นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต. ไม่ได้โยนเผือกร้อนให้นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. แต่ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 95 ได้เขียนไว้ว่า ให้อำนาจนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้ชี้ขาดในคดียุบพรรค หลัง กกต.มีมติ 3:1:1 ให้นายอภิชาต ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นผู้ชี้ขาดคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 258 ล้านบาท ซึ่งจะแตกต่างกับกรณีการทุจริตเลือกตั้งที่ กกต.มีอำนาจชี้ขาดได้ โดยยอมรับว่า ในที่ประชุมมีการถกเถียงเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง เพราะกฎหมายได้ให้อำนาจนายทะเบียนพรรคการเมืองไว้อย่างมากมาย โดยเฉพาะนายอภิชาต ไม่เห็นด้วยที่จะเป็นผู้ชี้ขาด ดังนั้น ในที่ประชุมจึงต้องมีการโหวตกัน โดยยืนยันว่าไม่ใช่การยื้อเวลาเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเมื่อตอนคดียุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรคชาติไทย ก็ทำตามขั้นตอนนี้เช่นกัน
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ หากนายทะเบียนพรรคมีความเห็นสั่งฟ้อง ก็ต้องส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาเพื่อส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับ กกต.3 เสียงนั้น ประกอบไปด้วย นางสดศรี นายประพันธ์ นัยโกวิท และนายสมชัย จึงประเสริฐ ส่วน 1 เสียง ที่เห็นว่าควรยุบพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น และอีก 1 เสียงที่เห็นว่าไม่ควรยุบ คือ นายอภิชาต
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ หากนายทะเบียนพรรคมีความเห็นสั่งฟ้อง ก็ต้องส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาเพื่อส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับ กกต.3 เสียงนั้น ประกอบไปด้วย นางสดศรี นายประพันธ์ นัยโกวิท และนายสมชัย จึงประเสริฐ ส่วน 1 เสียง ที่เห็นว่าควรยุบพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น และอีก 1 เสียงที่เห็นว่าไม่ควรยุบ คือ นายอภิชาต
