นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติด้วยเสียงข้างมาก ให้เป็นดุลพินิจของนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะพิจารณาส่ง หรือไม่ส่งคำร้องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกกต. ที่จะพิจารณา ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายกังวลเรื่องความไม่โปร่งใส นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กกต.ก็ต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าประเด็นนี้จะถูกนำไปขยายผลเรื่องสองมาตรฐาน และกลายเป็นเงื่อนไขการชุมนุมคนเสื้อแดง นายกฯ กล่าวว่า กกต. ก็ต้องรับผิดชอบในการอธิบายถึงการตัดสินใจว่า ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า เราไม่ได้เข้ายุ่งแทรกแซงอะไร เราเพียงแต่ทำหน้าที่ชี้แจงเท่านั้น
ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากวิจารณ์ เพราะกกต.ยังทำงานอยู่ ต้องปล่อยให้ทำงานไป แต่ในฐานะเลขาธิการพรรค เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่เรื่องของพรรค ถ้ามีใครทำผิด หรือทำถูก ก็ต้องเป็นเรื่องของบุคคลคนนั้น
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่าประธาน กกต. มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นอย่างนั้น คนพยายามพูดจาให้เสียหาย กำลังทำลายระบบ รูปแบบการปกครองของบ้านเมืองของเราในทุกองค์กร มันไม่ใช่เลย ไม่ใช่ว่าพอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ก็บอกว่าสองมาตรฐาน หรือพอกกต.ไม่ตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก็บอกว่าสองมาตรฐาน อ้างไปอย่างนั้นเอง เพื่อทำให้เห็นว่า ตัวเองน่าสงสาร ถูกรังแก ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่
"ผมถูก กกต.เล่นงานมาแล้วเรื่องถือหุ้น ทั้งที่ซื้อหุ้นดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2538 ก่อนที่รัฐธรรมนูญปี 2550 จะใช้บังคับด้วยซ้ำไป แต่ผมก็ยอมรับ ไม่เห็นโวยวายอะไร แต่นี่พวกเขาไม่ได้ทำใจอย่างนั้น ถ้าอะไรที่เข้างตัวเองได้เป็นความถูกต้อง แต่ถ้าตัวเองเสีย เป็นความผิด" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องสองมาตรฐานจะไปเป็นปัจจัยกระตุ้นให้กระแสเสื้อแดง ออกมาชุมนุม ก่อความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้ออะไรก็แล้วแต่ ต้องมีเหตุผล อย่าทำอะไรให้บ้านเมืองเสียหาย ออกมาทำให้วุ่นวายบ้านเมืองก็เสียหายขนาดไหน เราเห็นแล้วจากเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อย่าทำเลย
** ขู่ถอดถอนกกต.หากไม่ส่งคดียุบปชป.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่ กกต.มีมติให้นายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นผู้ตัดสินใจว่า จะส่งเรื่องร้องเรียนเงินบริจาค 258 ล้าน ไปให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมายชัดเจน เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 ( 5) และ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง มาตรา 10 ( 10 ) กำหนดให้อำนาจของ กกต. สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง และวินิจฉัยปัญหาหรือ ข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง และการส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด ต้องผ่านการพิจารณาของ กกต. ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 95
ดังนั้นหากปล่อยให้ประธาน กกต.วินิจชี้ขาด ย่อมขัดต่อกฎหมาย หากยังดำเนินการแบบนี้ต่อไป พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมทีมกฎหมายของพรรค เพื่อยื่นถอดถอน กกต.แน่นอน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกยุบหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เราสะใจ หรือดีใจ เราทำเพื่อต้องการให้ใช้กฎหมายโดยเท่าเทียมกัน
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าประเด็นนี้จะถูกนำไปขยายผลเรื่องสองมาตรฐาน และกลายเป็นเงื่อนไขการชุมนุมคนเสื้อแดง นายกฯ กล่าวว่า กกต. ก็ต้องรับผิดชอบในการอธิบายถึงการตัดสินใจว่า ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า เราไม่ได้เข้ายุ่งแทรกแซงอะไร เราเพียงแต่ทำหน้าที่ชี้แจงเท่านั้น
ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากวิจารณ์ เพราะกกต.ยังทำงานอยู่ ต้องปล่อยให้ทำงานไป แต่ในฐานะเลขาธิการพรรค เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่เรื่องของพรรค ถ้ามีใครทำผิด หรือทำถูก ก็ต้องเป็นเรื่องของบุคคลคนนั้น
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่าประธาน กกต. มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นอย่างนั้น คนพยายามพูดจาให้เสียหาย กำลังทำลายระบบ รูปแบบการปกครองของบ้านเมืองของเราในทุกองค์กร มันไม่ใช่เลย ไม่ใช่ว่าพอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ก็บอกว่าสองมาตรฐาน หรือพอกกต.ไม่ตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก็บอกว่าสองมาตรฐาน อ้างไปอย่างนั้นเอง เพื่อทำให้เห็นว่า ตัวเองน่าสงสาร ถูกรังแก ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่
"ผมถูก กกต.เล่นงานมาแล้วเรื่องถือหุ้น ทั้งที่ซื้อหุ้นดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2538 ก่อนที่รัฐธรรมนูญปี 2550 จะใช้บังคับด้วยซ้ำไป แต่ผมก็ยอมรับ ไม่เห็นโวยวายอะไร แต่นี่พวกเขาไม่ได้ทำใจอย่างนั้น ถ้าอะไรที่เข้างตัวเองได้เป็นความถูกต้อง แต่ถ้าตัวเองเสีย เป็นความผิด" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องสองมาตรฐานจะไปเป็นปัจจัยกระตุ้นให้กระแสเสื้อแดง ออกมาชุมนุม ก่อความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้ออะไรก็แล้วแต่ ต้องมีเหตุผล อย่าทำอะไรให้บ้านเมืองเสียหาย ออกมาทำให้วุ่นวายบ้านเมืองก็เสียหายขนาดไหน เราเห็นแล้วจากเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อย่าทำเลย
** ขู่ถอดถอนกกต.หากไม่ส่งคดียุบปชป.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่ กกต.มีมติให้นายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นผู้ตัดสินใจว่า จะส่งเรื่องร้องเรียนเงินบริจาค 258 ล้าน ไปให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมายชัดเจน เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 ( 5) และ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง มาตรา 10 ( 10 ) กำหนดให้อำนาจของ กกต. สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง และวินิจฉัยปัญหาหรือ ข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง และการส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด ต้องผ่านการพิจารณาของ กกต. ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 95
ดังนั้นหากปล่อยให้ประธาน กกต.วินิจชี้ขาด ย่อมขัดต่อกฎหมาย หากยังดำเนินการแบบนี้ต่อไป พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมทีมกฎหมายของพรรค เพื่อยื่นถอดถอน กกต.แน่นอน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกยุบหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เราสะใจ หรือดีใจ เราทำเพื่อต้องการให้ใช้กฎหมายโดยเท่าเทียมกัน