xs
xsm
sm
md
lg

แยกขังแก๊งอาวุธสงคราม หวั่นปะหน้านักค้ารายใหญ่!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภาพในวันที่นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผลัดแรก
“โสภณ” เผยแยกคุมขัง 5 ผู้ต้องหาคดีอาวุธสงคราม ป้องกันพบปะพูดคุยหารือเชิงลึกเกี่ยวกับคดี เน้นเจอกันกับนักค้าอาวุธชาวรัสเซีย “วิกเตอร์ บูต” ที่ถูกขังอยู่แดนความมั่นคงสูง ส่วนอาหารการกินทั้งแก๊งกินได้ตามปกติ ขณะที่ อสส.ยังไม่ตั้งอัยการร่วมสอบแก๊งค้าอาวุธข้ามชาติ รอตรวจสอบพฤติการณ์ให้ชัดเข้าข่ายความผิดต่างประเทศหรือไม่

วันนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการควบคุมตัว 5 ผู้ต้องหา คดีลักลอบขนอาวุธสงคราม 40 ตัน ซึ่งถูกนำตัวมาฝากขังผลัดแรกว่า ในการควมคุมตัวผู้ต้องหาภายในเรือนจำคืนแรกไม่มีปัญหาทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยผู้คุมได้แยกผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ให้อยู่คนละแดน เพื่อไม่ให้พบปะพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับคดี ทำให้ผู้ต้องหามีความวิตกกังวลที่ต้องถูกแยกแดน

นายโสภณกล่าวต่อไปว่า ในการควบคุมดูแล ทางเรือนจำให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเน้นป้องกันไม่ให้มีโอกาสได้พบปะกับนายวิกเตอร์ บูต นักค้าอาวุธชาวรัสเซีย ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่แดน 8 ซึ่งเป็นแดนความมั่นคงสูง เพื่อให้การดูแลความปลอดภัยเป็นไปอย่างเรียบร้อย

“เรื่องความเป็นอยู่ในเรือนจำ ผมได้ให้ทางเรือนจำจัดอาหารให้ผู้ต้องหาคดีค้าอาวุธสงครามเช่นเดียวกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ก็รับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่หากผู้ต้องหาต้องการรับประทานอาหารอื่น นอกเหนือจากที่เรือนจำจัดให้ สามารถสั่งซื้อที่ร้านสวัสดิการด้านหน้าเรือนจำได้ตามระเบียบ แต่ต้องใช้จ่ายคูปองได้ไม่เกินวันละ 200 บาท” นายโสภณกล่าว

ในวันเดียวกัน นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ยังไม่ได้ลงนามเซ็นคำสั่งตั้งพนักงานอัยการเป็นพนักงานสอบสวนร่วมในคดีนักค้าอาวุธสงครามข้ามชาติ ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 29) พ.ศ.2551 ม.20 เนื่องจากต้องรอตรวจสอบดูพยานหลักฐานให้ชัดแจ้งก่อนว่ามีการกระทำผิดที่เกี่ยวกับต่างประเทศหรือไม่เพียงใด เพราะขณะนี้เป็นเพียงการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ซึ่งหากคดีนี้ไม่มีการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ อัยการสูงสุดอาจไม่พิจารณาแต่งตั้งอัยการเข้าร่วมเป็นพนักงานสอบสวนก็เป็นได้

ด้าน นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการต่างประเทศ กล่าวถึงการเข้าตรวจสอบของกลางอาวุธสงครามที่ยึดได้จากเครื่องบินของแก๊งค้าอาวุธข้ามชาติที่ถูกเก็บไว้ที่กองบิน 4 อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ว่ายังไม่ได้รับแต่งตั้งจากอัยการสูงสุดให้เป็นพนักงานสอบสวนร่วม แต่เนื่องจากกรณีนี้คดีที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูแล จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักข่าวกรอง เปิดหีบของกลางเพื่อตรวจสอบว่าของกลางที่ยึดได้นั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งเป็นวัตถุพยานยังอยู่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญถ่ายรูปและทำบัญชีแยกแยะประเภทว่ามีอาวุธอะไรบ้าง เพื่อรวบรวมไว้เป็นเอกสารหลักฐานประกอบในสำนวนคดี ซึ่งเชื่อว่าหลังการสอบสวนแล้วจะต้องมีการตั้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ในเรื่องของการนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายจากต่างประเทศ ซึ่งอาวุธปืนไม่ใช่สินค้าปกติที่จะสามารถนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ เพราะผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุน

ส่วนข้อหาค้าอาวุธสงครามนั้น คงต้องให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานว่านำอาวุธสงครามมาจากไหน เพื่อวัตถุประสงค์อะไรก่อน จึงจะสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มได้

“คดีนี้เบื้องต้นเราต้องดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรมของไทย เพื่อสอบสวนรวมรวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งข้อกล่าวหา ส่งพนักงานอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 คน เป็นจำเลยต่อศาลอาญาพิจารณาพิพากษาตัดสินคดีก่อน แต่หากผู้ต้องหากระทำความผิดในประเทศใดอีก ประเทศก็จะต้องประสานมายังทางการไทยเพื่อขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีต่อไป” นายศิริศักดิ์กล่าว

ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เบื้องต้นขณะนี้ทางกระทรวงยุติธรรมกำลังติดตามดูข้อมูลเรื่องดังกล่าวอยู่ อย่างไรก็ตาม การที่ฝ่ายกระทรวงจะดำเนินการอย่างใดได้นั้น ต้องรอคำสั่งจากฝ่ายนโยบายคือรัฐบาลก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของความมั่นคงระดับชาติและเกี่ยวข้องกับหลายประเทศ ซึ่งมีความละเอียดอ่อน

ทั้งนี้ อำนาจหน้าที่ที่จะดำเนินการตามความผิดจะอยู่ที่ทางกองปราบปราม อัยการ และฝ่ายความมั่นคง โดยทางกระทรวงยังไม่มีหน้าที่เข้าไปดูแล ซึ่งในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ยังไม่สามารถจะดำเนินการได้เช่นกัน ต้องรอคำสั่งจากทางรัฐบาลก่อนว่าจะเสนอให้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งทางดีเอสไอพร้อมเข้าไปดูแลหากมีคำสั่งออกมา

“อัยการ” ยอมรับยึดอาวุธสงคราม ถือเป็นคดีซับซ้อน
อัยการชี้ชัดแก๊งค้าอาวุธต้องดำเนินคดีตาม กม.ไทย-ทนายยื่นประกัน
ทูตคาซัคสถาน-ล่ามรัสเซียร่วมสอบ 5 นักบินลอบขนอาวุธสงคราม
ยึดอาวุธสงคราม 40 ตันบรรทุกเครื่องบินเกาหลีเหนือ
กำลังโหลดความคิดเห็น