xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ย้ำไม่ยุบสภา!! ปัดได้ จม.เฮียตือ เชื่อพาชาติผ่านเดือนมีนาฯ ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“มาร์ค” รอ “สุวิทย์” นัดคุยพรรคร่วม เผยยังไม่ได้จดหมาย “เฮียตือ” ปัดเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า ยันเป็นคนระบุเองให้เลือกตั้งเขตใหญ่ จะลบด้วยเท้าได้ยังไง ชี้แก้รัฐธรรมนูญมีเรื่องใหญ่กว่าระบบเลือกตั้งอีก รอวันหน้าค่อยคุย ปัดประชาธิปัตย์กลัวเสียประโยชน์ ย้ำไม่ได้รับปากพรรคร่วม ไม่กังวลเสถียรภาพรัฐ ฉะพวกฟังไม่ได้ศัพท์ทำสับสน ย้ำยังไม่คิดยุบสภา ชี้ปฏิวัติเป็นสิ่งไม่ดีต่อชาติ เชื่อพาประเทศพ้นเดือนมีนาฯ ได้



คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาตำหนิพรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นว่า ไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย บอกว่าจุดยืนความคิดเราไม่เหมือนกันเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง ผู้สื่อข่าวถามว่านายชาญชัยร้องเพลงรอให้นายกฯ เปลี่ยนใจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เสียงยังดีอยู่ ร้องได้อีก เมื่อถามถึงความชัดเจนในการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รอนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคมเป็นผู้นัด ท่านเป็นเจ้าภาพ เมื่อถามว่า ทำไมนายกฯ ไม่นัดเอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เพราะว่าเราเวียนกัน นายสุวิทย์ระบุว่าท่านจะเป็นผู้นัดเที่ยวนี้ไม่มีอะไร ทุกอย่างก็พูดตรงกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเรื่องของสภา แต่ละพรรคก็สามารถมีจุดยืนเป็นของตัวเองได้

เมื่อถามว่า นายกฯ ได้รับจดหมายเปิดผนึกจากนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา หรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้รับ แต่เห็นจากข่าวตนยังแปลกใจที่ระบุว่า “เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า” ก็ตนเป็นคนเขียนเรื่องเขตใหญ่เอาไว้จะลบด้วยเท้าได้อย่างไร เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้นายกฯ ทบทวนสัญญาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้

“ตอนที่จัดตั้งรัฐบาล มีการหยิบยกประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ผมก็แบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกที่ไม่ควรแก้ นั่นก็คือเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรม เนื่องจากเป็นประเด็นที่เห็นได้ชัดว่าก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ก็ตกลงกันว่าไม่แก้ ประเด็นที่สอง ที่แก้ได้ คิดว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาในเรื่องที่ไม่เป็นประชาธิปไตยในบางเรื่อง เช่น ประเด็นเรื่องวุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ทั้งที่มีอำนาจมาก และประเด็นที่สามเรื่องเทคนิค เรื่องเขตเลือกตั้ง ที่ไม่เข้าข่ายเกี่ยวกับนิรโทษกรรมและเข้าข่ายที่บอกว่าเป็นหรือไม่เป็นประชาธิปไตย ก็บอกว่าประเด็นอย่างนี้มาคุยกัน นี่คือสิ่งที่ตกลงกันไว้” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า มีประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน เราก็จะไปทำในกรอบของคณะกรรมการสมานฉันท์ และมาตกลงให้เกิดความมั่นใจว่า สังคมยอมรับก็ทำประชามติ แต่ทุกฝ่ายต้องตกลงกันก่อน เมื่อฝ่ายค้านเป็นฝ่ายถอนตัวไป พอดีทางพรรคร่วมบางพรรคก็อยากเสนอประเด็นเรื่องเขตเลือกตั้ง ซึ่งตนบอกว่า เรื่องนี้ยังคิดไม่ตรงกัน แต่บังเอิญเขารีบ เมื่อรีบเขาก็เสนอ และเมื่อเสนอทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนหรือไม่

