“เจ๊สด” ปัดโยนเผือกร้อนให้ ปธ.กกต. - “เทพเทือก” ไม่หวั่น ปชป.ถูกยุบ

“สดศรี” ปัด กกต.เสียงข้างมากโยนเผือกร้อนให้ “อภิชาต” ตัดสินยุบไม่ยุบประชาธิปัตย์ กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ชี้ทำตามกฏหมาย เพราะ พ.ร.บ.พรรคฯ เขียนไว้ชัด ยันไม่ได้ยื้อเวลาช่วยพรรครัฐบาล ด้าน “เทพเทือก” ไม่หวั่นพรรคถูกยุบ อ้างเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับพรรค

วันนี้ (18 ธ.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่างถึง กกต.เสียงข้างมากมีมติให้ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นผู้ชี้ขาดคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาทว่า กกต. ไม่ได้โยนเผือกร้อนให้นายอภิชาต แต่ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 95 ได้เขียนไว้ว่า ให้อำนาจนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้ชี้ขาดในคดียุบพรรค หลัง กกต.มีมติ 3:1:1 ซึ่งจะแตกต่างกับกรณีการทุจริตเลือกตั้งที่ กกต.มีอำนาจชี้ขาดได้ โดยยอมรับว่า ในที่ประชุมมีการถกเถียงเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง เพราะกฎหมายได้ให้อำนาจนายทะเบียนพรรคการเมืองไว้อย่างมากมาย โดยเฉพาะนายอภิชาต เองก็ไม่เห็นด้วยที่จะเป็นผู้ชี้ขาด ดังนั้น ในที่ประชุมจึงต้องมีการโหวตกัน โดยยืนยันว่าไม่ใช่การยื้อเวลาเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเมื่อตอนคดียุบพรรคไทยรักไทย, พลังประชาชน และพรรคชาติไทย ก็ทำตามขั้นตอนนี้เช่นกัน

ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ หากนายทะเบียนพรรคมีความเห็นสั่งฟ้องก็ต้องส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาเพื่อส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

สำหรับมติ กกต.ในกรณีเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท ที่มีการพิจารณากันวานนี้ (17 ธ.ค.) การวินิจฉัยแบ่งออกเป็น 3 ทาง (3:1:1) ประกอบด้วย กกต.เสียงข้างมาก ที่ตัดสินให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้ชี้ขาด ทั้ง 3 เสียง มี นางสดศรี สัตยธรรม, นายประพันธ์ นัยโกวิท และนายสมชัย จึงประเสริฐ ส่วน 1 เสียง ที่เห็นว่าควรยุบพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น และอีก 1 เสียงที่เห็นว่าควรยกคำร้อง คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.

ขณะที่ วันนี้ (18 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตนยังไม่อยากแสดงความคิดเห็น ซึ่งเห็นว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับพรรค เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคล และไม่รู้สึกกังวลใจ