ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า นายชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด และจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พบว่า นายชุมพลไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบทุกบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน ในหลายรายการ เช่น สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคาร เงินกู้ยืมจากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น และในการยื่นบัญชีฯ ตั้งแต่ตำแหน่ง ส.ส. ครั้งที่ 1 กรณีพ้นจากตำแหน่งหน้าที่แล้ว 1 ปี เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2544 จนถึงการยื่นบัญชีตำแหน่ง ส.ส. ครั้งที่ 4 กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 นายชุมพล ได้แสดงรายการในช่องเงินฝากธนาคาร เงินเบิกเกินบัญชี และเงินกู้ยืมจากธนาคารและสถาบันการเงินอื่นของตนเองและคู่สมรส โดยระบุข้อความเพียงว่า ขอยื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ยื่นเอกสารประกอบรายการดังกล่าว
ทั้งนี้ยังพบว่า นายชุมพลไม่ได้แสดงทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองและคู่สมรส ประกอบด้วย รายการเงินให้กู้ยืมของคู่สมรสแก่บริษัทแห่งหนึ่ง จำนวนหลายครั้ง แต่ละครั้งมีวงเงินกู้ยืมตั้งแต่ 70-125 ล้านบาทเศษ รายการเงินฝากธนาคารของตนเองและคู่สมรสหลายบัญชี รายการเงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนและรับอนุญาตของคู่สมรส รายการที่ดินของคู่สมรสหลายแปลง และรายการเงินกู้ยืมจากธนาคารของคู่สมรสหลายสินล้านบาท โดย ป.ป.ช. มีหนังสือแจ้งให้นายชุมพล ชี้แจงข้อเท็จจริง ถึง 3 ครั้ง แต่นายชุมพล ไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือส่งเอกสารหลักฐานประกอบการยื่นบัญชีเพิ่มเติม ป.ป.ช. จึงมีมติให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ให้นายชุมพลพ้นจากตำแหน่งและห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี และโทษทางอาญาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
นอกจากนี้ ปัจจุบัน ป.ป.ช. ยังอยู่ระหว่างไต่สวนข้อเท็จจริงการทุจริตต่อหน้าที่ ในโครงการตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 53 เรื่อง คือ การกล่าวหาเกี่ยวกับโครงการ SML และโครงการอยู่ดีมีสุข 48 เรื่อง โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 3 เรื่อง และ โครงการตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง อีก 2 เรื่อง รวมถึงการทุจริตโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกระทรวงสาธารณสุข และตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว และเร่งรัดการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐหลายตำแหน่ง หลายสังกัด ทั่วประเทศ หากเรื่องใดมีพยานหลักฐานชัดเจนจะแต่ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนหรือมอบพนักงานสอบสวน ไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป
ทั้งนี้ยังพบว่า นายชุมพลไม่ได้แสดงทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองและคู่สมรส ประกอบด้วย รายการเงินให้กู้ยืมของคู่สมรสแก่บริษัทแห่งหนึ่ง จำนวนหลายครั้ง แต่ละครั้งมีวงเงินกู้ยืมตั้งแต่ 70-125 ล้านบาทเศษ รายการเงินฝากธนาคารของตนเองและคู่สมรสหลายบัญชี รายการเงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนและรับอนุญาตของคู่สมรส รายการที่ดินของคู่สมรสหลายแปลง และรายการเงินกู้ยืมจากธนาคารของคู่สมรสหลายสินล้านบาท โดย ป.ป.ช. มีหนังสือแจ้งให้นายชุมพล ชี้แจงข้อเท็จจริง ถึง 3 ครั้ง แต่นายชุมพล ไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือส่งเอกสารหลักฐานประกอบการยื่นบัญชีเพิ่มเติม ป.ป.ช. จึงมีมติให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ให้นายชุมพลพ้นจากตำแหน่งและห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี และโทษทางอาญาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
นอกจากนี้ ปัจจุบัน ป.ป.ช. ยังอยู่ระหว่างไต่สวนข้อเท็จจริงการทุจริตต่อหน้าที่ ในโครงการตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 53 เรื่อง คือ การกล่าวหาเกี่ยวกับโครงการ SML และโครงการอยู่ดีมีสุข 48 เรื่อง โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 3 เรื่อง และ โครงการตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง อีก 2 เรื่อง รวมถึงการทุจริตโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกระทรวงสาธารณสุข และตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว และเร่งรัดการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐหลายตำแหน่ง หลายสังกัด ทั่วประเทศ หากเรื่องใดมีพยานหลักฐานชัดเจนจะแต่ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนหรือมอบพนักงานสอบสวน ไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป