xs
xsm
sm
md
lg

เคาะข่าวริมโขง : “มาร์ค” เหยียบเชียงใหม่ไม่ได้ ตอกย้ำความไร้น้ำยา “สุเทพ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เคาะข่าวริมโขง : “มาร์ค” ถอดใจไม่ไปเชียงใหม่แล้ว หลัง ปธ.หอการค้าช่วยหาทางลง บอกไม่ต้องมา หวั่นเรื่องความปลอดภัย ด้าน ผบช.ภ.5 ยัน พร้อมอารักขานายกฯ ได้ประสาน “แม่ทัพภาค 3” จัดกำลังคุมฝูงชน 35 กองร้อย เชื่อ “แดงเชียงใหม่” แผลงฤทธิ์ไม่ออกหากคนในพื้นที่ช่วยกันต้าน ขณะที่กรณีนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ความกล้า “มาร์ค” อีกทั้งตอกย้ำความไร้น้ำยา “สุเทพ” ที่ไม่มีปัญญาคุ้มครองชีวิตผู้นำ



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”   
 

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ ได้มีการเชิญ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ มาร่วมพูดคุยและวิเคราะห์ถึงหลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ยังไม่หยุดป่วนบ้านป่วนเมือง มีการก่อความวุ่นวาย โดยได้ไปปิดล้อมสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เพื่อไปท้วงถามเรื่องการออกหมายจับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ประธานที่ปรึกษากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และนายสุรชัย แซ่ด่าน อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แกนนำ นปช. ที่ได้กล่าวข่มขู่จะจัดการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้มีแผนจะเดินทางมาจ.เชียงใหม่ เพื่อประชุมร่วมกับหอการค้าจังหวัด แต่ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ ตัดสินใจ ไม่เดินทางมาแล้ว

น.ส.อัญชะลี ต่อสายสัมภาษณ์สด พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงยกพวกไปปิดล้อมสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ โดย พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ตอนนี้ มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 100 คน ยังชุมนุมปักชุมนุมอยู่ แต่ดูจากสถานการณ์ไม่น่าจะเป็นการชุมนุมที่เยื้อยื้อ เพราะเวลานี้ทางศาลได้ตัดสินยกคำร้องการออกหมายจับแกนนำเสื้อแดงทั้ง 2 คนแล้ว ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงรู้สึกพอใจ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องยอมรับการตัดสินของศาล ไม่มีหน้าที่ต้องดันทุรัง แต่สิ่งที่จะดำเนินการต่อไป คือ จะพยายามหาหลักฐานใหม่เพิ่มเติม ที่อาจนำไปสู่ การขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับแกนนำคนเสื้อแดงครั้งใหม่ หากยังมีการปลุกระดมผ่านทางวิทยุชุมนุมอีก ทั้งนี้ โดยความจริงแล้วหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและความสงบของสังคม ดังนั้น จะไม่ยอมให้มีการใช้สื่อไปคุกคามความปลอดภัยของผู้ใดอีก

พล.ต.ท.สมคิด กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องตรวจค้นบ้านการ์ดรักษาความปลอดภัยกลุ่มคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ แล้วพบอาวุธเป็นปืนสั้นพกพาจำนวน 4 กระบอก และปืนยาว 2 กระบอก นอกจากนี้ ยังพบระเบิดปิงปองอีก 6,000 ลูก โดยทางผู้ต้องหา ได้ให้การอ้างว่า ระเบิดปิงปอง ซื้อมาจากประเทศจีน เพื่อมาจำหน่ายในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงที่ผ่านมา แต่เนื่องจากจำหน่ายไม่หมด จึงยังเหลืออีก 6,000 ลูก ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจมองว่า ระเบิดปิงปอง ไม่ได้รับอนุญาตให้ค้าขายได้อย่างเสรีอยู่แล้ว อีกทั้ง อาจมีการนำระเบิดปิงปองไปประกบวัตถุอันตรายที่ร้ายแรงกว่านี้ เพราะลำพังแค่ระเบิดปิงปองที่พบ หากมีการระเบิดพร้อมกัน 6,000 ลูก ฤทธิ์การทำร้ายก็มีสูงพอสมควร

พล.ต.ท.สมคิด กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการตั้งค่าหัวนายอภิสิทธิ์เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาทนั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ แต่ถ้าหากมีการพูดจาเช่นนี้จริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิด เพราะถือเป็นการขัดขวางการลงมาปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้านายอภิสิทธิ์เดินทางมาจริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมดูแลความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่

“ตอนนี้เหตุการณ์ความวุ่นวายที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อขึ้น ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพอรับได้ แม้จะมีการปิดศาลากลางจังหวัด เพื่อข่มขู่ หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เดินทางไปล้อมบ้านประธานหอการค้าจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามย้ำเตือนกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า หากเป็นการเรียกร้องตามกรอบรัฐธรรมนูญ ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ แต่ทั้งนี้ ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นด้วยเช่นกัน” พล.ต.ท.สมคิด กล่าว

พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ส่วนเรื่องการจัดการวิทยุชุมชนเสื้อแดงที่มักมีการพูดจาปลุกระดม ตนเคยได้ดำเนินการระงับการออกอากาศไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ได้มีการไปยื่นเอกสารขอเปิดชั่วคราวอีก แต่ล่าสุดก็ได้มีการจัดรายการพูดจาข่มขู่เอาชีวิตนายกรัฐมนตรี โดยตนก็ได้รวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ซึ่งปัจจุบันศาลก็ได้ยกคำร้องดังกล่าวไปแล้ว

พล.ต.ท.สมคิด กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่นายอภิสิทธิ์ไม่ตัดสินใจเดินทางมาจ.เชียงใหม่ ตนคิดว่าทางฝ่ายความมั่นคงน่าจะให้ข้อมูล เพื่อประเมินสถานการณ์แล้วนำมาประกอบการตัดสินใจ แต่ถ้าถามถึงการทำหน้าที่ในพื้นที่ ก็ได้มีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยไว้แล้วกับแม่ทัพ ภาคที่ 3 ที่ได้มีการสนธิกำลังหน่วยควบคุมฝูงชนถึง 35 กองร้อย หรือใช้เจ้าหน้าที่ไม่ต่ำกว่า 5,000 นาย โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า หาก นายอภิสิทธิ์ ต้องการมาจ.เชียงใหม่จริง ก้อพร้อมรักษาความปลอดภัยให้เต็มที่

พล.ต.ท.สมคิด กล่าวต่อว่า ด้านขุมกำลังของกลุ่มคนเสื้อแดงใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ตนคิดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5,000-6,000 คน แต่อย่างไร ก็เชื่อว่า หากประชาชนในพื้นที่ไม่เอาด้วย ก็คิดว่ากลุ่มคนเสื้อแดง จะถูกแรงกดดันจากสังคมต่อต้าน จนไม่กล้าสร้างความเดือดร้อน ซึ่งตอนนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่ ก็ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกในภาคเหนือ ดังนั้น จากการที่ตนดูปริมาณคนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคนเสื้อแดง น่าจะมีมากกว่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นพลังเงียบที่ไม่แสดงตัว เพราะไม่อยากประกาศเป็นศัตรูกับกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากไม่อยากเดือดร้อน

จากนั้น น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ตอนนี้ นายเพชรวรรต และนายสุรชัย 2 แกนนำคนเสื้อแดง ทำตัวเป็นผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่เองแล้ว เพราะพฤติกรรมทำอะไรตามใจชอบ ไปปิดล้อมสถาที่ราชการ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นไปทั่ว

