xs
xsm
sm
md
lg

ยื้อเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ แค่เกมต่อรอง เด็กฝาก-โผเล็ก !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
"ผ่าประเด็นร้อน"

ในที่สุดการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานต้องเลื่อนการประชุมเพื่อเสนอชื่อแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่จะเกษียณอายุราชการออกไปเป็นราวกลางเดือนกันยายน

แม้ว่าจะอยู่ในวิสัยที่ทำได้ เนื่องจากยังมีเวลา ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะพ้นจากเก้าอี้ในวันที่ 30 กันยายน ก็ตาม แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์และบรรยากาศถือว่า “ผิดปกติ” แน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนำไปโยงกับการที่นายกรัฐมนตรีถูก “หักหน้า” กลางที่ประชุม กตช.เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ แต่ถูกโหวตสวน ตีกลับออกมาไม่เป็นท่า จนต้องออกมาตั้งหลักใหม่

คราวนั้นสังคมจ้องจับตา ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนอกจากเป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ในฐานะเป็นรัฐมนตรีย่อมอยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชานายกรัฐมนตรี แต่กลับมาสนับสนุนอีกคนหนึ่งคือ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.หักหน้ากันตรงๆ ถือว่าโดยมารยาทแล้วไม่สมควรทำ

ขณะที่อีกคนหนึ่งก็คือ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่หากย้อนดูแบ็กกราวด์ก็จะเข้าใจดีว่ายืนอยู่คนละขั้วกับนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงอย่างชัดเจน ซึ่งมีน้อยครั้งที่ข้าราชการประจำจะเป็นแบบนี้

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากการเชื่อมโยงทางการเมืองแล้ว ทั้ง ชวรัตน์และ พล.ต.อ.พัชรวาท ล้วนเป็นคนกันเอง เป็นพวกเดียวกันนั่นคือ เครือข่ายพรรคภูมิใจไทยที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและว่ากันว่าเป็น “เด็กปั้น” ของ เนวิน ชิดชอบ ให้ขึ้นมาเป็นใหญ่ในวันหน้า ในลักษณะแบบพึ่งพาอาศัยกัน

นี่คือเส้นทางคร่าวๆที่ทำให้การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่มีปัญหา ต้องชะงักงันมาจนถึงขณะนี้

และที่สำคัญยังทำให้นายกรัฐมนตรีต้องเสียรังวัด เสียสภาพความเป็นผู้นำไปไม่น้อย หลังจากได้รับปากกับสังคมเป็นมั่นเหมาะว่าภายในเย็นที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมาจะรู้ชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่

อย่างไรก็ดีหลังจากนั้นก็มีการยืนยันใหม่อีกว่าจะรู้ชื่อผู้บัญชาการตำรวจฯก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องเลื่อนประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติออกไปเป็นราวกลางเดือนกันยายน

แต่หากมองอย่างเข้าใจสถานการณ์ก็ย่อมหมายความว่าการที่ไม่สามารถนัดประชุมได้ตามกำหนด หรือต้องเลื่อนออกไปสาเหตุก็คงเป็นเพราะยังมีการต่อรองกับฝ่ายอำนาจในส่วนอื่นยังไม่ลงตัว เนื่องจากเป็นรัฐบาลผสม นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ขณะเดียวกันหากแยกพิจารณาเฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินอกจากจะมีอำนาจและบารมีส่งผลทางการเมืองแล้ว สำหรับนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงก็ย่อมมีความต้องการกระชับอำนาจเข้ามาอยู่ในมือให้มากขึ้น แทนที่จะล่องลอยไปอยู่ในมือของคนอื่น ยิ่งในสภาพการเมืองชุลมุนแบบนี้มันก็ต้องเร่งปิดเกม แต่เมื่อยังสะดุดมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกมองว่าการ “ต่อรอง” ยังไม่ลงตัว

เพราะเมื่อดูตามเงื่อนไขเวลา และความจำเป็นก็บังเอิญว่ามีเรื่องของการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงมาหรือที่เรียกว่า “โผเล็ก” จำนวนหลายพันตำแหน่งเข้ามาพอดี ทำให้มีการคาดหมายว่านี่แหละคือสาเหตุหลักที่ทำให้การเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ต้องล่าช้า

ต้องไม่ลืมว่านายตำรวจในตำแหน่งดังกล่าวคือตั้งแต่รองผู้การฯลงมาจนถึงชั้นประทวนถือว่า เป็นระดับ “ปฏิบัติ” ในพื้นที่ย่อมมีผลกระทบโดยตรงกับชาวบ้าน ขณะเดียวกันก็ย่อมมีผลทางการเมือง มีผลต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างแน่นอน หากมีตำรวจที่ไว้ใจได้ถูกโยกย้ายลงในตำแหน่งดังกล่าว

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พรรคภูมิใจไทยถูกมองว่า เข้ามาต่อรองโผเล็ก เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้เข้าใจกันว่าได้ผลักดันผ่านทาง พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ตาม แต่เมื่อโผสะดุดมาตั้งแต่ “ชุด 152 นายพล” เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวซื้อขายตำแหน่งถูกแฉโพยว่ามีเงินสะพัดนับ “พันล้านบาท” เกี่ยวโยงไปถึงระดับบิ๊กในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้ว่าในเวลาต่อมา พล.ต.อ.พัชรวาท จะออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่มีเรื่องวิ่งเต้นในการแต่งตั้งโยกย้าย และในชั่วชีวิตที่รับราชการตำรวจมาก็ไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้

ดังนั้นเมื่ออ่านเกมกันแบบไม่ต้องพิจารณาให้ซับซ้อนก็คงเข้าใจว่านี่เป็นเกมต่อรองเพื่อแลกกับเก้าอี้ โดยอาจต้องการเพิ่มเติมรายชื่อใน “โผเล็ก” เพื่อรองรับการเลือกตั้งในวันข้างหน้า ขณะที่เก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นอำนาจของนายกฯที่จะเป็นผู้เสนอ แต่ที่ต้องยื้อก็เพื่อหาประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น !!

กำลังโหลดความคิดเห็น