xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ ครม. แค่แหย่ก็สะดุ้งโหยง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ
“ผ่าประเด็นร้อน”


ข่าวคราวเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกปล่อยออกมาไม่ทันไร ก็เกิดแรงกระเพื่อมตามมาทันทีทันใด และแม้ว่าจะถูกตัดบทอย่างรวดเร็วทั้งจากคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี รวมไปถึง สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะที่เป็นผู้จัดการรัฐบาลก็ตาม แต่ก็ยังมีความเคลื่อนไหวตามมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากคำพูดของนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าในตอนต้นจะย้ำว่าไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี แต่หลังจากนั้นก็ยอมรับว่าภายในพรรคมีสัญญาใจต่อกันว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อครบ 1 ปี แต่ขณะนี้ยังไม่มีถึงเวลาครบกำหนด จึงยังไม่มีการพิจารณา

พูดอย่างนี้ก็ไม่ต้องตีความ ย่อมชัดเจนแล้วว่าจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีแน่นอนเมื่อถึงเวลาครบกำหนด 1 ปี ซึ่งหากนับนิ้วดูแล้วก็อีกเหลือเพียงไม่กี่วันเท่านั้น และตามความเหมาะสมก็น่าจะหลังช่วงเวลาเดือนมหามงคลไปแล้ว ในที่นี้ถ้าให้เดาก็คงเป็นเดือนมกราคมนั่นแหละ เนื่องจากยังเป็นช่วงที่จะมีการเปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญประจำปี ซึ่งคาดว่าบรรยากาศทางการเมืองช่วงนั้นจะมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ฝ่ายค้านคือ พรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจกันทันที

ประกอบกับในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่ม “เสื้อแดง” ที่เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันก็จะเริ่มกลับมาชุมนุมใหญ่เพื่อหวังโค่นล้มรัฐบาลให้ได้ ลักษณะจะเป็นเกมการเมืองที่กดดันเข้ามาทั้งในและนอกสภา ผสมโรงแบบสองแรงบวก เพราะหากพิจารณาจากเงื่อนไขเวลาที่กำลังไล่หลังเข้ามาทุกขณะ โดยเฉพาะคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทที่กำลังจะมีการสรุปชี้ขาดกันอีกไม่กี่วันข้างหน้า อย่างช้าน่าจะไม่เกินปลายเดือนมกราคม มันก็ยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ล้มกระดานกันให้ได้

จากเงื่อนไขดังกล่าวย่อมพอหลับตานึกภาพเห็นความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงหลังปีใหม่เป็นต้นไป

อย่างไรก็ดี เมื่อหันมาพิจารณาในมุมของรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีก็น่าจะมีการแก้เกมเพื่อลดกระแสบางอย่างลงไปบ้าง และในที่นี้ก็หนีไม่พ้นเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ตามที่ได้มีการเปิดช่องเอาไว้ว่าจะมีการปรับหลังจากทำงานครบ 1 ปี

แต่เมื่อพูดถึงรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายที่อยู่ในข่ายที่สมควรถูกปรับพ้นตำแหน่ง เนื่องจากหากพิจารณาจากผลงานแล้วไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เอาอ่าว หรือบางคนยังสร้างภาระให้กับรัฐบาลเสียอีก ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไม่มีความคืบหน้า หรือไปคนละทิศละทาง ประเภทผลงานไม่มี แต่ดันยังเข้าข่ายทุจริตอีกต่างหาก

ถ้าว่ากันแบบตรงไปตรงมาแบบไล่เรียงไปทีละคน หากยกเว้นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องเริ่มจากนี่เลย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับบ้านเมืองได้เท่าที่ควร แม้กระทั่งตัวนายกฯก็แทบเอาตัวไม่รอดและถ้าจะให้กล่าวด้วยความเป็นธรรมก็ลองตอบมาซิว่ากว่า 10 เดือนที่ผ่านมามีผลงานอะไรที่พอให้สังคมจดจำได้บ้าง ในทางตรงกันข้ามกลับสร้างความเคลือบแคลงใจให้กับสังคมอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งก็ต้องพูดหมายรวมไปถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ออกมาในรูปแบบเดียวกัน เรื่อยๆมาเรียงๆแบบนายทหารนอกราชการส่วนใหญ่ และถ้าจะให้พูดกันแบบไม่ต้องเกรงใจถือว่าที่รอดพ้นมาได้ในเหตุการณ์ “จลาจล” เดือนเมษายน เอาตัวรอดมาได้ก็น่าจะเป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัวของนายกฯอภิสิทธิ์ ล้วนๆ

