เคาะข่าวริมโขง : เชียร์ “มาร์ค” ขึ้นเชียงใหม่ อย่าปล่อย “แดงชั่ว” ถ่วงความเจริญประเทศ

เคาะข่าวริมโขง : "นช.แม้ว" กลัวเสียหน้า สั่งเบรกชุมนุม "หางแดง" หลังโดนกระแสรุมต้าน ป่วนบ้านเมืองในช่วงวันสำคัญ แต่ฝั่ง "แดงเชียงใหม่" ยังแรงไม่เลิก ขู่จัดการ "มาร์ค" ทันทีที่เห็นหน้า จี้ "ฝ่ายมั่นคง" ตื่น คุมเข้มความปลอดภัย แนะ "มาร์ค" ควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส อย่าปล่อยแดงชั่วถ่วงความเจริญประเทศ



คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเคาะข่าวริมโขง

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ ได้มีการเชิญ นายประพันธ์ คูณมี ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ มาร่วมพูดคุยและวิเคราะห์ถึงหลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศเลื่อนการชุมนุมออกไป โดยอ้างว่าได้รับคำสั่งจากทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เลื่อนชุมนุม เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม

น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดรายการว่า วันนี้ ทาง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง TAN Network สถานีโทรทัศน์ข่าวภาษาอังกฤษแห่งแรกของเมืองไทย โดยขอให้คนไทยทุกคนอดทนและใจเย็น เพื่อรับมือกับคนที่ทำลายชาติ ส่วนในเรื่องดับไฟใต้ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ต้องใช้เวลาในการแก้ไข เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ประชาชน

น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้ ทางด้านแกนนำได้ออกมาประกาศเลื่อนการชุมนุม เพราะได้รับคำสั่งจากทาง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้เหตุผลว่า หากดันทุรังชุมนุมช่วงนี้ต่อไป อาจถูกประชาชนส่วนใหญ่ต่อต้าน และจะได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องจากใกล้วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น สมควรเลื่อนการชุมนุมออกไปก่อน

นายโสภณกล่าวเสริมว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาประกาศเลื่อนการชุมนุม ไม่ได้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มองกลุ่มคนเสื้อแดงไปในทางที่ดีขึ้น เพราะการสร้างความวุ่นวายให้แก่ประชาชน อย่างไรก็ไม่มีใครอยากร่วมคบค้าสมาคมด้วย ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คิดได้ช้าไปหรือไม่ ที่สั่งเลื่อนการชุมนุม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ออกประกาศว่าจะสู้รบแบบแตกหัก ดังนั้น เป็นเหตุผลอื่นไม่ได้ สำหรับการเลื่อนชุมนุมครั้งนี้ คงเป็นเพราะ ที่คุยว่าจะมีคนเป็นล้านมาร่วมชุมนุมนั้น แท้จริงเป็นเพียงแค่ราคาคุย เนื่องจากความจริง มีคนมาร่วมจำนวนไม่มาก ดังนั้น จึงกลัวเสียหน้า ต้องเลื่อนออกไปก่อน ฉะนั้น ยุทธศาสตร์ที่เกิดขึ้น เป็นแค่เพียงการหยั่งดูเชิง เสมือนการตีป่าให้เสือกลัว ออกมาประกาศดูจำนวนคนว่ามีร่วมมากน้อยแค่ไหน ถือเป็นการเช็คขุมกำลังของตัวเอง

นายประพันธ์กล่าวว่า เหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศเลื่อนการชุมนุมออกไป เพราะการชุมนุมครั้งนี้ ถือเป็นการกระทำที่สวนกระแสความรู้สึกคนส่วนใหญ่ ที่ต้องการใช้เวลาช่วงนี้ จับจ้องไปที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถือว่าเป็นช่วงที่ประเทศกำลังจะมีงานใหญ่ ดังนั้น การชุมนุมครั้งนี้ จึงไม่ชอบธรรม และไม่มีเหตุผล รวมทั้งถูกสังคมต่อต้าน เนื่องจากไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และความรู้สึกของประชาชน แต่ที่น่าเกลียดที่สุด คือ ด้านนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ได้ออกมาเปิดเผยว่า เหตุที่เลื่อนการชุมนุม เพราะต้องการไว้อาลัยให้แก่ นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งตนถือว่าเป็นเหตุผลที่ไม่สมควร ทั้งรู้ว่าความจริงช่วงเวลาดังกล่าวใกล้กับวันสำคัญอะไร

