xs
xsm
sm
md
lg

มีหลักฐานแม้วชั่ว "เหล่" แจก1ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ผบ.สส.สอนสื่ออย่าเต้นตามข่าวเสื้อแดง เห็นมีแต่ข่าวจะวุ่นวาย สุดท้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่ก๊กแดงบุกทำเนียบองคมนตรี จี้ "ป๋าเปรม-สุรยุทธ์" ลาออก "เรืองไกร" ยื่น ป.ป.ช.สอบบิ๊กแอ้ด แจ้งทรัพย์สินเท็จ ส่วน "นพเหล่" หอบเงิน 1 ล้านโชว์ อ้างเป็นรางวัลให้ผู้ที่มีหลักฐานแม้วมีสัมปทานเขมร โวถ้ามีหลักฐานแม้วถูกอังกฤษอายัดทรัพย์จะได้อีก 1 ล้าน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์วานนี้ (18 ม.ค.) ถึงกรณีที่ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และกลุ่มคนเสื้อแดงจะไปปิดทำเนียบองคมนตรี ว่า ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน สามารถชุมนุม โดยสงบ เรียบร้อย ปราศจากอาวุธ ไม่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่นได้ แต่ถ้าไปปิดล้อมสถานที่ หรือบุกรุกสถานที่ราชการ ไปทำผิดกกหมายหรือทำร้ายประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ที่มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แบบนี้ผิดกฎหมายจะถูกดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอริสมันต์ออกมาข่มขู่ในหลายเรื่อง เหตุใดจึงยังไม่ดำเนินการ นายสุเทพ กล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินการตามกระบวนยุติธรรมแล้ว แต่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานในการสืบสวนคดีความบางเรื่องก็ใช้เวลายาวเหยียด 9 ปี 10 ปี ผมเคยเป็นคดีความกับเขาตั้ง 11ปีกว่าจะสิ้นสุดต้องอดทนหน่อย

ส่วนที่ฝ่ายค้านเตรียมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กัมพูชาเพื่อติว เข้มเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คงทำอะไรไม่ได้ แต่เป็นหน้าที่ของคนที่ถูกอภิปรายที่ต้องเตรียมตัว แต่รัฐมนตรีทุกคนที่ทำงานอยู่ทุกวันก็ต้องรู้ว่า งานที่ทำแต่ละเรื่องเป็นอย่างไร พร้อมที่จะชี้แจงในการอภิปราย

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าฝ่ายค้านมีหลักฐาน มีใบเสร็จในมือจริงตามที่คุยไว้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่กล้าให้ความเห็นไปก่อน จะกลายเป็นการสบประมาท แต่คิดว่าเราอยู่ในซีกรัฐบาลเราก็ต้องเคารพ การทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน การที่ฝ่ายค้านเตรียมตัวอภิปรายในสภาเป็นการทำหน้าที่ของเขา ก็ต้องให้ความเคารพ แต่การที่ฝ่ายค้านรวมมือกับกระบวนการนอกกฎหมาย นอกรัฐสภา แล้วสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองอย่างนี้ก็ต้องตำหนิกัน

นายสุเทพ แสดงความมั่นใจพรรคร่วมรัฐบาลในเสียงโหวตลงมติ เพราะมีการพบปะพุดคุยกันรู้กันดีว่าทั้งหมดที่เราทำ เรามีหน้าที่ที่จะต้องดูแลชาติบ้านเมือง ก็ทำหน้าที่ร่วมกัน

**ผบ.สส.หยามสื่อเต้นข่าวเสื้อแดง

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สูงสูด กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประเมินว่าระหว่างวันที่ 16 ก.พ.ถึง 26 ก.พ.เป็นช่วง 10 วันอันตรายเพราะอยู่ในช่วงที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่าไม่เห็นมีอะไร ตนเห็นพยากรณ์กันมาตั้งแต่ปีใหม่ว่าจะมีเหตุวุ่นวาย หรือกรณีเขายายเที่ยงก็ไม่มีอะไร คนที่มาชุมนุม ก็ชุมนุมปกติ คนทำข่าวก็ทำข่าวกันไป หากทำข่าวมากก็เป็นแรงกระตุ้น คิดว่าหากปล่อยให้ระบบยุติธรรมดำเนินการไปก็จะมีที่สิ้นสุด และทุกอย่าง ต้องทำความเข้าใจกันและกัน ทั้งนี้ อย่าเป็นห่วงมากเกินไปให้ดูในความพอดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าลำบากใจกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่ลำบากใจถ้าเลิกขัดแย้งกันทุกอย่างก็จบ เมื่อถามว่า ไม่ควรให้ความสำคัญกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงใช่หรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ตนเห็นว่าให้ความสำคัญกันมานานแล้ว ไม่รู้ว่าหากเราไม่ให้ความสำคัญแล้วเขาจะหยุดไปเองหรือไม่ เราควรทำงานในหน้าที่ของเรา ยืนหยัดยึดมั่นในสิ่งที่ควรจะทำ ไม่จำเป็นต้องไปวอกแวกหรือไปหันเหความสนใจของเราไปจากสิ่งที่ควรปฏิบัติ

