“อัยการ” ยันยูเอ็นไม่ก้าวก่าย กม.ไทย คดีแก๊งขนอาวุธ

อธิบดีอัยการต่างประเทศ ยืนยันองค์กรต่างชาติยังไม่ได้ยื่นมือขอร่วมทำคดีต่างด้าวขออาวุธสงครามเข้าไทย เผยยูเอ็นรับปากไม่ก้าวก่ายด้านคดีปล่อยเป็นเรื่อง กม.ไทย ไม่แน่ใจว่าการทำเรื่องขอส่งตัว “แม้ว” กลับมาดำเนินคดีในไทย แล้วกัมพูชาจะสนับสนุน

วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับกรณีการจับเครื่องบินขนอาวุธสงครามที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดของอาวุธว่าเป็นประเภทใดบ้างนั้น เพราะต้องรอดูข้อมูลอย่างละเอียดครบถ้วนก่อน จากนั้นจึงจะสามารถดำเนินคดีได้ โดยการทำงานยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลา เพราะต้องลงพื้นที่ตรวจหลักฐานประกอบการดำเนินคดี ซึ่งคาดว่าจะลงพื้นที่เพื่อตรวจหลักฐานในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพราะต้องการให้มีการดำเนินการโดยเร็วที่สุด เมื่อถามว่าได้ประเมินมูลค่าของอาวุธที่ยึดไว้ได้หรือไม่ นายศิริศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ตรวจสอบข้อกฎหมายที่จะใช้ดำเนินคดีแล้วหรือยังว่าจะดำเนินคดีในความผิดใดได้บ้าง นายศิริศักดิ์กล่าวว่า เบื้องต้นมีความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน และอาวุธสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ อาจจะมีความผิดในกฎหมายอื่นด้วย ซึ่งทาง อสส.มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศร่วมกับกองปราบปรามไปดำเนินคดี เมื่อถามว่าในที่ประชุมวันนี้ได้หารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือข้อตกลงระหว่างประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายศิริศักดิ์กล่าวว่า ตามมติของสหประชาชาติระบุว่าให้ใช้กฎหมายภายในของเรา ซึ่งชัดเจนว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนอย่างชัดเจน รวมทั้ง พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์

เมื่อถามว่าจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายการต่อต้านการก่อการร้ายหรืออาชญากรรมระหว่างประเทศหรือไม่ นายศิริศักดิ์กล่าวว่า ต้องดูผลการสอบสวน เพราะบางครั้งข้อมูลยังไม่ชัดเจน ขณะนี้กำลังจะเริ่มต้นกระบวนการสอบสวน และจะดำเนินการอย่างเป็นทางการหลังจากที่ อสส.มอบหมายให้มีพนักงานสอบสวนร่วมระหว่างอัยการและตำรวจ จากนั้นจึงจะลงลึกในรายละเอียดต่างๆได้มากขึ้น ตนเข้าใจว่าคำสั่งที่ อสส.จะมอบหมายนั้นคงจะออกมาในวันนี้ (14 ธ.ค.) เพราะได้มีการทำเรื่องเสนอขึ้นไปแล้ว และเชื่อว่าหลังจากที่ทั้งอัยการและตำรวจได้ทำงานร่วมกัน ก็จะได้รายละเอียด ข้อมูล ที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ คงจะสามารถเริ่มทำงานได้ ต่อข้อถามว่าในที่ประชุมวันนี้ได้พูดถึงเรื่องค่านำจับอาวุธในครั้งนี้หรือไม่ นายศิริศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้คงเป็นประเด็นหลัง ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีองค์กรสากลหรือเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติแสดงท่าทีขอเข้าร่วมในการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ นายศิริศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่มี เรื่องระหว่างประเทศนั้นตนคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศคงจะเป็นผู้ประสานงาน ขณะนี้เรื่องที่ผิดกฎหมายเกิดขึ้นในบ้านเรา เราก็ต้องดำเนินการก่อน

พร้อมกล่าวถึงกรณีการทำหนังสือขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าไปพำนักอยู่ในประเทศกัมพูชาในขณะนี้ ว่า “คิดว่าเมื่อทำไปแล้วจะได้ประโยชน์หรือ” เมื่อถามว่าแสดงว่าทางอัยการสูงสุด (อสส.)จะไม่ทำใช่หรือไม่ นายศิริศักดิ์กล่าวว่า ทาง อสส.จะรอว่าถ้ากระทรวงการต่างประเทศขอมา เราก็ยินดีทำให้ตลอด แต่ว่าการประสานงานตรงนี้ ตนไม่แน่ใจว่าในช่วงนี้ทางกัมพูชาจะเปลี่ยนใจมาช่วยทำให้เราหรือไม่ และจนถึงขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศก็ยังไม่ได้ทำเรื่องเสนอมาที่ อสส.