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เหตุที่ต้องเลื่อนเนื่องจากเวลานี้ใครต่อใครก็รู้แผนการหมดว่า กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการสร้างความวุ่นวายจากการชุมนุมครั้งนี้ เพื่อบีบให้ทหารบางกลุ่มที่มีการตกลงผลประโยชน์กันเอาไว้แล้วออกมาทำการปฏิวัติ แต่ด้วยเงื่อนไขและสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ปัจจัยทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะทหารกลุ่มดังกล่าวมีท่าทีไม่เอาด้วย แม้ได้เงินจำนวนมหาศาล แต่มากระทำในช่วงวันสำคัญของประเทศ ก็ไม่อยากที่จะเสี่ยง ดังนั้น จึงเหมือนเวลานี้ แกนนำคนเสื้อแดงได้วางเงินดาวน์ให้แก่ทหารกลุ่มดังกล่าวไปแล้ว ส่วนจะลงมือเมื่อไหร่ ต้องมีการกำหนดท่าทีอีกที แต่ถึงอย่างไรเวลานี้ ก็ยังคงมั่นใจในสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะไม่เกิดเหตุใดๆ เนื่องจากตนกำลังรู้สึกว่ามีคนในรัฐบาลบางคนรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น จึงเหมือนว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีโจรแอบแฝงอยู่

นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า เหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ เพราะรู้ว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อไหร่ ต้องมีการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ซึ่งก็จะถือว่าเป็นการล้างคดีความผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ โดยเวลานี้สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการมากที่สุด คือ ลบล้างคดี เพื่อให้ตัวเองมีโอกาสกลับขึ้นมามีอำนาจ หลังจากนั้น ก็จะหาทางทวงเงินจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดคืน

นายชัชวาลย์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เลื่อนชุมนุม เพราะสำนึกว่าจะก่อความวุ่นวายในช่วงวันสำคัญของประเทศ เนื่องจาก ถ้าหากคิดเช่นนั้นจริงๆ คงคิดได้นานแล้ว ไม่ปล่อยให้เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน ค่อยคิดได้ ทั้งนี้ จะเห็นว่าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยสนใจอะไร นอกจากเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่สนใจว่าจะชุมนุมในช่วงไหน ตรงกับวันสำคัญของบ้านเมืองอย่างไร โดยการออกมาประกาศเลื่อนการชุมนุม ไม่ได้ทำให้ความเกลียดชังที่ประชาชนส่วนใหญ่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือกลุ่มคนเสื้อแดงลดน้อยลง เพราะการกระทำก่อนหน้านี้ มันติดตรึงในความรู้สึกประชาชน และมันทำให้เห็นว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ จงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงจริงหรือไม่

นายชัชวาลย์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนยังทราบมาอีกว่าการชุมนุมครั้งนี้ตามต่างจังหวัด ได้มีการเกณฑ์ผู้คนมาร่วม พร้อมกับให้สำเนาบัตรประชาชนมาเป็นหลักฐาน โดยอ้างว่าจะมีการทำประกันชีวิตให้ หากบาดเจ็บและล้มตายจากการชุมนุม ซึ่งมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งหลงเชื่อ แต่พอมีการเลื่อนการชุมนุมออกไป กลุ่มคนที่จะมาร่วมชุมนุม ได้ไปเรียกเก็บเงินจากบรรดาแกนนำเสื้อแดงจังหวัดต่างๆ

น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ในเมื่อกล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดง ตนอยากเอ่ยถึงการกระทำล่าสุด ที่ได้ไปแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมในงานศพนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จัดขึ้นที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โดยมีผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองเดินทางไปร่วมแสดงความเสียใจมากมาย แล้วก็มีกลุ่มคนเสื้อแดงเพียงหยิบมือเดียว โห่ร้อง พร้อมชูตีนตบขับไล่ ส.ส.ปชป. ที่เดินทางมาร่วมงาน ทั้งที่เป็นในวัด น่าจะสำรวมกิริยามารยาท และรู้จักกาลเทศะ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ ภรรยา รวมทั้งญาติพี่น้องของนายสมัคร ที่อยู่ในอาการโศกเศร้า

