ASTVผู้จัดการรายวัน-คอมมานโดคุมเข้ม 5 ผู้ต้องหาขนอาวุธสงครามข้ามชาติ ฝากขังศาลอาญา ศาลห้ามประกันตัว ชี้งคดีมีอัตราโทษสูง หากอาวุธแพร่หลาย คนจำนวนมากเสียหาย "มาร์ค-สุเทพ"ชี้ไทยทำตามมติสหประชาชาติ ยันไม่ใช่เป็นการชักศึกเข้าบ้าน ซัดไอ้ตู่ บ้าไปแล้ว ปูดรัฐได้รางวัลนำจับ สมช.ระบุไม่พบเชื่อมโยงกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติ อัยการ ระบุชัดดำเนินคดีตามกฎหมายไทย
วานนี้(14 ธ.ค.)เวลา 09.45 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม และกองกำลังหน่วยคอมมานโดอาวุธครบมือ ควบคุมตัว นายอิสยาส อิสวาคอฟ อายุ 56 ปี สัญชาติคาซัคสถาน นักบินที่ 1 , นายวิคเตอร์ อับดุลลายัฟ อายุ 58 ปี สัญชาติคาซัคสถาน เนวิเกเตอร์ , นายมิคคาอิล พีทูคู อายุ 54 ปี สัญชาติเบลารุส ช่างเครื่องยนต์ , นายอเล็กซ์ซานดะ ไซร์บาเนฟ อายุ 53 ปี สัญชาติ คาซัคสถาน ช่างเทคนิค และนายวิทาลี ชุมคอบ อายุ 54 ปี สัญชาติคาซัคสถาน นักบินที่ 2 ผู้ต้องหาที่ 1-5 แก๊งค์ค้าอาวุธข้ามชาติ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 14 – 25 ธันวาคม นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก พร้อมทั้งรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง หนังสือเดินทางและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน โดยพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางที่พบมีจำนวนมาก จึงเชื่อว่ามีพฤติการณ์ทำเป็นขบวนการลักษณะองค์กรอาชญากรรมประกอบกับผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติเกรงว่าจะหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝากขังศาลเรียบร้อยแล้ว ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ขึ้นรถตู้สีขาวติดฟิล์มทึบ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดกองปราบปราม 2 คัน โดยมีรถยนต์สายตรวจกองปราบปรามขับประกบดูแลความปลอดภัยเพื่อนำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
**ศาลไม่อนุญาตประกันตัว**
ต่อมาเวลา 14.30 น.ทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 4 แสนบาท ขอประกันตัวซึ่งหลังศาลอาญา พิเคราะห์คำร้องและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางมีจำนวนมาก ซึ่งหากมีการจำหน่ายแพร่หลายของอาวุธดังกล่าวจะเกิดความเสียหายเป็นอันตรายแก่บุคคลจำนวนมาก และเชื่อว่าหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี จึงมีคำสั่งยกคำร้องขอประกันตัว
**"มาร์ค"ชี้ทำตามมติสหประชาชาติ**
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ ว่า ต้องใช้เวลา เพราะว่าตัวรายละเอียดของตัวที่ยึดได้มีหลากหลายพอสมควร และมีบางลังยังไม่ได้เปิด ตรวจสอบ เพราะเป็นคนละประเภทกัน ถ้าส่งสัญญาณให้ทำลายก็ต้องทำลาย และต้องไปเทียบเคียงกับข้อมติสหประชาชาติว่า ของแต่ละประเภทแนวปฏิบัติจะเป็นอย่างไร เข้าใจว่า เคยมีการยึดตามมตินี้ไปแล้วครั้งหนึ่งที่ยูเออี ก็กำลังตรวจสอบอยู่ที่ยูเออีดำเนินการอย่างไร ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เป็นความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา โดยมีการตั้งรางวัลนำจับ 7,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯด้วยนั้น นายกฯ กล่าวเพียงว่า หรือครับ ตนมาทราบ
ทั้งนี้หน้าที่ของตัวต้องเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลก คิดว่าสิ่งที่ได้ทำไปคือ การทำหน้าที่โดยการอาศัยการข่าวร่วม และทำตามข้อมติสหประชาชาติ นั้นคือหลักไม่ใช่เรื่องนี้ จริงๆ แล้วทุกฝ่ายน่าให้การสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ได้มีการยืนยันการเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกของประเทศไทย?
