xs
xsm
sm
md
lg

ยังวุ่น! “ปธ.กกต.” ย้ำยกคำร้องไม่ต้องส่งศาลยุบ ปชป. “เจ๊สด” สวน จี้ชงถกกันก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
คดีเงินบริจาค 258 ล้าน ปชป. ส่อยืดต่อ! ประธาน กกต. ลั่นไม่กดดัน ยัน เห็นตามเสียงส่วนใหญ่ อนุฯไต่สวน ที่ให้ยกคำร้อง และไม่ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคด้วย ปัดช่วยแกนนำรัฐบาล ด้าน "สดศรี" สวนกลับ ถ้าจะไม่ส่งศาล ต้องชงเรื่องกลับมาที่ประชุมกกต.ชุดใหญ่ก่อน ขู่ระวังโดนฟ้องตาม ม.157

วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวถึงมติกก.กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อให้มีการลงมติกัน มติของตนก็อย่างที่ปรากฎเป็นข่าว แต่กกต.อีก3 คนเห็นว่า เป็นเรื่องที่นายทะเบียนฯต้องตัดสินใจว่ามีการกระทำที่เป็นความผิดถึงขั้นต้องยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของตนต้องพิจารณา แต่คงไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะใช้เวลาทำความเห็นเสร็จเมื่อใด คาดว่าคงไม่นานเพราะได้ผ่านมาหลายขั้นตอน และเสียเวลาไปหลายเดือนแล้ว

ทั้งนี้ตนก็ไม่หนักใจ และตนไม่รู้สึกกดดันที่ถูกให้ตัดสินใจเรื่องดังกล่าวในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งได้ดูเรื่องนี้อย่างละเอียดชัดเจนแล้ว แม้ว่าก่อนพิจารณาตนจะเดินทางไปต่างประเทศทำให้เหลือเวลาในการศึกษาสำนวน เพียง 3 วัน แต่ก็ถือว่าได้ดูอย่างรอบคอบ อีกทั้งยอมรับว่า ตนมีความเห็นตามเสียงส่วนใหญ่ของคณะอนุกรรมการไต่สวน ที่ให้ยกคำร้องคดีดังกล่าว แต่การที่มีกกต.คนหนึ่งลงมติว่าสมควรส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณายุบพรรคก็เท่ากับว่ากกต.คนนั้นไม่เห็นด้วยกับเสียงข้างมากของอนุกรรมการไต่สวน ทำให้ตอนนี้มีตนเพียงคนเดียวที่เห็นตามอนุฯเสียงข้างมากที่ให้ยกคำร้อง ส่วนกกต.อีก 3 คนมีความเห็นให้ตนเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้ง

ซึ่งตนเห็นว่าหากนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นควรว่าเรื่องนี้ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องส่งเรื่องกลับเข้าสู่ที่ประชุมกกต.อีกครั้ง เพื่อขอความเห็นชอบ แต่ถ้านายทะเบียนฯเห็นควรยกคำร้องตามเสียงข้างมากของอนุฯก็ไม่ต้องนำเรื่อง เข้าที่ประชุมกกต. และที่มีการมองว่าหากใช้อำนาจสั่งให้ยุติเรื่องจะทำให้ตนถูกฟ้องนั้นก็แล้วแต่ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้องผ่านนายทะเบียนฯเมื่อมีความเห็นอย่างไรทุกอย่างก็จบ ทั้งนี้ยืนยันไม่ได้เป็นการช่วยพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำรัฐบาล แต่ตนได้ดูในรายละเอียดอย่างรอบคอบ มีเหตุผลประกอบ แต่ไม่สามารถมาอธิบายให้สื่อทราบตรงนี้ได้ ซึ่งการจะมีความเห็นในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ถ้าจะเปลี่ยนแปลงความเห็นที่ได้เคยลงไปแล้วก็ต้องมีเหตุผล ส่วนที่ตนเห็นควรยกคำร้องอย่ามองว่าเป็นการช่วยไม่ช่วยพรรคการเมือง เพราะที่ผ่านมาตนก็ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาแบบผู้พิพากษา ซึ่งต้องดูจากหลักฐาน แต่ที่สุดแล้วมติจะออกมาอย่างไรเป็นความเห็นโดยอิสระของกกต.ทั้ง 5 คน

ขณะที่ นางสดศรี สัตยธรรม หนึ่งใน กกต. เสียงข้างมาก ระบุว่า การที่ประธาน กกต. มีความเห็นยกคำร้อง ก็ถือเป็นความเห็นเดียว แต่กกต.คนอื่นยังไม่ได้เห็นด้วย ส่วนกรณีที่เห็นว่า ไม่ควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนคิดว่า นายทะเบียนฯต้องทำความเห็นมาให้ที่ประชุมทราบก่อน ถ้ามีความเห็นให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ไม่จำเป็นต้องลงมติใดๆ แต่ถ้านายทะเบียนฯเห็นว่าควรยุติเรื่องก็ต้องนำเข้าที่ประชุมกกต.อีกครั้งเพื่อที่กกต.จะต้องพิจารณาว่าเห็นตามนายทะเบียนฯหรือไม่ และยืนยันว่าการที่ให้ประธานกกต. กลับไปทำความเห็นมา เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง มาตรา 95 ที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นถ้าประธานกกต.ยังเข้าใจอีกอย่างหนึ่งก็ต้องเรียกประชุมกกต. ถ้าไม่ทำผู้ที่ร้องเรียนก็อาจจะฟ้องร้องประธานกกต.ได้ว่าละเว้นการการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

นางสดศรีกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ความจริงการยุบพรรคกกต.เพียงทำหน้าที่คล้ายกับอัยการเท่านั้น ส่วนผู้ที่จะพิจารณาให้ยุบพรรคหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่ทีการพิจารณาวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ได้เป็นการยื้อเวลา หรือโยนเผือกร้อนให้ประธาน กกต. แต่อย่างใด และความเห็นของนายทะเบียนก็น่าจะเข้าที่ประชุมได้ภายในสัปดาห์หน้า แต่ทั้งนี้กฎหมายก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาการทำความเห็นของนายทะเบียนฯไว้ ซึ่งตอนนี้ก็รอให้นายอภิชาต ทำความเห็นมาก่อนว่าอย่างไร ส่วนกกต. 3 เสียงข้างมากที่ยังไม่ลงมตินั้น ก็ยังบอกไม่ได้ว่า จะเห็นควรเสนอยุบพรรคหรือไม่ เพราะเป็นความลับ
กำลังโหลดความคิดเห็น