กกต.ประสานเสียงคดีเงินบริจาค 258 ล้าน ปชป. โปร่งใส! “อภิชาต” ปัดเห็นแก่ “น้าญัติ” ฐานเพื่อนร่วมรุ่น ยื้อเวลาวินิจฉัย รับหนักใจ จี้ “จตุพร” นำหลักฐานคดีส่ง กกต. ด้าน “สดศรี” ยินดีให้ตรวจสอบ ท้าใครไม่พอใจให้ไปแก้กฎหมายเอา ไม่หวั่น “เพื่อไทย” ยื่นถอด บอกจิ๊บๆ ลั่นพร้อมฟันธงวันนี้ยังได้ คาดนายทะเบียนพรรคฯ พิจารณาเสร็จสัปดาห์นี้
วันนี้ (21 ธ.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาทว่า ทุกอย่างโปร่งใสตามหลักฐาน และไม่ได้เป็นการซื้อเวลาเพื่อเข้าข้างฝ่ายใด พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เห็นแก่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งนี้ นายอภิชาตยังเรียกร้องให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นำหลักฐานเกี่ยวกับเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์มาให้ กกต. และยอมรับว่าหนักใจในการพิจารณา แต่ไม่รู้สึกกังวลหาก พรรคเพื่อไทยจะนำมาเป็นประเด็นถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ขณะที่วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีผลสำรวจคดีเงินบริจาคพรรค 258 ล้าน เชื่อว่าไม่มีความโปร่งใสในการพิจารณาว่า สำหรับกรณีนี้ความจริงยังไม่ได้มีการตัดสินชี้ขาดเป็นเพียงที่ประชุมกกต.ให้มีมติว่าควรเป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองตามมาตรา 95 พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ต้องทำความเห็นเสนอต่อที่ประชุม กกต.ก่อนว่า มีความเห็นอย่างไรไม่ใช่ให้ลงมติเลย หากนายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นให้ยุบพรรคการเมืองดังกล่าวก็จะต้องมีการเสนอเรื่องเข้ามาที่ประชุม กกต.เพื่อขอความเห็นอีกครั้ง แต่หากนายทะเบียนเสนอความเห็นยกคำร้องก็ไม่จำเป็นนำเรื่องเข้าที่ประชุม กกต. ที่ต้องเป็นอย่างนี้ก็เนื่องมาจากกฎหมายได้กำหนดไว้ หากใครมีปัญหาก็ต้องไปถามผู้ร่างกฎหมาย หรือหากเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ต้องไปแก้กฎหมายโดยสามารถยื่นต่อสภาเพื่อขอแก้ไข ส่วน กกต.เป็นเพียงหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนว่าจะมองภาพลักษณ์ของ กกต.อย่างไร แต่อย่ามองว่ากกต.ทำดำเนินการเข้าฝ่ายคนหรือพรรคใด เพราะเราทำตามหน้าที่และโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งไม่ได้ดำเนินการพลิกแพลงกฎหมายเพื่อช่วยใคร
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นถอดถอน กกต.เพราะเห็นการดำเนินมี 2 มาตรฐานนั้น นางสดศรีกล่าวว่า ก็แล้วแต่สามารถยื่นถอดถอนได้เพราะเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ขอยืนยันว่ากกต.ได้ทำตามกฎหมายซึ่งเราจะทำตามอำเภอใจของพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้ กฎหมายเขียนไว้อย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น ขณะที่มีกระแสกดดันการทำงานของกกต.นั้น ก็ไม่ได้หนักใจเพราะตลอดระยะเวลาการทำงาน 3 ปี ที่ผ่านมาก็ลักษณะนี้มาโดยตลอดซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง อีกทั้ง กกต.เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อีกทั้งการเมืองตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ผู้ที่รับบาปก็คือองค์กรอิสระ
นางสดศรีกล่าวอีกว่า ตนไม่ได้มองว่าหากเสียงส่วนใหญ่ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่นายทะเบียนพรรคการเมือง มีความเห็นให้ยกคำร้อง ถือว่าเรื่องต้องยุติไปเลย เพราะเป็นอำนาจของนายทะเบียนฯ แต่ตนมองว่าเห็นสมควรทำตามมาตรา 95 พ.ร.บ.พรรคการเมือง ให้ถูกต้องเสียก่อน และยังไม่มีความเห็นว่าจะให้ยุบหรือยกคำร้อง ซึ่งตนไม่ได้มีความพยายามที่จะดึงเรื่องหรือยืดเวลาออกไป แต่ต้องการให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง ซึ่งเชื่อว่านายทะเบียนพรรคการเมืองน่าที่จะเสนอความเห็นได้ภายในสัปดาห์นี้ เพราะพยานหลักฐานทุกอย่างมีเพียงพอแล้ว แต่หากเสนอภายในวันนี้ตนก็พร้อมพิจารณา
ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์ว่า กกต.ไม่มีเอกภาพในการทำงานนั้น ตนถือว่าเป็นของเรื่องประชาธิปไตยเป็นหลักใครจะมีชี้นำไม่ได้ ถ้าการลงมติไม่เป็นเอกฉันท์ก็ต้องเป็นอย่างที่เห็น เพื่อไม่ให้มีการโต้เถียงกัน ดังนั้นจึงมีความเห็นว่าให้นายทะเบียนทำความเห็นมาก่อน
