“อภิสิทธิ์” ยอมรับปัญหาความเอกภาพใน ก.ต.ช.ยังมีอยู่ ลั่นต้นปีหน้าได้ตัว ผบ.ตร.แน่ แย้มหลังโปรดเกล้าฯจะเรียกประชุม ก.ต.ช.เต็มคณะ สั่งเจ้าหน้าที่เยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหล แต่คงไม่กระทบ 76 โครงการมาบตาพุดก่อนหน้านี้
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) มีมติเห็นชอบในการแต่งตั้ง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ต.ช.แล้ว ว่า ก็จะพยายามเรียกประชุมคณะกรรมการ ก.ต.ช.ให้เร็วที่สุด และกำลังดูเวลาที่เหมาะสม ในส่วนของ น.ส.สุภา เองเป็นคนที่ทำงานตรงไปตรงมามาก จากที่ตนได้มีโอกาสสัมผัสในการทำงานและเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องงบประมาณ
เมื่อถามว่า ปัญหาความไม่เป็นนเอกภาพในคณะกรรมการ ก.ต.ช.หมดไปแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า ยังไม่หมด ความคิดเห็น และข้อมูลยังมีความหลากหลายและตนจะพยายามไม่ให้นานจนเกินไป
เมื่อถามว่า หลังมีการโปรดเกล้าฯ น.ส.สุภา แล้ว จะมีการเรียกประชุมได้ทันทีหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องดูอีกที เมื่อถามว่าปีหน้าจะได้ตัว ผบ.ตร.ตัวจริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ได้ครับ”
เมื่อถามว่า กรณีที่มีการฟื้นคดีการทุจริตซื้อรถจักรยานยนต์มา มีบางฝ่ายระบุว่า เป็นการสกัดกั้น ก.ต.ช.บางคนที่เห็นไม่ตรงกับนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใครก็ตามที่มีปัญหาก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง อย่าไปมองทุกอย่างเป็นเรื่องของความขัดแย้งเสมอไป และถ้ามันไม่จริงก็คือไม่จริง แต่ถ้าเป็นจริงแล้วมีความผิดก็ต้องดำเนินการ ซึ่งสื่อเองบางครั้งก็ไปให้ความสนใจ กับปัญหาความขัดแย้งมากไปน่าเสียดาย
เมื่อถามว่า แต่มีการระบุว่าเรื่องนี้ มีคนใกล้ชิด พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเกี่ยวข้องกับใครก็ต้องว่ากันไปอย่างตรงไปตรงมา เมื่อถามว่าจะซ้ำรอยกรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ที่ต้องย้ายให้พ้นจากตำแหน่ง เพราะจะเป็นตอในการแก้ปัญหา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้ามีปัญหาดังกล่าวตนก็ต้องดู ถ้ามีปัญหาอุปสรรคกับการบังคับใช้กฎหมายก็ขอให้บอกมา ตนไม่ได้ดูว่าเป็นใครแต่จะดูว่าเรื่องเป็นอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ องค์กรเอกชน (NGO) เตรียมที่จะฟ้องศาลปกครองกรณีมีสารเคมีโซเดียมเปอร์ซัลเฟต หรือสารฟอกขาว ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตนั้นว่า ขณะนี้ ทางหน่วยงานกำลังเร่งแก้ปัญหา และคงจะต้องมีมาตรการในการเยียวยา ส่วนสาเหตุจะต้องมีการชี้แจงต่อไป เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นและจะต้องไปดูว่าจะมีมาตรการที่จะต้องป้องกันอย่างไร
เมื่อถามว่า จะต้องมีการระงับโครงการหรือไม่นั้น นายกฯกล่าวว่า ก็ต้องดูในเรื่องข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ส่วนการใช้สิทธินั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ส่วนจะใช้โอกาสนี้เข้าไปดูในทุกโครงการหรือไม่นั้น นายกฯกล่าวว่า ก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจน ว่าปัญหาเกิดจากอะไร ขณะนี้ทราบสาเหตุเพียงเบื้องต้นเท่านั้นว่า มีการรั่วออกมาแล้วไปทำปฏิกิริยากับวัสดุที่เป็นพื้น และเข้าใจว่าเป็นสารที่ไม่ต้องเร่งเอาออกไป ก็จะไปทบทวนดู
เมื่อถามว่า การเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจะมีผลกระทบกับ 76 โครงการลงทุนที่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ในแง่ของกฎหมายคงไม่น่าไปเกี่ยวข้องกัน แต่ก็เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่น ดังนั้น หน่วยงานต้องมีความชัดเจน ในเรื่องมาตรฐานที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ส่วนกรณีของผู้เสียชีวิตนั้น ต้องให้มีความชัดเจนว่าเกิดจากอะไรทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา ขณะนี้ทางแพทย์ก็พยายามที่จะชี้แจง
