ศูนย์ข่าวศรีราชา - หามเด็กนักเรียนจากโรงเรียนวิศวกรรมแหลมฉบังส่งโรงพยาบาลกว่า 10 คนหลังจากได้รับกลิ่นสารพิษรั่วในท่าเรือแหลมฉบัง ด้าน ผอ. ยืนยันสถานการณ์เข่สู่ภาวะปกติแล้ว
วันนี้ (26 พ.ย.) เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากท่าเรือแหลมฉบังว่า ขณะนี้บรรยากาศที่บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง และนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังมีการเปิดให้พนักงานเข้าทำงานตามปกติ หลังจากที่เมื่อช่วงกลางดึกเกิดโกลาหล ต้องมีการอพยพ พนักงานออกจากพื้นที่หลังจากเกิดเหตุการณ์สารพิษรั่วไหลที่บริเวณท่าเทียบเรือ บี 3 แต่ยังคงมีกลิ่นเหม็นอยู่ซึ่งมีพนักงานบางส่วนยังไม่กล้ากลับเข้ามาทำงาน เนื่องจากยังกลัวว่าจะเกิดอันตราย แต่ส่วนใหญ่ก็ได้กลับเข้ามาทำงานแล้ว
พร้อมได้รับการประสานงานเจ้าหน้าที่ของท่าเรือแหลมฉบังว่าทางท่าเรือจะเปิดแถลงข่าว ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ในวันนี้เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุม ท่าเรือ แหลมฉบัง ชั้น 2 และได้รับแจ้งว่าขณะนี้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางท่าเรือได้วางมาตรการป้องกัน ตามแผนฉุกเฉินของท่าเรือ ซึ่งจาการตรวจสอบล่าสุดพบว่าสารตัวดังกล่าวคือโซเดียมเปอร์ซัลเฟต อยู่ในกลุ่ม 5.1 เป็นสารฟอกขาว ใช้ในขบวนการฆ่าเชื้อ โดยสารดังกล่าวรั่วจากตู้คอนเนอร์ของบริษัท YAMAHATSU (THAI.AND) การรั่วไหลคาดว่าจะเกิดจากหีบห่อบรรจุ หลังจากนั้นได้ทำการควบคุมสถานการณ์ และเรื่มปฎิบัติการเก็บกู้เมื่อเวลา 23.30 น.และแล้วเสร็จ เมื่อเวลา 03.30 น. ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ล่าสุด เวลาประมาณ 09.30 น.ได้รับแจ้งว่า ที่บริเวณท่าเรือและนิคมอุตสาหกรรมมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง โดยนายศุภชัย ตันติฤทธิพร หัวหน้าฝ่ายพัฒนาพฤติกรรมโรงเรียนวิศวกรรมแหลมฉบัง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เผยว่า เช้าวันนี้คิดว่าเหตุการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงไม่มีการสั่งปิดโรงเรียน โดยมีเด็กนักเรียนมาเรียนตามปกติ
“แต่พอเปิดเรียนได้สักพักก็ได้รับกลื่นเหม็นจากสารพิษดังกล่าว จนทำให้เด็กนักเรียนถึงกับเป็นลมล้มลงทันที และบางคนมีอาการเจ็บคอ และมีผื่นขึ้นตามตัว จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลกว่า 10 คน และได้สั่งปิดการเรียนการสอนให้เด็กนักเรียนกลับบ้านทันที”
