"นพ.ตุลย์" จี้ ทุกฝ่ายเลือกข้างความถูกต้อง หลังบ้านเมืองวิกฤต มีแต่ผู้คนเห็นแก่ตัว จับประเทศเป็นตัวประกัน เชื่อ แก้ รธน. พรรคร่วมแค่ขู่ จึงเดินเกมป่วน เพื่อต่อรองอำนาจ ขณะที่ แกนนำพันธมิตรฯ ภาคเหนือ ชี้ หากล้ม รธน. 50 รัฐต้องตอบคำถามปชช. ให้ได้ถึงเหตุผล เพราะกม.ไม่ได้ผิด แต่นักการเมืองอยากแก้ช่วยเหลือตัวเอง แนะนายกฯ เดินหน้าตีแผ่ข้อมูลทุจริต "นช.แม้ว" อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายโกหกพกลม ดึงมวลชนเป็นพวก
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น. วันพุธที่ 6 ม.ค. มี น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะเครือข่ายปัญญาสยาม และนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด แกนนำพันธมิตรฯ ภาคเหนือ มาร่วมวิเคราะห์เกมป่วนบ้านเมือง ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ และล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นพ.ตุลย์ กล่าวประเด็นนี้ว่า ตอนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหน ก็รู้สึกว่าอยากทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ หรือฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นสองโครงสร้างที่ทำให้บ้านเมืองขาดความเข้มแข็ง โดยเวลานี้ ทางออกของประเทศคือการเลือกข้างด้วยเหตุผลว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด
นายสุริยันต์ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า ประเทศเวลานี้ต้องบอกว่ากำลังถูกจับเป็นตัวประกัน โดยบ้านเมืองต้องรอระเบิดลูกแล้วลูกเล่า โดยที่ไม่มีฝ่ายใดตั้งรับหรือแก้ไขได้ ซึ่งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ จะถือเป็นการจุดระเบิดลูกใหม่ เพราะเห็นชัดเจนว่าเป็นเรื่องของเกมซื้อเวลา ที่สุดท้ายแล้วประชาชนจะไม่ได้อะไร เหมือนวิธีการเมืองเล่นการเมือง เนื่องจากหากพูดเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เห็นว่ามีจุดอ่อนหรือช่องโหว่ตรงไหน ดังนั้น สถานการณ์ตอนนี้คือการแย่งชิงนำมวลชน
นายสุริยันต์ กล่าวอีกว่า โดยการนำประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมาเป็นประเด็น เนื่องจากมีความต้องการเดินเกมรุกให้มากที่สุด ซึ่งต้องทำทุกอย่างให้กระบวนการตรวจสอบไม่สามารถเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ คนพวกนี้ไม่ชินกับการบังคับใช้กฏหมาย เพราะต้องชี้แจงว่ารัฐธรรมนูญ ปี2550 ออกฤทธิ์ออกเดชทำให้นักการเมืองจำนวนไม่น้อยถึงขั้นขยาด ดังนั้น ต้องกลับไปดูว่าก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 มีอะไรเกิดขึ้น โดยทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รับการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการซุกหุ้นหรือการไม่จ่ายภาษี ฉะนั้น ถ้ามีการแก้รัฐธรรมนูญเวลานี้ ก็จะนำการเมืองไทยกลับไปสู่วังวนเดิม คือ สุดท้ายแล้วก็จะไปสู่การรัฐประหารเหมือนเดิม เนื่องจาก นักการเมืองแก้รัฐธรรมนูญ เพราะต้องการเรียกร้องผลประโยชน์ที่เสียไปให้กลับคืนมา
นพ.ตุลย์ กล่าวเสริมว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลมีความพยายามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเรื่องนี้ ไม่มีทางที่จะได้แก้จริง เพราะเชื่อว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีการตั้งเงื่อนไขเยอะ ดังนั้น จึงมีการค้านอำนาจกันเอง แต่ที่ปรากฏเป็นกระแสดัง เนื่องจากเป็นการสร้างอำนาจต่อรอง เพื่อกันไม่ให้รัฐบาลมาตีกินในอนาคต แต่ถ้าดูจริงๆ ไม่สามารถแก้ได้ จึงเป็นแค่เกมป่วนมากกว่า