นายโสภณกล่าวว่า วันนี้ นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้า ได้ออกมาหาทางลงเรื่องนี้ให้แก่นายกรัฐมนตรี โดยเสนอว่า ทางที่ดี นายอภิสิทธิ์ ไม่ต้องเดินทางไปที่ จ.เชียงใหม่ แล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าว ตนมองว่าเป็นความเสื่อมของวงการตำรวจและทหารไทย ที่ไม่สามารถคุ้มครองชีวิตผู้นำประเทศได้ นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวยังตอกย้ำบทบาทการทำหน้าที่ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงว่าเป็นอย่างไร หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร มีแต่ออกมาระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่สมควรเดินทางไปจ.เชียงใหม่ ดังนั้น ตนถือว่า นายสุเทพ ตลอดจนผู้มีดูแลหน่วยงานความมั่นคงทั้งหลาย พูดแบบนี้เพื่อตัดปัญหา เพราะไม่อยากแบกรับภาระเสี่ยง โดยไม่ได้คำนึงถึงเกียรติภูมิคนเป็นนายกรัฐมนตรีว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากการเดินทางไปหรือไม่ไปครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องวัดความกล้าหาญ นายอภิสิทธิ์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เคยถูกไล่ฆ่ามาแล้วถึง 2 ครั้ง คือ ที่พัทยาและที่กระทรวงมหาดไทย แต่สิ่งเหล่านี้ ยังไม่เพียงพอสำหรับคนที่เป็นผู้นำประเทศ เพราะถ้าเทียบสมัยก่อนที่มีศึกสงคราม ผู้นำประเทศเปรียบได้กับแม่ทัพในการรบ ที่ต้องออกหน้าชักศึก แต่ในเมื่อแม่ทัพถอดใจ เพราะทหารเอกบอกว่าไม่อยากเสี่ยง แล้วแบบนี้ภาพผู้นำประเทศจะเหลืออะไร

นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า แม้ทางประธานหอการค้าจะออกมาหาทางลงให้นายกรัฐมนตรี แต่ก่อนหน้านี้ ไม่จำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะ นายสุเทพ ต้องออกมาฟันธงชัดเจนว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่สมควรเดินทางไป เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นถึงผู้นำประเทศแท้ๆ แต่ไม่กล้าไปเหยียบจังหวัดหนึ่ง เนื่องจากมีคนไม่กี่คนต่อต้าน แล้วแบบนี้เมื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเห็น จะมั่นใจได้อย่างว่า จ.เชียงใหม่ ปลอดภัยจริง หากไปแล้วจะไม่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงคุกคาม เพราะขนาดนายกรัฐมนตรีไทย ยังไม่กล้าเดินทางไป

นายโสภณกล่าวว่า หากให้ตนวิเคราะห์ มองเกมนี้ว่าเป็นขบวนการดิสเครดิต นายอภิสิทธิ์ โดยคนใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งกำลังอยากสร้างสถานการณ์ เพราะอยากเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง จึงได้พยายามทำลายภาพ นายอภิสิทธิ์ ว่าไม่กล้าตัดสินใจ วุฒิภาวะน้อย ไม่เหมาะเป็นผู้นำประเทศ เนื่องจากไม่มีความกล้าหาญ

ช่วงสุดท้าย น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเดือดเป็นแค้น โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ เพื่อตอบโต้ประเด็นที่มีผู้กล่าวหาว่าเปลี่ยนชื่อเป็น TAKKI SHINEGRA ในหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่ออกให้โดยประเทศนิการากัว มอนเตเนโกร และ อูกันดา เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมระหว่างการเดินทางไปประเทศต่างๆ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า ใช้ชื่อเดิม ไม่ได้เปลี่ยนชื่อหลบเลี่ยงแต่อย่างใด

นายโสภณกล่าวประเด็นนี้ว่า หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ น่าจะแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการโชว์หนังสือเดินทางให้เห็นเลยว่าใช้ชื่ออะไร ตนว่าดูจากการตอบโต้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว เชื่อว่าเป็นพฤติกรรมของคนที่ไฟธาตุเริ่มแตก คือ อาการเหมือนคนเสียสติ ไม่อยู่กับร่องกับรอย

น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ล่าสุด ทางกระทรวงต่างประเทศของไทย ได้ออกมายืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนชื่อเป็น TAKKI SHINEGRA ในหนังสือเดินทางจริง เพราะได้มีการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว

น.ส.อัญชะลี กล่าวปิดท้ายว่า หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หัวเสียโพสต์โต้ตอบข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์แล้ว ได้ส่งข้อความถึงแกนนำคนเสื้อแดงว่า ขอบคุณที่มีการเลื่อนการชุมนุม เพราะจะทำให้พวกเรามีสมาธิมากขึ้นในการร่วมถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กำลังโหลดความคิดเห็น