ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - "สุเทพ" สั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ม 2 นายกฯไทย-มาเลย์ลงใต้เปิด "สะพานมิตรภาพไทย-มาเลย์" ที่นราฯ วันนี้ พร้อมสั่งทุกพื้นที่ห้ามเกิดเหตุร้าย
ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (8 ธ.ค.) ดาโต๊ะซรี มูฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมด้วยภริยา ได้เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศโดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับอย่างเป็นทางการนำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ รวมถึงแนะนำคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มาให้การต้อนรับด้วย
จากนั้นเป็นการหารือกลุ่มย่อยระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ณ ห้องสีงาช้าง
ภายหลังการหารือเต็มคณะระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้แถลงร่วมกันเห็นพ้องที่จะร่วมมือในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการศึกษา บนพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจและความเคารพซึ่งกันและกัน โดยยืนยันข้อตกลงใดๆ ที่ยังคั่งค้างจะเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้ การแก้ปัญหาบุคคล 2 สัญชาติ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ผู้นำมาเลเซียยืนยันปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ถือเป็นเรื่องภายในของไทย แต่มาเลเซียพร้อมให้ความร่วมมือหากมีการร้องขอ ในส่วนของไทยนายกรัฐมนตรียืนยันจะไม่มีการเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะจะต้องดำเนินการภายใต้กฎหมาย.
ขณะที่ช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีและภริยา ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและภริยา ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก
ทั้งนี้ ในวันนี้ (9 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศจะเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อร่วมในพิธีเปลี่ยนชื่อสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลกแห่งที่ 2 เป็นสะพานมิตรภาพ และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยการบริหารจัดการ บำรุงรักษา และใช้สะพานดังกล่าว ตลอดจนเยี่ยมชมโรงเรียนโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และการผลิตสินค้าโอทอป
**สุเทพสั่งคุม รปภ.เข้ม 2 นายกฯ เยือนใต้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงที่นายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาสในวันนี้ (9 ธ.ค.) หลังมีจักรยานยนต์บอมบ์ที่ จ.นราธิวาสว่า เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่รัฐบาลต้องปฏิบัติหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในเรื่องของการพัฒนาการเรียนการสอนศาสนาและสามัญให้ไปด้วยกันได้ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อไปติดตามผลและมีโครงการความร่วมมือสร้างสะพานเชื่อมทั้งสองประเทศ โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของมาเลเซียเดินทางมา 8-9 คน และมีเรื่องที่ต้องพัฒนาร่วมกันหลายอย่าง เช่น การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมาเลเซียเป็นอีกตลาดในการรองรับผลผลิต ทั้งทางการเกษตรและอุตสาหกรรม เชื่อว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่น่ามีปัญหา ฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ร่วมกับจังหวัดต่างๆ
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่เป็นผักชีโรยหน้า หลังจากผู้นำกลับมาแล้วก็เกิดปัญหาขึ้นอีก นายสุเทพ กล่าวว่า เราไม่นิยมขายผักชีอยู่แล้ว ยืนยันว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยเราทำจริง ซึ่งรัฐบาลนี้มุ่งมั่นและเป็นรัฐบาลแรกที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตรายได้ของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านการทำประชาคมในหมู่บ้าน
ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานข่าวเรื่องการก่อเหตุของคณะที่จะเดินทางไป เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะสามารถดูแลได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่บ้างก็ตาม
**จนท.นราฯคุมเข้มความปลอดภัยรับ 2 นายกฯ
ส่วนบรรยากาศที่ จ.นราธิวาสวานนี้ (8 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีการสนธิกำลังในการปฏิบัติงานร่วม 13 อำเภอโดยเพิ่มจุดตรวจ จุดสกัดในการตรวจสอบตัวบุคคลและยานพาหนะทุกชนิดที่เดินทางเข้า-ออกในพื้นที่ จ.นราธิวาสอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวเขตชายแดนไทย-มาเลเซียบริเวณรอยต่อของ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดที่ได้กำหนดไว้ เพื่อต้อนรับการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีของไทย และนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อเป็นประธานในพิธีเปลี่ยนชื่อสะพานบูเก๊ะตาซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 และเป็นสะพานมิตรภาพในวันนี้ (9 ธ.ค.)