นายโสภณกล่าวเสริมว่า งานศพกลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่เว้น ไม่รู้จักกาลเทศะ สร้างความวุ่นวายไปทั่ว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าระอา คนเพียงจำนวนไม่มาก แต่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม

น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นอกจากนี้ วันนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของทางกลุ่มคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ ที่ยืนยันว่าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังเดินทางลงพื้นที่ไปประชุมกับหอการค้าจังหวัด ต้องถูกต่อต้านและเจอขับไล่แน่นอน รวมทั้ง ไม่รับรองความปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย

นายโสภณกล่าวประเด็นนี้ หากจะว่ากันไปตามจริง ลึกๆ ในใจของตนก็ไม่ต้องการให้นายอภิสิทธิ์ เดินทางไป จ.เชียงใหม่เหมือนกัน แต่พอคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ตนว่างานนี้นายอภิสิทธิ์ต้องเลือก เพราะถ้าหากไม่ไปก็เท่ากับขาดความกล้าหาญ แต่คนที่น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง น่าจะมีมาตรการอะไรบางอย่าง มาสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้นายกรัฐมนตรีเบาใจในการลงพื้นที่ โดยตนถือว่า ถ้างานนี้ นายอภิสิทธิ์ ไม่ไปจะถือว่าเป็นตราบาปที่ติดตัว ที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีและเป็นผู้นำประเทศ กลับเดินทางไปจังหวัดหนึ่งไม่ได้ เพราะถูกคนจำนวนไม่กี่สิบขับไล่ หรือรุมต่อต้าน ฉะนั้น เวลานี้ นายอภิสิทธิ์ ต้องเลือกเอาระหว่าง ความปลอดภัยส่วนตัว หรือจะรักษาเกียรติภูมิในการเป็นนายกรัฐมนตรี

นายประพันธ์กล่าวเสริมว่า กลุ่มคนที่ต่อต้านมีจำนวนเพียง 40-50 คนเท่านั้น ดังนั้น นายสุเทพ ในฐานะที่ดูแลงานด้านความมั่นคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสามารถเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เอาแต่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่อยากให้นายกรัฐมนตรีไป จ.เชียงใหม่ เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย ทั้งที่นายสุเทพเป็นรองนายกรัฐมนตรีดูแลฝ่ายความมั่นคง หากยังไม่มั่นใจว่าคุมสถานการณ์อยู่แล้วแบบนี้จะทำหน้าที่ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้ประชาชนกำลังจับตามองว่าสมควรศรัทธารัฐบาลชุดนี้ต่อไปหรือไม่

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการอ้างว่าเป็นเพราะ จ.เชียงใหม่เป็นบ้านเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ปลอดภัยที่ นายอภิสิทธิ์ จะเดินทางไป ตนอยากถามว่า คนที่ออกมาพูดแบบนี้ ไม่เข้าสถานการณ์หรือความจริงตอนนี้หรือไม่ ว่านายอภิสิทธิ์ คือผู้นำของประเทศ ที่สามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ แม้แต่บ้านเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากไม่เห็นมีเหตุผลใดต้องเกรงกลัว หาก จ.เชียงใหม่ ถูกบารมีของ พ.ต.ท.ทักษิณ คุมพื้นที่จริง ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กลับมาอยู่บ้านเกิดตัวเอง ไปเร่ร่อนอยู่ตามต่างประเทศทำไม

น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเตรียมการให้นายอภิสิทธิ์ ประชุมผ่านวิดีโอคอนฟอเรนซ์ แทนการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่า วิธีการสื่อสารแบบนี้ไม่ทำให้นายกรัฐมนตรีเสียหน้า