**แก๊งแดงบุกทำเนียบองมนตรี

วันเดียวกันที่ บริเวณหน้าหน้าทำเนียบองคมนตรี นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายเหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมคนเสื้อแดง 200 คน ได้เดินทางมายืนหนังสือเกี่ยวกับ การใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานต่อกรณีที่มีองคมนตรีเข้าไปครอบครองพื้นที่ป่าสงวน และเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการครอบครองที่ดินป่าสงวนคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลาออก โดยมีนายฉัตรสุวรรณ วิทยะวานิชกุล และนายธานินทร์ คงยั่งยืน กองนิติการ 7 สำนักงานราชเลขาธิการ เป็นผู้รับหนังสือ

นายวีระ กล่าวว่า ตนมายืนหนังสือพร้อมด้วยเอกสารสรุปผลการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงการถือครองที่ดินบริเวณเขายายเที่ยง 1 ชุดจำนวน 9 หน้า และเอกสาร คดีสนามกอล์ฟสอยดาว ไฮด์แลนด์ ของธนาคารกรุงเทพ ซึ่ง พล.อ.เปรม เป็นประธานคณะที่ปรึกษาอยู่ระยะหนึ่ง รวมทั้งได้เป็นประธานเปิดสนามกอล์ฟแห่งนี้อ ย่างเป็นทางการถือเป็นการสนับสนุนและปกป้องคนผิด 1 ชุด จำนวน 28 หน้า เพื่อกราบเรียนถึงคณะองคมนตรีถึงการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานจนทำให้สังคมไทยไร้หลักนิติรัฐ และนิติธรรม ซึ่งประชาชนรู้สึกได้ถึงความอยุติธรรม ทำให้เกิดความคับแค้นใจ หากใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานกับบุคคลทางการเมืองยังไม่สู้เป็นอัศจรรย์ แต่กลับปรากฏข้อมูลว่า ได้มีการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานกับผู้ดำรงตำแหน่ง องคมนตรี 2 ท่าน คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กรณีที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เขายายเที่ยง อ.สี่คิ้ว จ.นครราชสีมา และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กรณีที่สนับสนุนและปกป้องกลุ่มบุคคลให้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาสอยดาว หมู่ที่ 2 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งจาก 2 กรณีนี้ได้มีการ ตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ และมีการดำเนินการสอบสวนขั้นต้นไว้นานแล้ว และจากนั้นได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับพล.อ.สุรยุทธ์ แต่การดำเนินการเป็นไปด้วยความ ล่าช้า จนมาถึงขณะนี้

ด้าน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เคยแถลงครั้งที่เป็นนายกฯ รวมถึงปัจจุบันล้วนเป็นความเท็จตนมีคำยืนยันของ นายนพดล พิทักษ์วานิช ที่เป็นคนซื้อที่ดิน ต่อจาก นายเบ้า สินนอก ซึ่งนายนพดล ยืนยันว่า ไม่ได้มีการซื้อขายที่ดินจาก พล.อ.สุรยุทธ์ หรือคนใกล้ชิดแต่อย่างใดเป็นการทำนิติกรรมอำพรางผ่านนอมินีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ผ่าน พ.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ ในขณะนั้นเท่านั้นเอง เรื่องนี้จะอธิบายและลอกคราบ พล.อ.สุรยุทธ์ ให้สังคมไทยเห็นชัดเจนว่า แท้จริง พล.อ.สุรยุทธ์ วางแผนที่จะฮุบสมบัติชาติเป็นของตัวเองทั้งแต่ตน และทำธุรกรรมอำพราง และแจ้งข้อมูลเป็นเท็จทั้งต่อประชาชน และส่วนราชการทุกส่วนราชการ ซึ่งในวันที่ 19 ม.ค.นี้ จะแถลงข่าวถึง ความชัดเจนอีกครั้งในเวลา 10.00 น. ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว โดยจะพานายนพดล มาด้วย