นายสุรยันต์ กล่าวว่า ตนว่าเวลานี้ นายอภิสิทธิ์ ต้องชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2550 มีจุดอ่อนตรงไหน ซึ่งถ้าหากให้พูดกันตรงๆ เรื่องรัฐธรรมนูญแทบจะยังไม่ต้องพูด เอาแค่ว่ากฏเหล็ก 9 ข้อ ที่นายอภิสิทธิ์ เคยประกาศไว้ว่าในนามรัฐบาล รัฐมนตรีทุกคนต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เวลานี้ที่พรรคร่วมชอบมาต่อรองกับรัฐบาล เพราะไม่เคยเกรงใจนายกรัฐมนตรี โดยตนถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตลกที่สุด ที่นักการเมืองแก้ผ้า ไม่เหลือสิ่งใดๆ ปิดร่างกาย แต่ยังมีหน้าไปต่อรองกับผู้อื่น ไม่เช่นนั้นจะไปจับขั้วกับอีกพรรคการเมือง หรือว่าพรรคภูมิใจไทยคิดว่าคนไทยความจำสั้น ถึงจำว่าเคยเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง
นพ.ตุลย์ กล่าวว่า เท่าที่เคยติดตามความคิดเห็น รัฐบาลไม่พยายามก้าวล่วงอำนาจตำแหน่งที่ไม่ใช่ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดูแล้วเหมือนกับการทำอะไรไม่เต็มสูบ หรืออาจเป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยชินกับการเป็นพรรคฝ่ายค้านมากเกินไป ดังนั้น พอได้เป็นรัฐบาลจึงไม่มีความกระตือรือร้นในการบริหารประเทศ โดยในปี 2553 นี้ รัฐบาลไม่ควรพูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
นายสุริยันต์ กล่าวว่า ตนมองว่าหากติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง อาจจะต้องเสียดายตรงที่สิ่งที่ประชาชนสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีความเอาจริงเอาจังที่จะนำมาเปิดเผยให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง ทั้งที่มีอำนาจอยู่ในมือแต่กลับไม่ทำ ไม่หนำซ้ำยังปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิงพื้นที่ไปบอกประชาชนว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งสารพัด ซึ่งตนมองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องโกหกพกลมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่งขึ้นเพื่อโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนหลงคิดว่าเป็นความจริง
นายสุริยันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนับวันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ โดยเป็นสิ่งที่น่าตกใจมากที่แกนนำคนเสื้อแดงประกาศจะเดินเกมใต้ดิน แต่พอสังคมไทยได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว กลับนิ่งเฉย ทั้งที่คำว่าเดินเกมใต้ดิน คือ ทำในสิ่งที่ผิดกฏหมายและไม่อยู่ในคำว่าสันติ อหิงสา รวมทั้งไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งตนแปลกใจว่า พวกนักวิชาการหรือองค์กรต่างๆ ไม่ทำอะไรเลยเวลาที่เสื้อแดงเดินเกมเลยเถิดในการใช้ความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น สังคมเวลานี้ต้องออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวมากกว่านี้
นพ.ตุลย์ กล่าวประเด็นคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเดินเกมเขย่าทั้งในและนอกสภา รวมทั้งต่างประเทศ แต่ถ้าหากใครยังจำได้ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่กลุ่มคนเสื้อแดงก่อความรุนแรง นายอภิสิทธิ์ ก็แก้ไขสถานการณ์จนจบลงไปได้ แต่เวลานี้ เหตุการณ์ดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นอีก ทำไมรัฐบาลจึงไม่รีบแก้ปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตนบอกได้เลยว่าครั้งนี้ หากปะทะแล้วเกิดการปฏิวัติอีกประเทศก็ไปไม่รอด ทางที่ดี นายอภิสิทธิ์ ควรหาคนที่ไว้ใจได้ เพื่อทำการหาข่าววงใน เพื่อเป็นหัวหอกในการเข้าถึงผู้คน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หลอกใช้อีก โดยนายอภิสิทธิ์ ต้องประกาศไปเลยว่า เป็นนายกรัฐมนตรีของคนทุกสี และมีความหวังดีจะแก้ปัญหาให้ประชาชน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น. วันพุธที่ 6 ม.