ขณะที่ทางด้านสื่อโทรทัศน์และวิทยุในประเทศมาเลเซียได้มีการนำเสนอข่าวการเดินทางมาเยือน จ.นราธิวาสของนายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากจะนำเสนอเกี่ยวกับภารกิจในการลงพื้นที่แล้ว ยังมีการนำเสนอเกี่ยวกับวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ จ.นราธิวาส ตลอดจนความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนของ ต.บูเก๊ะตา อ.แว้ง และบ้านบูเก๊ะบุหงา รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียต่างให้ความสนใจและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีของไทยและนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซียที่จะเดินทางมาเยือนในพื้นที่เป็นครั้งแรกหลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศด้วย
**กงสุลมาเลย์ถกร่วม จนท.ดูความพร้อมอีก
ทางด้านนายเอเอ อันบาลากัน กงสุลมาเลเซีย ประจำประเทศไทย และคณะ ได้เดินทางมาที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส เพื่อประชุมร่วมกับนายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าฝ่ายกองกำลัง 3 ฝ่ายและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องการดูแลความปลอดภัย และป้องกันการก่อเหตุร้ายจากกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบให้แก่นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ต่อมานายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาที่ศาลาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โครงการฟาร์มตัวอย่างและเศรษฐกิจพอเพียง ที่บ้านรอตันบาตู หมู่ 7 ต.กะลุวอ อ.เมืองนราธิวาส เพื่อตรวจความพร้อมในการให้การต้อนรับคณะของนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
**รปภ.เข้มเขตรอยต่อปัตตานี-นราธิวาส
ส่วนบรรยากาศการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ 12 อำเภอของ จ.ปัตตานี ตั้งแต่วานนี้เป็นต้นมาเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเขตรอยต่อระหว่าง จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส กองกำลัง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามถนนสายหลักและสายรอง พร้อมกับมีการลาดตระเวนในพื้นที่เป้าหมายและการดูแลความปลอดภัยในย่านชุมชนและสถานที่ราชการโดยผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยได้เน้นย้ำให้มีการตรวจรถทุกชนิด อาวุธต่างๆ และบุคคลเป้าหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงสร้างสถานการณ์ช่วงที่นายกรัฐมนตรีทั้งของไทยและมาเลเซียลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ในวันนี้
**ทหารพรานปะทะคนร้ายตาย 2
ล่าสุด วานนี้ (8 ธ.ค.) ชุดลาดตระเวนทหารพรานที่ 46 กรมทหารพรานที่ 46 รวม 12 นาย ออกลาดตระเวนด้วยการเดินเท้า ได้เกิดเหตุยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบ เหตุเกิดในพื้นที่ หมู่บ้านดือแย หมู่ที่ 4 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่มีขึ้นนานกว่า 10 นาที เบื้องต้นทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่คนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน หลังเกิด เหตุ พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก. ทหารพรานที่ 46 และ พ.ต.อ. ปิยะ เฉลิมศีล ผกก. สภ.รือเสาะ ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารกว่า 100 นาย ได้ นำกำลังเข้าไปช่วยเหลือชุดลาดตระเวน และนำกำลังออกไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุซึ่งล่าถอยไป.
ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (8 ธ.ค.) ดาโต๊ะซรี มูฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมด้วยภริยา ได้เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศโดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับอย่างเป็นทางการนำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ รวมถึงแนะนำคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มาให้การต้อนรับด้วย
จากนั้นเป็นการหารือกลุ่มย่อยระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ณ ห้องสีงาช้าง
ภายหลังการหารือเต็มคณะระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้แถลงร่วมกันเห็นพ้องที่จะร่วมมือในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการศึกษา บนพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจและความเคารพซึ่งกันและกัน โดยยืนยันข้อตกลงใดๆ ที่ยังคั่งค้างจะเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้ การแก้ปัญหาบุคคล 2 สัญชาติ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ผู้นำมาเลเซียยืนยันปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ถือเป็นเรื่องภายในของไทย แต่มาเลเซียพร้อมให้ความร่วมมือหากมีการร้องขอ ในส่วนของไทยนายกรัฐมนตรียืนยันจะไม่มีการเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะจะต้องดำเนินการภายใต้กฎหมาย.