**ยื่น ป.ป.ช."แอ้ด" แจ้งทรัพย์สินเท็จ

ขณะเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่าได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี อาจเป็นเท็จกรณีที่ดินบนเขายายเที่ยง เนื่องจากพบว่าการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตอนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2549และตอนเข้ารับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ในส่วนที่เป็นที่ดินของตนเองเอาไว้ไม่มีที่ดินบนเขายายเที่ยง แต่ไปปรากฎอยู่ที่คู่สมรศคือ พ.อ.หญิง คุณหญิง จิตรวดี จุลานนท์ ที่ระบุว่า มีที่ดิน ภ.บ.ท. 5 จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 21-0- 0 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง
 

ต่อมา เมื่อพล.อ.สุรยุทธ์ พ้นตำแหน่ง พ.อ.หญิงคุณหญิงจิตรวดี ไม่ได้แสดงว่า มีที่ดิน ภ.บ.ท. 5 จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 21-0- 0 ไร่ ที่ตั้งอยู่ที่ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาเอาไว้ แต่ในส่วนบัญชีทรัพย์สินที่เป็นสิทธิและสัมปทานนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ แจ้งว่าคู่สมรสมีทรัพย์สินที่เป็นสิทธิอยู่ 1 รายการ มูลค่า 700,000 บาท โดยอธิบายว่าเป็นการซื้อสิทธิในการทำประโยชน์บนที่ดินว่างเปล่า และปลูกต้นไม้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื้อที่ 21 ไร่ โดยได้จ่ายเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) ตามกฎหมายทุกปีตลอดมา แต่มีการหมายเหตุว่า ที่ดินแปลงนี้มิได้ใช้ ทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เช่น รีสอร์ท หรือร้านอาหาร ฯลฯ แต่อย่างใด
แสดงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ย่อมต้องรู้ว่าที่ดินดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินของตนเอง ที่จะนำมาตีมูลค่าแล้วนำมาแสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สิน การนำที่ดินแปลงดังกล่าวมายื่น แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สิน อาจเป็นการแจ้งบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จได้ เข้าลักษณะการกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 263 วรรคหนึ่ง ซึ่งอยู่ใน อำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยต่อไป

**นพดล ให้1ล้านใครจับผิดลูกพี่ได้

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หอบเงินสด 1 ล้านบาทมาประกอบการแถลงข่าว โดยกล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมากัมพูชาโดยจะไม่ใช้กัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการล้มรัฐบาล หรือสั่งการให้กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมกดดันศาลฎีกาฯในช่วงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท โดยพรรคประชาธิปัตย์พยายามใช้การเมืองสร้างภาพใส่ร้ายป้ายสี พ.ต.ท.ทักษิณและคนเสื้อแดง ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ที่จะทำร้ายประเทศ ส่วนคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทนั้น หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม

นายนพดลกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ เคยกล่าวหาตนไปลงนาม ในแถลงการณ์ร่วมขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารไทย-กัมพูชา เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับสัมปทานแหล่งน้ำมัน ก็าซธรรมชาติทางทะเล แต่ผ่านมา12เดือน ยังไม่เคยนำหลักฐานใดๆ มาแสดงเลย

"วันนี้ผมจึงนำเงินสด1ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของผมเอง มาเพื่อประกาศว่า หากใครสามารถไปหาหลักฐานว่าผมทำให้ท่านทักษิณได้รับสัมปทาน จากการเซ็น แถลงการณ์ร่วมจริง ผมก็จะให้เงินเอาไปเลยทันที ให้เวลา1ปีในการหา ถ้ามีจริง คนที่หามาได้ นอกจากท่านทักษิณจะยกสัมปทานให้แล้ว ก็จะได้เงินจากผมด้วย รวมทั้งใครสามารถหาหลักฐานได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรัฐบาลอังกฤษ อายัดทรัพย์ ก็จะได้เงินอีก1ล้านบาท จากพ.ต.ท.ทักษิณ ขอยืนยันว่าท่านไม่มีเงินที่ถูกอายัดไว้ แต่เป็นการบิดเบือนของสื่อ"