ค. มี น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะเครือข่ายปัญญาสยาม และนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด แกนนำพันธมิตรฯ ภาคเหนือ มาร่วมวิเคราะห์เกมป่วนบ้านเมือง ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ และล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นพ.ตุลย์ กล่าวประเด็นนี้ว่า ตอนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหน ก็รู้สึกว่าอยากทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ หรือฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นสองโครงสร้างที่ทำให้บ้านเมืองขาดความเข้มแข็ง โดยเวลานี้ ทางออกของประเทศคือการเลือกข้างด้วยเหตุผลว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด
นายสุริยันต์ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า ประเทศเวลานี้ต้องบอกว่ากำลังถูกจับเป็นตัวประกัน โดยบ้านเมืองต้องรอระเบิดลูกแล้วลูกเล่า โดยที่ไม่มีฝ่ายใดตั้งรับหรือแก้ไขได้ ซึ่งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ จะถือเป็นการจุดระเบิดลูกใหม่ เพราะเห็นชัดเจนว่าเป็นเรื่องของเกมซื้อเวลา ที่สุดท้ายแล้วประชาชนจะไม่ได้อะไร เหมือนวิธีการเมืองเล่นการเมือง เนื่องจากหากพูดเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เห็นว่ามีจุดอ่อนหรือช่องโหว่ตรงไหน ดังนั้น สถานการณ์ตอนนี้คือการแย่งชิงนำมวลชน
นายสุริยันต์ กล่าวอีกว่า โดยการนำประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมาเป็นประเด็น เนื่องจากมีความต้องการเดินเกมรุกให้มากที่สุด ซึ่งต้องทำทุกอย่างให้กระบวนการตรวจสอบไม่สามารถเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ คนพวกนี้ไม่ชินกับการบังคับใช้กฏหมาย เพราะต้องชี้แจงว่ารัฐธรรมนูญ ปี2550 ออกฤทธิ์ออกเดชทำให้นักการเมืองจำนวนไม่น้อยถึงขั้นขยาด ดังนั้น ต้องกลับไปดูว่าก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 มีอะไรเกิดขึ้น โดยทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รับการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการซุกหุ้นหรือการไม่จ่ายภาษี ฉะนั้น ถ้ามีการแก้รัฐธรรมนูญเวลานี้ ก็จะนำการเมืองไทยกลับไปสู่วังวนเดิม คือ สุดท้ายแล้วก็จะไปสู่การรัฐประหารเหมือนเดิม เนื่องจาก นักการเมืองแก้รัฐธรรมนูญ เพราะต้องการเรียกร้องผลประโยชน์ที่เสียไปให้กลับคืนมา
นพ.ตุลย์ กล่าวเสริมว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลมีความพยายามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเรื่องนี้ ไม่มีทางที่จะได้แก้จริง เพราะเชื่อว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีการตั้งเงื่อนไขเยอะ ดังนั้น จึงมีการค้านอำนาจกันเอง แต่ที่ปรากฏเป็นกระแสดัง เนื่องจากเป็นการสร้างอำนาจต่อรอง เพื่อกันไม่ให้รัฐบาลมาตีกินในอนาคต แต่ถ้าดูจริงๆ ไม่สามารถแก้ได้ จึงเป็นแค่เกมป่วนมากกว่า
