xs
xsm
sm
md
lg

จับขบวนการขนอาวุธข้ามชาติ นี่สิซีเรียสของจริง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผ่าประเด็นร้อน”


จบไปแล้วสำหรับละครน้ำเน่าที่อุตส่าห์ลงทุนไปถ่ายทำถึงกัมพูชา แต่ผลออกมาเรตติ้งไม่เข้าเป้า ตอนแรกจะสร้างให้ออกมาในแนว “สายลับ 007” แต่ไหงดันออกมาเป็นละครตลกก็ไม่รู้ ก็ดูกันไปเพลินๆ ก็แล้วกัน

อย่างไรก็ดี มากระชากอารมณ์ก็ตอนมีรายงานข่าวการจับกุม 5 ผู้ต้องหาขนอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนหลายชนิด น้ำหนักรวมกันประมาณถึงกว่า 40-50 ตัน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ ถูกจับกุมที่สนามบินดอนเมือง ขณะนำเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำมาแวะจอดเติมน้ำมันเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา

จากข้อมูลที่ฟังจากปากของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งกล่าวอย่างรมัดระวังและพูดในเชิงหลักการตามข้อตกลงระหว่างประเทศ เดินตามกรอบของมติองค์การสหประชาชาติ ทำให้ทราบว่า เครื่องเช่าเหมาลำดังกล่าว เป็นของสาธารณรัฐจอร์เจีย ผู้ต้องหาเป็นคนเบลารุสและคาซัคสถาน ส่วนอาวุธนำมาจากเกาหลีเหนือ

และที่สำคัญการจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งมาจากหน่วยข่าวกรองระหว่างประเทศ ซึ่งมีสื่อต่างประเทศรายงานว่าเป็นการรับแจ้งมาจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ รวมไปถึงการขอความร่วมมือจากทางการสหรัฐให้เข้าตรวจค้นจับกุม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างเป็นไปอย่างระมัดระวังและเป็นความลับผิดปกติ เนื่องจากน้อยครั้งที่มีการกำชับนายตำรวจห้ามให้ข่าวอย่างส่งเดช ประเภทนำผู้ต้องหามาซักถามโชว์ในวันถัดมาถูกระงับไปอย่างกระทันหัน แม้จะเกิดขึ้นในวันแรกจะ “หลุดคิว” ไปบ้าง เพราะยังไม่รู้ที่มาที่ไป

แต่นาทีนี้หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าทุกอย่างเริ่มเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนตามหลักสากลมากขึ้น เริ่มจากการแจ้งให้สถานทูตของแต่ละประเทศได้ทราบ สิทธิทางกฎหมายให้ทราบอย่างชัดเจน

แม้จะยังไม่ทราบข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากอย่างที่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่ามันเป็นเรื่อง “ละเอียดอ่อน” เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีมติของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับการ “คว่ำบาตร” เกาหลีเหนือในทุกด้าน และเป็นข้อกำหนดให้ทุกชาติตรวจค้นพาหนะและสินค้าที่มีปลายทางหรือต้นทางจากประเทศดังกล่าว หลังจากยังไม่ยอมหยุดยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ขณะเดียวกัน เมื่อมาพิจารณาจากข้อมูลแต่ละประเทศที่มาเกี่ยวข้องก็ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว นอกเหนือจากเกาหลีเหลือที่ทั่วโลกรับรู้กันอยู่แล้วว่าผู้นำที่ชื่อ “คิมจองอิล” นั้นมันขนาดไหน นอกจากนั้นยังมี “พี่เบิ้ม” อย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากข่าวที่ว่าการจับกุมครั้งนี้มาจากการชี้เป้าของมะกันจริงก็ยิ่งละเอียดอ่อน


นอกจากนี้ เมื่อมาดูที่มาของผู้ต้องหาและเส้นทางที่เครื่องบินลำนี้บินผ่านรวมไปถึงประเทศปลายทาง เช่น อาเซอร์ไบจัน ยูเครน คาซัคสถาน จอร์เจีย และศรีลังกา เป็นต้น

ประเทศส่วนใหญ่ที่กล่าวถึงเป็นอดีตสหภาพโซเวียต เพิ่งแตกตัวแยกออกมาเป็นประเทศใหม่ และยังมีปัญหาในเรื่องของการแยกดินแดนและมีปัญหาในเรื่องการก่อการร้าย ขณะที่ ศรีลังกาก็มีปัญหาแบ่งแยกดินแดนในภาคเหนือจากกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมที่กองทัพฝ่ายรัฐบาลสิงหลเพิ่งนำทหารเข้าปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมจนได้ชัยชนะอย่างราบคาบไม่นานมานี้ แต่ก็ยังมีความขัดแย้งคุกรุ่นอยู่ภายใน

อย่างไรก็ดี การจับกุมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก เพราะนอกจากได้อาวุธร้ายแรงจำนวนมากแล้ว ยังไปเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ และประเทศในอดีตสหภาพโซเวียต ซึ่งยังมีปัญหาในเรื่องการสู้รบภายในประเทศ ทุกอย่างไม่ธรรมดา เพราะแค่เกาหลีเหนือประเทศเดียวใครก็รู้ว่าฤทธิ์เดชเป็นอย่างไร นี่ยังพ่วงเข้ามาอีกหลายประเทศ จะไม่ให้ซีเรียสได้อย่างไร

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลน่าสงสัยอีกว่ามีความเป็นไปได้เช่นเดียวกันว่า อาวุธที่ขนมาดังกล่าวอาจนำไปขายให้กับกลุ่มหัวรุนแรงในตะวันออกกลางก็เป็นได้ มันก็ยิ่งยุ่งและพันกันมั่วไปหมด แต่ถึงอย่างไรก็แสดงให้เห็นว่าขบวนการค้าอาวุธข้ามชาติกลุ่มนี้เป็นเครือข่ายที่ใหญ่โตระดับโลก และไทยยังเป็นเส้นทางสถานที่กบดานและถูกใช้เป็นสถานที่ในการเจรจาการค้า

เพราะหากยังจำกันได้ก็เพิ่งมีนักค้าอาวุธรายใหญ่ระดับโลกชาวรัสเซียเพิ่งถูกทางการสหรัฐฯ ขอความร่วมมือให้จับกุมตัวได้ไม่นานมานี้ และกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีและการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

และการจับกุมนักค้าอาวุธครั้งล่าสุดก็เช่นเดียวกันตามรายงานข่าวที่อ้างพนักงานสอบสวนคนหนึ่งระบุว่าผู้ต้องหาให้การว่าได้ขนส่งอาวุธผ่านประเทศไทยอย่างน้อย 2-3 ครั้งแล้ว และเพิ่งมาถูกตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้

ดังนั้น การจับกุมที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องถูกจับตามองจากทั่วโลก และนี่คือเรื่อง “ซีเรียส” ของจริง เพราะไปเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นไปตามมติของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ ซึ่งกำลังถูกนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ คว่ำบาตรอย่างเข้มงวดในเวลานี้

คงไม่ใช่สาเหตุที่โฆษกพรรคเพื่อไทยพยายามนำมาโยงอย่างคลุมเครือให้เกี่ยวข้องกับ ทักษิณ ชินวัตร ระหว่างที่เดินทางไปปิดฉากละครตลกที่เขมรหรอก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศของจริง ไม่ใช่เรื่อง “กระจอก” อย่างที่คนในพรรคเพื่อไทยบางคนกำลังพ่นน้ำลายโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ!!

กำลังโหลดความคิดเห็น