ถัดมาก็เป็น ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เงอะๆงะๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย แถมบางครั้งยังทำตัวขัดคอ ปีนเกลียวกับนายกรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลเสียอีก ซึ่งหากว่ากันไปแล้วในฐานะ มท.1 เป็นตำแหน่งหลัก แต่กลับไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไปในทางเดียวกันได้ แต่มาในฐานะหัวหน้าพรรค “หุ่นเชิด” จากพรรคภูมิใจไทยที่ไต่เต้ามาจากนายทุนพรรค อาศัยจังหวะช่วงสุญญากาศที่ตัวจริงถูกเว้นวรรคจึงได้รับการโปรโมตให้กระโดดเข้ามาขัดตาทัพบำเหน็จรางวัลสุดท้ายของชีวิต ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น

ส่วนอีกคนจากพรรคเดียวกันก็เห็นจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พรทิวา นาคาศัย รายนี้ไม่ต้องพูดกันมาก หากพิจารณาจากศักยภาพ และประสบการณ์ทางการเมือง แค่ตำแหน่งคนติดตามรัฐมนตรีไม่รู้ว่ายังมีปัญหาหรือเปล่า

สำหรับในโควตาของประชาธิปัตย์บ้าง เอาแค่บางคนเท่าที่นึกได้ เริ่มจาก สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ คุมสื่อของรัฐ น่าจะเป็นหัวหอกทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้กับรัฐบาลชี้แจงให้พวกเสื้อแดงได้ตาสว่าง แต่ผลงานก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน กลายเป็นถูกรุกไล่ไม่เป็นท่า

อีกคนก็คือ วีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯที่ว่ากันว่านอกจากเป็นตัวแทนกลุ่มทุนใหญ่แล้วยังอ้างความสามารถพิเศษในเรื่องการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น จีน เป็นหลัก แต่ก็ไม่เห็นงานแบบเนื้อๆ ทำนองความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ

หลักๆ อีกสักคนสองคนที่พอมองเห็น เช่น วิทยา แก้วภราดัย ดูแลกระทรวงสาธารณสุขพิสูจน์ให้เห็นจากการควบคุมไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และมีเรื่องทุจริตฉาวโฉ่ภายในให้เห็นออกมาจากโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” เป็นระลอก ก็ถือว่าเป็นจุดอ่อน

ขณะที่รายอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงอย่านึกว่ามีผลงานดีเด่นอะไร เพราะนอกจาก นายกรัฐมนตรี แล้วหากจะเว้นให้สักคนก็เห็นจะเป็น กรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้นที่ถือว่ามีผลงานเข้าตาระยะหลังเริ่มเข้าที่เข้าทาง ยังพอเชื่อมั่นได้ นอกนั้นถ้าพูดว่า “ห่วยแตก” ก็เดี๋ยวจะโกรธกันเปล่าๆ แต่เอาเป็นว่า ต้องมีการปรับปรุงกันขนานใหญ่ เพื่อให้ชาวบ้านพอหวังได้บ้าง

เมื่อพิจารณาจากผลงานของรัฐมนตรีแต่ละคน ประกอบกับสัญญาใจภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่นายกฯก็ยอมรับว่ามีจริง รวมไปถึงการเตรียมรับศึกใหญ่ในเดือนมกราคมที่ ทักษิณ ชินวัตร หรือที่ออกสำเนียงไทยในชื่อใหม่ว่า “ตากขี้” ต้องเร่งเผด็จศึกให้ได้ ทั้งในเรื่องการยื่นซักฟอก เกมป่วนนอกสภา หากยังมีรัฐมนตรีหน้าเดิมที่ไม่เอาอ่าวแบบนี้ก็ถือว่าลุ้นให้ไปรอดกันยากเหมือนกัน

ดังนั้นเชื่อว่า จะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ไม่น่าจะใช่แค่เฉพาะรายของ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ กับ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เท่านั้น ขณะเดียวกัน เหมือนกับรับรู้สัญญาณกันล่วงหน้า เพราะบางคนแค่แตะก็สะดุ้งโหยงกันเป็นแถว!!

กำลังโหลดความคิดเห็น