นายโสภณกล่าวว่า เหตุที่นายสาทิตย์พูดว่านายกรัฐมนตรีไม่เสียหน้า เพราะตัวนายสาทิตย์ไม่มีหน้าจะเสีย เหมือนคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถึงอย่างไร หากประชุมด้วยวิธีนี้ ก็เสียหน้าผู้นำประเทศเหมือนกัน ดังนั้น ทางที่ดี นายสุเทพ ต้องเรียกผู้ว่าราชการจังหวัด มาคุย ว่าจะมีมาตรการอย่างไร ในการจัดการกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาต่อต้าน นายอภิสิทธิ์

นายประพันธ์กล่าวว่า สำหรับตนแล้ว การลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของ นายอภิสิทธิ์ ถือเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะบรรดาหอการค้าหลายแห่งจะมาร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ จ.เชียงใหม่ ดังนั้น ไม่เห็นด้วย หากกลุ่มคนเสื้อแดงจะมาก่อความวุ่นวาย เนื่องจากเป็นการทำลายความเชื่อมั่น และมีผลกระทบต่อธุรกิจที่ จ.เชียงใหม่ ฉะนั้น นายกรัฐมนตรี ควรใช้โอกาสนี้เดินทางไป หารือว่าจะมีมาตรการจัดการหรือร่วมกันต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างไร ให้หยุดสร้างความวุ่นวาย

“คนเชียงใหม่ รวมทั้งนักธุรกิจ ไม่เห็นด้วยอยู่แล้วกับการก่อความวุ่นวายต่างๆ ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ น่าจะใช้โอกาสนี้ ในการไปพูดคุยและทำความเข้าใจ พร้อมทั้งตอกย้ำให้ชัดเจนว่า ที่เศรษฐกิจเชียงใหม่ซบเซา เป็นเพราะการกระทำของคนเสื้อแดง ที่ทำให้การท่องเที่ยวจังหวัดดังกล่าว ไม่เฟื่องฟูเหมือนในอดีต ซึ่งเชื่อว่า หากนายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนเช่นนี้ ทุกฝ่ายที่หวังดีกับจ.เชียงใหม่ อย่างไรก็ต้องเห็นด้วยกับความคิดนี้” นายประพันธ์กล่าว

ช่วงสุดท้าย น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณี กระทรวงการต่างประเทศ ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้ชื่อ “TAKKI SHINEGRA” ในหนังสือเดินทาง ซึ่งออกโดยประเทศเล็กๆ หลายประเทศ ได้แก่ นิการากัว มอนเตเนโก และอูกานดา เพื่อใช้เดินทางเข้าออกในต่างประเทศ โดยจากการสับเปลี่ยนชื่อหลากหลายมีผลต่อการประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพราะข้อมูลคลาดเคลื่อน

นายโสภณกล่าวว่า ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แปลงใหม่ในหนังสือเดินทางหลายประเทศ หากอ่านจริงๆ ต้องอ่านว่า “ตากขี้ ชิเนกะ” ซึ่งความจริงเรื่องนี้ มีความผิดปกติอยู่แล้ว เพราะคนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ใช่อาญชากรข้ามชาติ คงไม่มีทางถือหนังสือเดินทางหลายเล่ม และเดินทางไปซุกซ่อนตามประเทศต่างๆอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าไม่ใช่คนปกติ

นายประพันธ์กล่าวปิดท้ายว่า ความจริงแล้ว การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนชื่อตัวเองและเดินทางไปประเทศต่างๆอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นการตบหน้ารัฐบาลไทย ที่ไม่สามารถจัดการอะไรกับนักโทษชายหนีคดีคนนี้ได้ ทั้งที่ความผิดทุกอย่างชัดแจ้ง แต่ยังเอาตัวกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้ ไม่หนำซ้ำ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเดินทางไปไหนได้อย่างอิสระ และเปิดเผย ดังนั้น ทางรัฐบาลไทย ต้องทำหนังสือชี้แจงไปยังประเทศต่างๆ ให้ทราบโดยทั่วกันว่าสถานะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษหนีคดี และทางการไทยกำลังต้องการตัวกลับมารับโทษ ฉะนั้น ขอความร่วมมือไม่ให้ประเทศไหนออกหนังสือเดินทางให้แก่บุคคลผู้นี้ รวมทั้งต้องมีการดำเนินการด้านการทูตอย่างต่อเนื่องด้วย