นายสุรยันต์ กล่าวว่า ตนว่าเวลานี้ นายอภิสิทธิ์ ต้องชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2550 มีจุดอ่อนตรงไหน ซึ่งถ้าหากให้พูดกันตรงๆ เรื่องรัฐธรรมนูญแทบจะยังไม่ต้องพูด เอาแค่ว่ากฏเหล็ก 9 ข้อ ที่นายอภิสิทธิ์ เคยประกาศไว้ว่าในนามรัฐบาล รัฐมนตรีทุกคนต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เวลานี้ที่พรรคร่วมชอบมาต่อรองกับรัฐบาล เพราะไม่เคยเกรงใจนายกรัฐมนตรี โดยตนถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตลกที่สุด ที่นักการเมืองแก้ผ้า ไม่เหลือสิ่งใดๆ ปิดร่างกาย แต่ยังมีหน้าไปต่อรองกับผู้อื่น ไม่เช่นนั้นจะไปจับขั้วกับอีกพรรคการเมือง หรือว่าพรรคภูมิใจไทยคิดว่าคนไทยความจำสั้น ถึงจำว่าเคยเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง
นพ.ตุลย์ กล่าวว่า เท่าที่เคยติดตามความคิดเห็น รัฐบาลไม่พยายามก้าวล่วงอำนาจตำแหน่งที่ไม่ใช่ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดูแล้วเหมือนกับการทำอะไรไม่เต็มสูบ หรืออาจเป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยชินกับการเป็นพรรคฝ่ายค้านมากเกินไป ดังนั้น พอได้เป็นรัฐบาลจึงไม่มีความกระตือรือร้นในการบริหารประเทศ โดยในปี 2553 นี้ รัฐบาลไม่ควรพูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
นายสุริยันต์ กล่าวว่า ตนมองว่าหากติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง อาจจะต้องเสียดายตรงที่สิ่งที่ประชาชนสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีความเอาจริงเอาจังที่จะนำมาเปิดเผยให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง ทั้งที่มีอำนาจอยู่ในมือแต่กลับไม่ทำ ไม่หนำซ้ำยังปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิงพื้นที่ไปบอกประชาชนว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งสารพัด ซึ่งตนมองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องโกหกพกลมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่งขึ้นเพื่อโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนหลงคิดว่าเป็นความจริง
นายสุริยันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนับวันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ โดยเป็นสิ่งที่น่าตกใจมากที่แกนนำคนเสื้อแดงประกาศจะเดินเกมใต้ดิน แต่พอสังคมไทยได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว กลับนิ่งเฉย ทั้งที่คำว่าเดินเกมใต้ดิน คือ ทำในสิ่งที่ผิดกฏหมายและไม่อยู่ในคำว่าสันติ อหิงสา รวมทั้งไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งตนแปลกใจว่า พวกนักวิชาการหรือองค์กรต่างๆ ไม่ทำอะไรเลยเวลาที่เสื้อแดงเดินเกมเลยเถิดในการใช้ความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น สังคมเวลานี้ต้องออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวมากกว่านี้
นพ.ตุลย์ กล่าวประเด็นคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเดินเกมเขย่าทั้งในและนอกสภา รวมทั้งต่างประเทศ แต่ถ้าหากใครยังจำได้ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่กลุ่มคนเสื้อแดงก่อความรุนแรง นายอภิสิทธิ์ ก็แก้ไขสถานการณ์จนจบลงไปได้ แต่เวลานี้ เหตุการณ์ดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นอีก ทำไมรัฐบาลจึงไม่รีบแก้ปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตนบอกได้เลยว่าครั้งนี้ หากปะทะแล้วเกิดการปฏิวัติอีกประเทศก็ไปไม่รอด ทางที่ดี นายอภิสิทธิ์ ควรหาคนที่ไว้ใจได้ เพื่อทำการหาข่าววงใน เพื่อเป็นหัวหอกในการเข้าถึงผู้คน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หลอกใช้อีก โดยนายอภิสิทธิ์ ต้องประกาศไปเลยว่า เป็นนายกรัฐมนตรีของคนทุกสี และมีความหวังดีจะแก้ปัญหาให้ประชาชน