“เขาบอกเองว่าพรรคประชาธิปัตย์เข้าชื่อสนับสนุนหรือไม่ เขาก็เดินต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เรื่องรัฐบาล ผมเห็นว่าไม่มีอะไร วันข้างหน้าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญต้องมาคุยกันอีก เพราะมีเรื่องที่มันใหญ่กว่าเรื่องเขตเลือกตั้งเยอะแยะก็เท่านั้นเอง” นายอภิสิทธิ์กล่าวยืนยัน

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ เคยรับปากกับพรรคร่วมรัฐบาลถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี ตนเป็นคนบอกกับหลายๆ คนเองว่าเรื่องเขตเลือกตั้งในวันที่ร่างรัฐธรรมนูญเขามีการเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ไปเข้าร่วม ตนไปในนามพรรคซึ่งเสนอว่า พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเขตใหญ่ดีกว่า อยากจะให้มีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องคุยกัน ไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกว่าอยากไม่ทำอย่างนี้ก็จะให้เป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่า มีการแย้งว่าข้อไหนที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคประชาธิปัตย์ พรรคก็จะเห็นด้วยส่วนข้อไหนที่ไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่เห็นด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวชี้แจงว่า ตนยังไม่เคยไปกล่าวหาเรื่องใครเป็นประโยชน์ของใคร แต่ให้ไปดูคำอภิปรายของตนเรื่องเขตใหญ่ที่แสดงต่อคณะกรรมาธิการจัดทำร่างฯ ได้ ไม่มีเรื่องประโยชน์พรรค แต่พูดตรงๆ สำหรับตนเรื่องเขตใหญ่ไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้งเท่าไหร่

เมื่อถามว่า เป็นข้อตกลงของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลที่ทำให้ปัญหาบานปลาย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ ท่านรับว่าจะมาคุยในพรรค ซึ่งนายสุเทพ ทราบระบบพรรคดีอยู่แล้ว ก็ทราบว่าความคิดเห็นของพรรคก็มีจุดยืน หลายคนเป็นห่วงเท่านั้นเองว่า จำเป็นต้องเดินไปในทางเดียงกับพรรคร่วมหรือไม่ ถามสมาชิกพรรคแม้แต่คนที่อภิปรายสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เขาบอกว่าจริงๆ แล้วใจเขาเห็นด้วยกับเขตใหญ่ แต่เขามีความเกรงใจพรรคร่วม จริงๆแล้วไม่ได้เป็นเรื่องประโยชน์ของพรรค แต่เป็นเรื่องความเห็นที่แตกต่าง

เมื่อถามว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลออกมาขย่มรัฐบาลรายวันแบบนี้ส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลในที่สุดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนก็พูดเหมือนกันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภา เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าเรื่องดังกล่าวจะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่กังวลหรอก เพราะตนมีแนวทำงานในการเมืองที่ถือว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นประโยชน์สูงสุดต้องทำตรงนั้น ส่วนการเมืองมีปัญหาอุปสรรค ก็แก้ไขกันไป

“ผมพยายามทำความเข้าใจ ไม่มีอะไรที่ผมไปกล่าวหาคนอื่น แต่ที่คนอื่นมากล่าวหาผม ผมบอกได้เลยว่าไม่จริง และไม่เป็นธรรม เพราะผมก็เล่าให้ฟังครบถ้วนหมด ทุกคนทราบดีว่า เวลาผมตกลงหรือคุยอะไรกับใคร ผมค่อนข้างที่จะละเอียดว่า ตรงนั้นหมายถึงอะไร ตรงนี้หมายถึงอะไร บางคนเอาเรื่องหนึ่งไปปนอีกเรื่องหนึ่งก็เกิดความสับสน” นายอภิสิทธิ์กล่าวชี้แจง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สาเหตุที่พรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมกันมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเข้ามาบริหารชาติ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จุดใหญ่ที่เข้ามา เรามาช่วยกันฟันฝ่าวิกฤต ขณะนั้นมีทั้งวิกฤตการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจ ด้านเศรษฐกิจถือว่าทำงานกันมาได้ระดับหนึ่ง ส่วนการเมืองตนบอกได้เลยว่า เรื่องเขตเล็ก เขตใหญ่ไม่ใช่ประเด็นหลักในการแก้ปัญหาการเมือง

