00 จะเป็นเพราะคำพูดของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกที่เคยกล่าวเอาไว้ภายหลังเหตุการณ์ลอบสังหาร "สนธิ ลิ้มทองกุล" เมื่อเช้าวันที่ 17 เม.ย. 52 เพียงวันเดียว โดยรีบสรุปและปัดพ้นตัวทันทีแล้วบอกว่า "อาวุธสงครามที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุนั้นสามารถหาซื้อได้ทั่วไป" ทั้งที่เป็นการลงมือกันกลางพระนคร ในช่วงที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินมีทหารลาดตระเวน หรือประจำตามจุดสำคัญทั่วเมือง ซึ่งก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าคนลงมือย่อม "ไม่ธรรมดา" แน่นอน และยิ่งคนสั่งลงมือก็ยิ่ง "โคตรไม่ธรรมดา" หากไม่ใช่สีเขียวแล้วจะเป็นใคร
00 เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่คนร้ายยิงระเบิดชนิด "เอ็ม 79" เข้าใส่ห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่กองบัญชาการกองทัพบกเมื่อเช้ามืดวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับอันตราย แต่นี่คือการข่มขู่ ที่สำคัญนี่คือการ "ย่ำยีศักดิ์ศรีกองทัพ" จนแหลกยับเยินและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่กระทบกระเทือนเฉพาะตัว พล.อ.อนุพงษ์ เท่านั้น เพราะตำแหน่งที่เขานั่งอยู่คือผู้บัญชาการทหารบก ถือเป็นศูนย์กลางอำนาจอีกแห่งหนึ่งในระบบการเมืองที่ด้อยพัฒนาแบบไทยๆ
00 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพที่มีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเข้าใส่ห้องทำงานของผู้บัญชาการทหารบก ที่ตั้งอยู่ในศูนย์บัญชาการ ส่วนคนลงมือจะเป็น "เสธ.แดง" หรือใครก็ตามที่ต้องสืบสาวราวเรื่องกันต่อไป เพราะเป็นไปได้และเป็นไม่ได้เท่าๆเพราะถ้าไม่ใช่ "ทหารกุ๊ย" คนนั้นที่เคยพูดจาข่มขู่ทำนองว่า "ไอ้ป๊อก มึงอย่าออกมาจากกองทัพนะ ไม่งั้นกูกระทืบมึงแน่" แล้วเป็นฝีมือใคร เป็น "ทหารกลุ่มอื่น" ที่ไม่ชอบขี้หน้า ผบ.ทบ.คนนี้หรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาก็มักมีเสียงวิจารณ์กันบ่อยๆว่าไม่ใช่พวกก็โตยาก ใช่หรือเปล่า!!
00 นี่ก็ออกมายืนยันจากโฆษกกองทัพบกบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่ข่าวลือ ก็ว่ากันไป แต่ความเคลื่อนไหวที่เห็นอยู่ตำตาก็คือมีการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดผิดปกติ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือตามข่าวยังบอกอีกว่า เอ็ม 79 ถูกยิงไปตกที่หน้ากระทรวงกลาโหมอีกแห่งหนึ่งด้วย ถ้าจริงก็ถือว่า อีก 1 ป. คือ "ป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ก็โดนด้วย โดนเหยียบหน้ากันทั่วถึง แต่น่าสังเกตก็คือหาเป็นเรื่องจริงเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วยังหาร่องรอยคนร้ายไม่ได้ก็ถือว่า "ห่วยแตก" จริงๆ
00 สำหรับรายนี้ "บิ๊กแอ้ด" พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ถือว่าจบแบบ "หมดท่า" กรณีที่ดินเขายายเที่ยงตอนแรกก็เปิดช่องให้ลงแบบมีศักดิ์ศรีก็ไม่เอา ก็รู้อยู่แล้วในที่สุดก็ต้องคืนเพราะครอบครองโดยมิชอบ แต่จะด้วยความเสียดายหรืออะไรก็ไม่รู้ต้อง "ยื้อ" จนถึงที่สุด แต่เมื่อคำสั่งจากกรมป่าไม้ล่าสุดบอกว่าต้องขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ซึ่งหากพูดกันแบบตรงไปตรงมาก็ถือว่า "ถูกไล่" นั่นแหละ และที่เสียหายก็คือมันจะส่งผลสะเทือนไปถึงตำแหน่งของเขา เพราะช่วยไม่ได้ที่จะต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน โดยเฉพาะจากฟาก "คนเสื้อแดง"
00 แทนที่จะคืนไปเสียตั้งแต่ตอนที่อัยการสูงสุดได้ชี้ข้อกฏหมายออกมาเป็นทางการหาออกอย่างไม่เสียหน้าเพราะบอกว่าไม่ได้เจตนา และไม่ทำให้เป็นเงื่อนไข "สองมาตราฐาน" อ้อ เกือบลืมไปในข้อแถลงของอธิบดีกรมป่าไม้ยังพบว่าจากการรังวัดที่ดินเจ้าปัญหาดังกล่าวพบว่ามีเนื้อที่กว่า 26 ไร่ งอกจากเดิมที่ พล.อ.สุรยุทธ์เคยแจ้งเอาไว้แค่ 21 ไร่เศษเท่านั้น นี่ก็อาจจะเป็นประเด็นยุ่งยากตามมาอีก แต่เป็นการยุ่งยากของ พล.อ.สุรยุทธ์ เองนั่นแหละ!! 00