ขณะที่ช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีและภริยา ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและภริยา ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก
ทั้งนี้ ในวันนี้ (9 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศจะเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อร่วมในพิธีเปลี่ยนชื่อสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลกแห่งที่ 2 เป็นสะพานมิตรภาพ และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยการบริหารจัดการ บำรุงรักษา และใช้สะพานดังกล่าว ตลอดจนเยี่ยมชมโรงเรียนโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และการผลิตสินค้าโอทอป
**สุเทพสั่งคุม รปภ.เข้ม 2 นายกฯ เยือนใต้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงที่นายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาสในวันนี้ (9 ธ.ค.) หลังมีจักรยานยนต์บอมบ์ที่ จ.นราธิวาสว่า เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่รัฐบาลต้องปฏิบัติหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในเรื่องของการพัฒนาการเรียนการสอนศาสนาและสามัญให้ไปด้วยกันได้ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อไปติดตามผลและมีโครงการความร่วมมือสร้างสะพานเชื่อมทั้งสองประเทศ โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของมาเลเซียเดินทางมา 8-9 คน และมีเรื่องที่ต้องพัฒนาร่วมกันหลายอย่าง เช่น การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมาเลเซียเป็นอีกตลาดในการรองรับผลผลิต ทั้งทางการเกษตรและอุตสาหกรรม เชื่อว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่น่ามีปัญหา ฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ร่วมกับจังหวัดต่างๆ
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่เป็นผักชีโรยหน้า หลังจากผู้นำกลับมาแล้วก็เกิดปัญหาขึ้นอีก นายสุเทพ กล่าวว่า เราไม่นิยมขายผักชีอยู่แล้ว ยืนยันว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยเราทำจริง ซึ่งรัฐบาลนี้มุ่งมั่นและเป็นรัฐบาลแรกที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตรายได้ของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านการทำประชาคมในหมู่บ้าน
ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานข่าวเรื่องการก่อเหตุของคณะที่จะเดินทางไป เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะสามารถดูแลได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่บ้างก็ตาม
**จนท.นราฯคุมเข้มความปลอดภัยรับ 2 นายกฯ
ส่วนบรรยากาศที่ จ.นราธิวาสวานนี้ (8 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีการสนธิกำลังในการปฏิบัติงานร่วม 13 อำเภอโดยเพิ่มจุดตรวจ จุดสกัดในการตรวจสอบตัวบุคคลและยานพาหนะทุกชนิดที่เดินทางเข้า-ออกในพื้นที่ จ.นราธิวาสอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวเขตชายแดนไทย-มาเลเซียบริเวณรอยต่อของ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดที่ได้กำหนดไว้ เพื่อต้อนรับการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีของไทย และนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อเป็นประธานในพิธีเปลี่ยนชื่อสะพานบูเก๊ะตาซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 และเป็นสะพานมิตรภาพในวันนี้ (9 ธ.ค.)
ขณะที่ทางด้านสื่อโทรทัศน์และวิทยุในประเทศมาเลเซียได้มีการนำเสนอข่าวการเดินทางมาเยือน จ.นราธิวาสของนายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากจะนำเสนอเกี่ยวกับภารกิจในการลงพื้นที่แล้ว ยังมีการนำเสนอเกี่ยวกับวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ จ.นราธิวาส ตลอดจนความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนของ ต.บูเก๊ะตา อ.แว้ง และบ้านบูเก๊ะบุหงา รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียต่างให้ความสนใจและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีของไทยและนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซียที่จะเดินทางมาเยือนในพื้นที่เป็นครั้งแรกหลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศด้วย
**กงสุลมาเลย์ถกร่วม จนท.ดูความพร้อมอีก
ทางด้านนายเอเอ อันบาลากัน กงสุลมาเลเซีย ประจำประเทศไทย และคณะ ได้เดินทางมาที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส เพื่อประชุมร่วมกับนายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าฝ่ายกองกำลัง 3 ฝ่ายและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องการดูแลความปลอดภัย และป้องกันการก่อเหตุร้ายจากกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบให้แก่นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ต่อมานายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาที่ศาลาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โครงการฟาร์มตัวอย่างและเศรษฐกิจพอเพียง ที่บ้านรอตันบาตู หมู่ 7 ต.กะลุวอ อ.เมืองนราธิวาส เพื่อตรวจความพร้อมในการให้การต้อนรับคณะของนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
**รปภ.เข้มเขตรอยต่อปัตตานี-นราธิวาส
ส่วนบรรยากาศการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ 12 อำเภอของ จ.ปัตตานี ตั้งแต่วานนี้เป็นต้นมาเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเขตรอยต่อระหว่าง จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส กองกำลัง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามถนนสายหลักและสายรอง พร้อมกับมีการลาดตระเวนในพื้นที่เป้าหมายและการดูแลความปลอดภัยในย่านชุมชนและสถานที่ราชการโดยผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยได้เน้นย้ำให้มีการตรวจรถทุกชนิด อาวุธต่างๆ และบุคคลเป้าหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงสร้างสถานการณ์ช่วงที่นายกรัฐมนตรีทั้งของไทยและมาเลเซียลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ในวันนี้
**ทหารพรานปะทะคนร้ายตาย 2
ล่าสุด วานนี้ (8 ธ.ค.) ชุดลาดตระเวนทหารพรานที่ 46 กรมทหารพรานที่ 46 รวม 12 นาย ออกลาดตระเวนด้วยการเดินเท้า ได้เกิดเหตุยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบ เหตุเกิดในพื้นที่ หมู่บ้านดือแย หมู่ที่ 4 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่มีขึ้นนานกว่า 10 นาที เบื้องต้นทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่คนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน หลังเกิด เหตุ พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก. ทหารพรานที่ 46 และ พ.ต.อ. ปิยะ เฉลิมศีล ผกก. สภ.รือเสาะ ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารกว่า 100 นาย ได้ นำกำลังเข้าไปช่วยเหลือชุดลาดตระเวน และนำกำลังออกไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุซึ่งล่าถอยไป.