ศูนย์ข่าวศรีราชา - หน่วยงานราชการจังหวัดชลบุรี เพิ่งตื่นระดมพลลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านแหลมฉบังและเด็กนักเรียน ล่าสุดเด็กนักเรียนกว่า 100 คน ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหลจากท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลอ่าวอุดมและพื้นที่ใกล้เคียง ตรวจเช็คร่างกายก่อนส่งแอดมิต ล่าสุดมีอาการโคม่า 3 ราย
วันนี้ (26 พ.ย.) เวลา 11.00 น.ที่บริเวณการท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี หลังจากเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลจากท่าเทียบเรือ B3 แหลมฉบัง เมื่อวานนี้ ล่าสุด สายวันนี้มีประชาชน และนักเรียน ได้รับผลกระทบ เช่น ที่โรงเรียนวิศวกรรมแหลมฉบัง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1-2 กิโลเมตร เด็กจำนวนมากมีการอาเจียน ปวดศีรษะ และเป็นลม มีผื่นแดง และคัน
โรงเรียนได้นำตัวโรงพยาบาลอ่าวอุดมและพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 10 คน ส่วนหน่วยงานราชการจังหวัดชลบุรี เพิ่งตื่นระดมพลลงพื้นที่แหลมฉบัง เช่น สาธารณสุขจังหวัด สิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 เทศบาลแหลมฉบัง กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้เมื่อประมาณ 11.00 น.ที่บริเวณวัดแหลมฉบังและโรงเรียนวัดแหลมฉบัง ได้มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลอ่าวอุดม นำแพทย์และพยาบาลกว่า 10 คนไปตั้งโต๊ะตรวจสอบร่างกายประชาชนและเด็กนักเรียน ที่อยู่พื้นที่ที่สารพิษจะแพร่กระจายมาถึง
ชาวบ้านบางรายมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก แสบคอ เจ็บตา ซึ่งเจ้าหน้าทที่ได้ดูแลอาการในเบื้องต้นและบางรายสามารถกลับบ้าน
ขณะที่มีบางราย ที่มีอาการหนัก เช่น หายใจไม่ออก จนหน้าตาเขียวคล้ำ โรงพยาบาลได้นำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เพื่อตรวจหาสามารถอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามาจากสาเหตุใด นอกจากนั้น ยังมีประชาชนบางรายที่ยืนรอคิวตรวจเช็กร่างกาย ได้เกิดเป็นลมและล้มลงกับพื้น โดยทางแพทย์ได้หามตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ซึ่งล่าสุดพบว่า มีผู้ป่วยที่อยู่ในระดับโคม่า 3 ราย
นอกจากนี้ ทางโรงเรียนวัดแหลมฉบังได้ประกาศปิดโรงเรียนครึ่งวัน โดยแจ้งให้เด็กทราบว่า ขณะนี้สารเคมีรั่วไหลและมีการแพร่กระจายอยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงเรียน และขณะนี้มีเด็กนักเรียนบางคน สูดดมกลิ่นสารเคมีเข้าไปและเกิดอาการ หน้ามืด เป็นลม และหายใจไม่สะดวก ทางโรงเรียนจึงต้องปิดโรงเรียนครึ่งวัน และให้มาโรงเรียนได้ตามปกติในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ย.)
นายประสาน เจี๊ยะหลิม ชาวบ้านแหลมฉบัง กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า การท่าเรือแหลมฉบังปกปิดข้อมูลและไม่แจ้งให้ชาวบ้านทราบเลย ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น โดยปล่อยให้ชาวบ้านสูดดมสารพิษจนเจ็บป่วยและไม่สบายเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าทางการท่าเรือไม่ดูแลรับผิดชอบเท่าที่ควร โดยเห็นประชาชนเหมือนผักเหมือนปลา ซึ่งจะเป็นอะไรก็ช่างมัน
ที่สำคัญ เหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลในท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งแต่ช่วงประมาณ 15.00 น.เมื่อวานนี้(25 พ.ย.) แต่ทางการท่าเรือได้แจ้งให้ประชาชนอพยพหรือออกนอกพื้นที่ในช่วงตี 1 ของวันใหม่ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะสารเคมีเกิดการรั่วไหลเพิ่มมากขึ้น แล้วเรื่องนี้ชาวบ้านจะไปไว้วางใจการท่าเรือฯได้อย่างไรต่อไป
แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครี้งนี้ทำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งในเรื่องของสภาพสิ่งแวด และสุขภาพของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทางสำนักงานคงต้องกลับไปดูรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของท่าเรือ บี 3 ว่าเป็นอย่างไร มีการปฏิบัติตามรายงานผลกระทบตามที่ส่งมาหรือไม่ โดยหลังจากนี้จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่อีกครั้ง
ส่วนเมื่อเวลา 14.00 น.ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่แหลมฉบัง พร้อมทั้งได้เข้าเยี่ยมชาวบ้านแหลมฉบัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มชาวบ้านแหลมฉบังที่ได้รับผลกระทบได้รวมตัวกันออกมาต่อว่า ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ไม่ยอมบอกเรื่องเหตุสารพิษรั่วไหล จนชาวบ้านได้รับผลกระทบต่อร่างกายจำนวนมาก โดยระหว่างที่มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีช่วยฯ มีชาวบ้านสูงอายุ ชักและล้มลงต่อหน้ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารสุข จนต้องรีบเคลียร์พื้นที่นำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
ด้าน นายสุเมธา วิเชียรเพชร ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการฉุกเฉินและฟื้นฟู ของกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า สารดังกล่าว คือ สารโซเดียมเปอร์ซัลเฟต ลักษณะเป็นผง เป็นส่วนผสมของสารฟอกย้อมสีผม นำเข้าจากเยอรมนี เต็มตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับสาเหตุการรั่วไหล เกิดจากการถุงบรรจุแตกและผงตกลงไปบนพื้น และพื้นตู้คอนเทนเนอร์เป็นไม้ และสารนี้มีคุณสมบัติคือ ถ้าออกมานอกถุงถ้าทำปฏิกิริยากับความชื้น สูงมากจะกลายเป็นกรด พอโดนไม้ที่มีความชื้นสูง จึงเกิดการลุกไหม้ ทำให้ถุงพลาสติกติดเชื้อเพลิงต่อ และลุกลามไปเรื่อย การดับทำได้ยาก เพราะโดนน้ำไม่ได้ และเมื่อเปิดตู้มามีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า