เมื่อถามอีกว่า หมายความว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีการทบทวนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทบทวนไปแล้ว เมื่อวันอังคารที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมาก็หารือกันว่าควรลงมติเลย หรือต้องรอให้เรื่องเข้าสภาแล้วมาตกลงกัน ซึ่งทุกคนก็สนับสนุนให้ลงมติเลย ถือเป็นเสียงส่วนใหญ่ เมื่อถามว่า แรงกดดันของพรรคร่วมจะมีผลต่อการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงต่อพรรคประชาธิปัตย์อีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังมองไม่เห็นเรื่องการทบทวน ถ้าเป็นเรื่องการเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้ามาเท่านี้ พรรคตัดสินไปแล้ว แต่ถ้ามีเรื่องอื่นเช่น สามารถชวนฝ่ายค้านทำกรอบสมานฉันท์เรื่องเขตเล็กด้วย อย่างนี้เราไม่ขัดข้อง เพราะเรามีคำตอบให้สังคมได้ว่าเราเคยสนับสนุนเขตใหญ่ แต่เนื่องจากกรรมการสภาซึ่งส่วนหนึ่งเป็นแนวทางสร้างสมานฉันท์ อย่างนี้เราไม่ขัดข้อง

เมื่อถามว่า ในขั้นตอนการลงมติยังยึดจุดยืนตรงนี้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวยอมรับว่า ใช่ เมื่อถามด้วยว่า ถ้ามีร่างอื่นที่เสนอให้แก้เพียงมาตรา 190 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มาตรา 190 เราไม่ติดใจ แต่เราฟังจากทางพรรคร่วมรัฐบาล ทางเลขาธิการพรรคก็ระบุว่าเป็นร่างเดียวกัน เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าอายุรัฐบาลจะไม่ยาวถ้ามีความเห็นออกมาแบบนี้ นายอภิสิทธิ์ย้อนถามว่า ใครบอก ผู้สื่อข่าวรีบชี้แจงว่าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นคนบอก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็วิเคราะห์กันได้ทั้งนั้น

เมื่อถามว่าจะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่คิดไว้ตอนนี้ตนสนใจไม่ให้กระทบต่อการทำงานก็เดินหน้าต่อ ขอบคุณรัฐมนตรีของพรรคร่วมที่ไม่เสียสมาธิต่อเรื่องนี้ วานนี้ (27 ม.ค.) ทำงานกันอย่างดี วันนี้ วันข้างหน้าในสภาก็เรียบร้อยดี เมื่อถามว่า ถ้างานเดินไม่ได้จะตัดสินใจอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมต้องยึดงานเป็นหลักอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่า ขณะนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวแต่ยังมีปัญหากองทัพ ปัญหาอื่นๆประดังประดาเข้ามา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ธรรมดาช่วง 2-3 เดือนแรกของปีนี้ผมบอกแล้วว่าหนักหน่อย เพราะมันมีคนเคลื่อนไหวหนัก” ต่อข้อถามที่ว่าจะถึงจุดแตกหักนำไปสู่การยุบสภาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ตนถือว่าขณะนี้การทำงานเป็นไปตามปกติ ความรู้สึกผิดหวัง เห็นไม่ตรงกันเป็นธรรมดา

ผู้สื่อข่าวไล่บี้ถามต่อว่า แสดงว่าขณะนี้ยังไม่สามารถคาดเดากับสถานการณ์ข้างหน้าได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถือว่าทุกอย่างปกติ ต่อข้อถามอีกว่าความคิดยุบสภาไม่มีอยู่ในใจนายกฯ เลยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำว่า “วันนี้ผมยังไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภา” เมื่อถามถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะนำไปสู่การปฏิวัติ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนั้นเราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดอยู่แล้ว เรื่องการปฏิวัติไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นผลดีของประเทศต่อสังคมเลย เมื่อถามว่าคิดว่าจะก้าวข้ามไปถึงเดือนมีนาคมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อาจจะเลยเดือนมีนาคมไป
กำลังโหลดความคิดเห็น