้วในเมื่อไม่ยอมทำตามคำขู่แล้วเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่กล้าถอนตัว ต่อไปก็ถึงเวลาที่ต้องหยั่งเชิงข่มขู่กลับไปบ้างในทำนองว่า หากยังไม่เลิกงอแงก็ส่งสัญญาณยุบสภา ซึ่งก็น่าจะทำให้บรรดาแกนนำที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยหยุดความเคลื่อนไหวลงได้บ้าง เป็นการจัดระเบียบกันไปในตัว

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้สำหรับการยุบสภามันก็อาจมีแนวโน้มอยู่เหมือนกันสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ในยุคที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะหากว่ากันไปแล้วก็มีหลายเรื่องที่พอจะนำไปขยายผลเพื่อหาเสียงได้ นโยบายหลายอย่างก็พอมีให้เห็น และเอาเข้าจริงอาจจะเป็นพรรคประชาะปัตย์เสียด้วยซ้ำไปที่น่าจะมีความพร้อมที่สุดหากมีการยุบกันแบบกระทันหัน

ขณะที่พรรคอื่นๆ แม้แต่พรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูเหมือนว่าต้องการให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ทุกเวลาหลังอาหารก็ตาม ถึงเวลานั้นยังไม่รู้ว่าจะเอาใครมาเป็นหัวหน้าพรรค หรือหามาได้แล้วยังไม่รู้ว่าจะฮือฮาแค่ไหน เอาแค่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ร่อมร่อแล้ว ยังหาตัวผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้เลย

ดังนั้น แม้ว่าคำพูดข้างต้นของ นายกฯ อภิสิทธิ์ อาจจะยังดูคลุมเครืออยู่บ้าง แต่เชื่อได้ว่านี่คือการส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อต้องการดัดหลัง และไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้ข่มขู่จนเกินไปนัก ทำนองอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด และนี่ก็อาจเป็นวิธีการตอบโต้อาการพยศของพวก “เขี้ยวลากดิน” ลงได้บ้าง!!
กำลังโหลดความคิดเห็น