ปชป.ขู่ถอด กกต. ฐานทำตัวชี้นำเข้าข้างพรรคอื่น ยันไม่มีเอี่ยวเงิน 258 ล้าน แฉต้องใช้กฎหมายพรรคการเมืองปี 41 มาใช้บังคับ ถึงขึ้นอัดเพื่อไทยป้ายขี้สองมาตรฐาน จี้ “บรรหาร” รับผิดชอบข่าวปล่อย ย้อนถามอดีตนายกฯสั่งห้ามยุบ ปชป.หมายถึงใคร
วันนี้ (4 ม.ค.) คณะทำงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำโดยนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา แถลงถึงคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ขณะนี้มีความพยายามจงใจสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่ามีการใช้สองมาตรฐานดำเนินคดีดังกล่าวซึ่งไม่เป็นความจริง ขอชี้แจงว่า ปชป.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้รีบเงินดังกล่าว จึงเป็นไม่ได้ที่พรรคจะต้องไปรับผิด นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นในระหว่างปี 2548-49 หากฟังได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดก็จะต้องใช้กฎหมายพรรคการเมือง 2541 ซึ่งกำหนดโทษไว้เพียงให้กรรมการรบริหารพรรคที่รับเงิน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่น้อยกว่า 3 เท่าของเงินที่ได้รับมาเท่านั้น โทษไม่ถึงขั้นยุบพรรคแต่อย่างไร
นายวิรัตน์กล่าวว่า การที่ พท.พยายามระบุว่ามีการใช้สองมาตรฐานโดยเทียบเคียงกับกรณีที่พรรคไทยรักไทย (ทรท.) ถูกยุบ ในช่วงนั้น ปชป.ก็ถูกใส่ความเช่นกัน แต่พรรคไม่ได้ทำผิด จึงไม่ถูกสั่งให้ยุบพรรค ขณะที่ ทรท.มีหลักฐานชัดเจนว่าทำผิดจึงถูกยุบพรรค ซึ่งช่วงนั้นก็มีกระแสข่าวเรื่องการใช้เงินซื้อศาลซื้อตุลาการ เกิดกรณีถุงขนม 2 ล้านบาท เมื่อซื้อไม่ได้จึงออกมาโจมตีว่ามีการใช้สองมาตรฐาน ส่วนกรณีที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย (ชท.) ระบุว่ามีอดีตนายกฯยศนายพลวิ่งเต้นไม่ให้ยุบ ปชป.นั้น ถ้านายบรรหารพูดจริง ขอให้ระบุมาว่าเป็นใคร เพราะปชป.มีอดีตนายกฯเพียงคนเดียว คือ นายชวน หลีกภัย ปธ.สภาที่ปรึกษาพรรค แต่นายชวนไม่ได้มียศเป็นทหาร จึงไม่ทราบว่าเป็นใคร ขอยืนยันว่าปชป.ไม่เคยแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด
นายวิรัตน์กล่าวอีกว่า ขั้นตอนการพิจารณาคดีนี้ปัจจุบันอยู่ที่นายทะเบียนพรรค ซึ่งหมายถึงนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.เพียงคนเดียว กกต.อีก 4 คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้กกต.บางคนก็รู้ว่าเรื่องนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของประธานกกต.แต่ก็ยังออกมาสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม ปชป.จึงกำลังรวบรวมพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในหลายเรื่องของ กกต.คนดังกล่าว เพื่อพิจารณาว่าเพียงพอต่อการยื่นถอดถอนหรือไม่ เพราะ กกต.คนดังกล่าวบางครั้งก็มีพฤติกรรมชี้นำ พยายามช่วยเหลือพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งประชาชนคงเข้าใจดีกว่าการที่ กกต.คนดังกล่าวออกมาสร้างความสับสนต้องการอะไร นอกจากนี้ยังมีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคนที่พูดจาใส่ร้าย ปชป. ซึ่งหากพบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายใดก็อาจต้องดำเนินการ