**"สุเทพ"ลั่นไม่ชักศึกเข้าบ้าน**
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านว่า ตนได้รับรายงานมาตลอด ซึ่งเราได้ระมัดระวังก่อนที่จะดำเนินการอะไร โดยได้ประชุมปรึกษา หารือ ดูทั้งกฎหมายของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งมติของสหประชาชาติ เมื่อไม่มีทางเลือกอย่างอื่น ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งการดำเนินการนั้นยืนยันว่าได้ทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง และพร้อมที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงเพื่อให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องทราบว่าประเทศไทยทำตามหน้าที่ เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องทั้งประเทศเจ้าของเครื่องบิน ประเทศที่ลูกเรือและกัปตันถือสัญชาติ และประเทศที่ขายสินค้า รวมทั้งประเทศที่ซื้อสินค้า ซึ่งขณะนี้ยังไม่แสดงตัวออกมา
**ไอ้ตู่ปูดรัฐได้รางวัลนำจับ**
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การจับอาวุธสงครามได้ผู้ต้องหา 5 คนนั้น ทราบว่ามีการประสานงานจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีรางวัลนำจับจำนวน 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงอยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจงถึงการจับกุมดังกล่าวว่าจะมีการจัดสรรเงินรางวัลนำจับอย่างไร รวมถึงผลกระทบในการจับกุมดังกล่าวว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะประเทศไทยอาจตก เป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้าอาวุธข้ามชาติ
**“เทือก”ซัด“ตู่”บ้าไปแล้ว**
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่ารัฐบาลไทยได้รางวัลนำจับจากสหรัฐอเมริกา 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนายสุเทพ ได้กล่าวพร้อมยิ้มและแสดงท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยว่า “คุณยังเชื่อจตุพร แล้วมาถามผมทำไม” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่ชี้แจงกับคนบ้าๆบอๆหรอก จตุพรมันบ้าไปแล้ว” จากนั้น นายสุเทพ ได้หัวเราะแล้วเดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่งและออกจากพรรคไปทันที
**สมช.ไม่พบเชื่อมโยงกลุ่มก่อการร้าย**
นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นมีการตรวจพบอาวุธหลายชนิดทั้งที่เป็นจรวด และอาร์พีจี แต่ยังไม่มีการตรวจสอบในรายละเอียด และขณะนี้อาวุธทั้งหมดมีการนำไปเก็บไว้ที่กองทัพอากาศที่ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนการดำเนินการทางคดีนั้น ทางตำรวจได้ตั้งข้อหาในเบื้องต้นว่ามีและครอบครองอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ขณะเดียวกันอัยการกำลังประสานงานที่จะดำเนินการร่วมกับตำรวจ เพราะพบว่ายังมีความผิดในฐานกฎหมายอื่น ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านศุลกากร ด้านการเดินอากาศ
“อาวุธดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องภายในของประเทศไทยเลย และไม่มีข้อมูลว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายต่างประเทศ เช่นพยัคฆทมิฬอีแลม” นายถวิลกล่าว
**อัยการชี้ชัดผิดกฎหมายไทย**
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวว่า เบื้องต้นมีความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน และอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้อาจจะมีความผิดในกฎหมายอื่นด้วย ซึ่งทาง อสส.มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศร่วมกับกองปราบปรามไปดำเนินคดี เมื่อถามว่าในที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือข้อตกลงระหว่างประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ตามมติของสหประชาชาติระบุว่าให้ใช้กฎหมายภายในของเรา ซึ่งชัดเจนว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนอย่างชัดเจน รวมทั้ง พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์