**อ้าง "แม้ว" สั่งคนเสื้อแดงไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมหลังวันที่14 ก.พ. หาก พ.ต.ท.ทักษิณ บริสุทธิ์ใจ ทำไมไม่สั่งให้คนเสื้อแดงหยุดเคลื่อนไหว นายนพดลกล่าวว่า การเคลื่อนไหว กลุ่มเสื้อแดงเป็นอิสระ พ.ต.ท.ทักษิณสั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ คนเสื้อแดงกับพ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายเดียวกันคือ เรียกร้องความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามช่วงนี้พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังไม่เดินทางมากัมพูชาแน่นอน แต่ช่วงเดือน ก.พ.ตนยังยืนยันไม่ได้

นายนพดล ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ถูกรัฐบาลอังกฤษอายัดเงินเพราะไม่มีเงินให้อายัด ส่วนเงินสมัยที่นำไปซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ฃนั้นมาจากเงินของลูกและไปกู้มาส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้ไปกู้จากเครือข่ายบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ ของประเทศรัสเซีย

สำหรับการยกร่างคำแถลงปิดคดียึดทรัพย์นั้น นายนพดล กล่าวว่า มี 2ประเด็น คือ แจงทรัพย์สินที่มีมาก่อนเป็นนายกฯ และสมัยที่เป็นนายกฯก็ไม่ได้ออกมาตรการ ใดๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง ส่วนที่ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตคตส.ระบุว่าถ้าจะยึดทรัพย์ ก็ต้องยึดทั้งหมดนั้น ตนไม่อยากพูดเพราะเรื่องอยู่ในชั้นศาล ขึ้นอยู่กับศาลพร้อมรับคำวินิจฉัย แต่ความหวังขอเราคือขอความเป็นธรรมจากศาล

ส่วนที่นายอริสมันต์อ้างว่าพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าหากอยากยึดก็ให้ยึดไป หาใหม่ได้ นายนพดลกล่าวว่า ท่านคงไม่พูดอย่างนั้น คนที่บริสุทธิ์ใจทำงานมาอย่าง ซื่อสัตย์ ก็อยากได้รับความเป็นธรรม ท่านคงไม่บอกว่า หวังจะได้รับเงินคืนจำนวนเท่าใด

**สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายไทย-ยูเออีคืบ

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงผลความคืบหน้าการเจรจราทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งเป็นที่พำนักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนี้คุกของไทย ในระหว่างวันที่ 10 -13 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า บรรยากาศการเจรจาเป็นไปด้วยดี และมีความคืบหน้ามาก เพียงติดขัดในเรื่องเทคนิคเล็กน้อย แต่สามารถตกลงกันได้ อาทิ ข้อกฎหมายการส่งตัวนักโทษ ซึ่งกฎหมายของยูเออีจะไม่ให้ส่งตัวพลเมืองยูเออีให้ไปถูกดำเนินคดีในต่างประเทศ หรือกฎหมายของยูเออีกำหนดให้มีการยื่นอุทรณ์ภายใน 60 วัน ซึ่งแตกต่างจาก กฎหมายไทยที่กำหนดให้ยื่นอุทรณ์ภายใน 30 วัน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ระหว่างไทยกับยูเออียังอยู่ในช่วงหารือด้านเทคนิค เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลงนามสนธิสัญญาฯ ภายในปีนี้ โดยเท่าที่ทราบไม่มีข้อขัดข้องในการเรื่องการตีความกฎหมาย ดังนั้นหากจะมีการลงนามดังกล่าวก็ไม่ต้อง นำเรื่องเข้าผ่านความเห็นจากรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ นอกเหนือจากยูเออีแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนการเจรจาทำสนธิสัญญาฯ อาทิ ฮ่องกง ส่วนเกาหลีใต้ กำลังเจรจาจัดทำกฎหมายแลกเปลี่ยนผู้ร้าย และยืนยันว่าการทำสนธิสัญญานั้นเป็นการทำงานในกรอบกว้างๆ ทั่วไป ไม่ใช่ทำเพื่อต้องการตัวบุคคลหนึ่งบุคคลใด.
กำลังโหลดความคิดเห็น