เมื่อถามว่าจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายการต่อต้านการก่อการร้ายหรืออาชญากรรมระหว่างประเทศหรือไม่ นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูผลการสอบสวน เพราะบางครั้งข้อมูลยังไม่ชัดเจน ขณะนี้กำลังจะเริ่มต้นกระบวนการสอบสวน และจะดำเนินการอย่างเป็นทางการหลังจากที่ อสส.มอบหมายให้มีพนักงานสอบสวนร่วมระหว่างอัยการและตำรวจ จากนั้นจึงจะลงลึกในรายละเอียดต่างๆได้มากขึ้น และเชื่อว่าหลังจากที่ทั้งอัยการและตำรวจได้ทำงานร่วมกัน ก็จะได้รายละเอียด ข้อมูล ที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ คงจะสามารถเริ่มทำงานได้ ต่อข้อถามว่าในที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องค่านำจับอาวุธในครั้งนี้หรือไม่ นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงเป็นประเด็นหลัง ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีองค์กรสากลหรือเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติแสดงท่าทีขอเข้าร่วมในการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มี เรื่องระหว่างประเทศนั้นตนคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศคงจะเป็นผู้ประสานงาน ขณะนี้เรื่องที่ผิดกฎหมายเกิดขึ้นในบ้านเรา เราก็ต้องดำเนินการก่อน
วานนี้(14 ธ.ค.)เวลา 09.45 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม และกองกำลังหน่วยคอมมานโดอาวุธครบมือ ควบคุมตัว นายอิสยาส อิสวาคอฟ อายุ 56 ปี สัญชาติคาซัคสถาน นักบินที่ 1 , นายวิคเตอร์ อับดุลลายัฟ อายุ 58 ปี สัญชาติคาซัคสถาน เนวิเกเตอร์ , นายมิคคาอิล พีทูคู อายุ 54 ปี สัญชาติเบลารุส ช่างเครื่องยนต์ , นายอเล็กซ์ซานดะ ไซร์บาเนฟ อายุ 53 ปี สัญชาติ คาซัคสถาน ช่างเทคนิค และนายวิทาลี ชุมคอบ อายุ 54 ปี สัญชาติคาซัคสถาน นักบินที่ 2 ผู้ต้องหาที่ 1-5 แก๊งค์ค้าอาวุธข้ามชาติ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 14 – 25 ธันวาคม นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก พร้อมทั้งรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง หนังสือเดินทางและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน โดยพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางที่พบมีจำนวนมาก จึงเชื่อว่ามีพฤติการณ์ทำเป็นขบวนการลักษณะองค์กรอาชญากรรมประกอบกับผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติเกรงว่าจะหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝากขังศาลเรียบร้อยแล้ว ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ขึ้นรถตู้สีขาวติดฟิล์มทึบ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดกองปราบปราม 2 คัน โดยมีรถยนต์สายตรวจกองปราบปรามขับประกบดูแลความปลอดภัยเพื่อนำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
**ศาลไม่อนุญาตประกันตัว**
ต่อมาเวลา 14.30 น.ทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 4 แสนบาท ขอประกันตัวซึ่งหลังศาลอาญา พิเคราะห์คำร้องและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางมีจำนวนมาก ซึ่งหากมีการจำหน่ายแพร่หลายของอาวุธดังกล่าวจะเกิดความเสียหายเป็นอันตรายแก่บุคคลจำนวนมาก และเชื่อว่าหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี จึงมีคำสั่งยกคำร้องขอประกันตัว
**"มาร์ค"ชี้ทำตามมติสหประชาชาติ**
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ ว่า ต้องใช้เวลา เพราะว่าตัวรายละเอียดของตัวที่ยึดได้มีหลากหลายพอสมควร และมีบางลังยังไม่ได้เปิด ตรวจสอบ เพราะเป็นคนละประเภทกัน ถ้าส่งสัญญาณให้ทำลายก็ต้องทำลาย และต้องไปเทียบเคียงกับข้อมติสหประชาชาติว่า ของแต่ละประเภทแนวปฏิบัติจะเป็นอย่างไร เข้าใจว่า เคยมีการยึดตามมตินี้ไปแล้วครั้งหนึ่งที่ยูเออี ก็กำลังตรวจสอบอยู่ที่ยูเออีดำเนินการอย่างไร ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เป็นความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา โดยมีการตั้งรางวัลนำจับ 7,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯด้วยนั้น นายกฯ กล่าวเพียงว่า หรือครับ ตนมาทราบ
ทั้งนี้หน้าที่ของตัวต้องเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลก คิดว่าสิ่งที่ได้ทำไปคือ การทำหน้าที่โดยการอาศัยการข่าวร่วม และทำตามข้อมติสหประชาชาติ นั้นคือหลักไม่ใช่เรื่องนี้ จริงๆ แล้วทุกฝ่ายน่าให้การสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ได้มีการยืนยันการเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกของประเทศไทย?
**"สุเทพ"ลั่นไม่ชักศึกเข้าบ้าน**
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านว่า ตนได้รับรายงานมาตลอด ซึ่งเราได้ระมัดระวังก่อนที่จะดำเนินการอะไร โดยได้ประชุมปรึกษา หารือ ดูทั้งกฎหมายของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งมติของสหประชาชาติ เมื่อไม่มีทางเลือกอย่างอื่น ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งการดำเนินการนั้นยืนยันว่าได้ทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง และพร้อมที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงเพื่อให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องทราบว่าประเทศไทยทำตามหน้าที่ เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องทั้งประเทศเจ้าของเครื่องบิน ประเทศที่ลูกเรือและกัปตันถือสัญชาติ และประเทศที่ขายสินค้า รวมทั้งประเทศที่ซื้อสินค้า ซึ่งขณะนี้ยังไม่แสดงตัวออกมา
**ไอ้ตู่ปูดรัฐได้รางวัลนำจับ**
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การจับอาวุธสงครามได้ผู้ต้องหา 5 คนนั้น ทราบว่ามีการประสานงานจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีรางวัลนำจับจำนวน 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงอยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจงถึงการจับกุมดังกล่าวว่าจะมีการจัดสรรเงินรางวัลนำจับอย่างไร รวมถึงผลกระทบในการจับกุมดังกล่าวว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะประเทศไทยอาจตก เป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้าอาวุธข้ามชาติ
**“เทือก”ซัด“ตู่”บ้าไปแล้ว**
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่ารัฐบาลไทยได้รางวัลนำจับจากสหรัฐอเมริกา 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนายสุเทพ ได้กล่าวพร้อมยิ้มและแสดงท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยว่า “คุณยังเชื่อจตุพร แล้วมาถามผมทำไม” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่ชี้แจงกับคนบ้าๆบอๆหรอก จตุพรมันบ้าไปแล้ว” จากนั้น นายสุเทพ ได้หัวเราะแล้วเดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่งและออกจากพรรคไปทันที
**สมช.ไม่พบเชื่อมโยงกลุ่มก่อการร้าย**
นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นมีการตรวจพบอาวุธหลายชนิดทั้งที่เป็นจรวด และอาร์พีจี แต่ยังไม่มีการตรวจสอบในรายละเอียด และขณะนี้อาวุธทั้งหมดมีการนำไปเก็บไว้ที่กองทัพอากาศที่ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนการดำเนินการทางคดีนั้น ทางตำรวจได้ตั้งข้อหาในเบื้องต้นว่ามีและครอบครองอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ขณะเดียวกันอัยการกำลังประสานงานที่จะดำเนินการร่วมกับตำรวจ เพราะพบว่ายังมีความผิดในฐานกฎหมายอื่น ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านศุลกากร ด้านการเดินอากาศ
“อาวุธดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องภายในของประเทศไทยเลย และไม่มีข้อมูลว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายต่างประเทศ เช่นพยัคฆทมิฬอีแลม” นายถวิลกล่าว
**อัยการชี้ชัดผิดกฎหมายไทย**
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวว่า เบื้องต้นมีความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน และอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้อาจจะมีความผิดในกฎหมายอื่นด้วย ซึ่งทาง อสส.มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศร่วมกับกองปราบปรามไปดำเนินคดี เมื่อถามว่าในที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือข้อตกลงระหว่างประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ตามมติของสหประชาชาติระบุว่าให้ใช้กฎหมายภายในของเรา ซึ่งชัดเจนว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนอย่างชัดเจน รวมทั้ง พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์
เมื่อถามว่าจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายการต่อต้านการก่อการร้ายหรืออาชญากรรมระหว่างประเทศหรือไม่ นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูผลการสอบสวน เพราะบางครั้งข้อมูลยังไม่ชัดเจน ขณะนี้กำลังจะเริ่มต้นกระบวนการสอบสวน และจะดำเนินการอย่างเป็นทางการหลังจากที่ อสส.มอบหมายให้มีพนักงานสอบสวนร่วมระหว่างอัยการและตำรวจ จากนั้นจึงจะลงลึกในรายละเอียดต่างๆได้มากขึ้น และเชื่อว่าหลังจากที่ทั้งอัยการและตำรวจได้ทำงานร่วมกัน ก็จะได้รายละเอียด ข้อมูล ที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ คงจะสามารถเริ่มทำงานได้ ต่อข้อถามว่าในที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องค่านำจับอาวุธในครั้งนี้หรือไม่ นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงเป็นประเด็นหลัง ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีองค์กรสากลหรือเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติแสดงท่าทีขอเข้าร่วมในการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มี เรื่องระหว่างประเทศนั้นตนคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศคงจะเป็นผู้ประสานงาน ขณะนี้เรื่องที่ผิดกฎหมายเกิดขึ้นในบ้านเรา เราก็ต้องดำเนินการก่อน