xs
xsm
sm
md
lg

เคาะข่าวริมโขง : “เทพมนตรี” ดูดวง “นช.แม้ว” ถึงฆาตก่อนเมษาฯ ปี53

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เคาะข่าวริมโขง : "เทพมนตรี" แฉ "นช.แม้ว" ดอดไหว้นครวัดเขมร เพื่อพบหมอผี ทำพิธีเสริมดวง หลังร่างกายซูบผอมเดินเหมือนคนไม่มีแรง ชี้เป็นผลกรรมที่เคยจาบจ้วง "ในหลวง" ขณะที่ โหรชื่อดัง ประสานเสียงทำนาย สิ้นปีนี้เกิดลูกไฟประหลาด นำประเทศกลับคืนความสงบ แต่หากไม่เป็นจริง ให้รอดูช่วง เม.ย. ปี 53 มั่นใจคนชั่วดวงถึงฆาต


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
 

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน โดยมี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ ได้มีการเชิญ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง คืบหน้าคดีลอบยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 ใส่เวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา

น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดรายการว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตเตอร์ว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามเดินเกมบีบและกดดันตนเองสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกหนังสือเดินทางพิเศษ หรือพาสปอร์ตแดง การเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ การถอดยศ หรือแม้แต่การห้ามบินผ่านน่านฟ้าประเทศไทย อีกทั้งที่ผ่านมามีการนำตนไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้กระทำจริง ล่าสุดคือ การสั่งยิงระเบิดเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หรือข่าวว่าตนถูกประเทศอื่นกีดกันไม่ให้เข้าพำนัก นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้เปรียบเทียบตนเองกับ นายปรีดี พยมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรี และกล่าวว่า คิดถึงอดีตผู้นำคนดังกล่าว โดยขนาดตนมีความหลายอย่างมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นด้านเงินทอง รวมถึงความเป็นอยู่ ยังรู้สึกว่าทำไมต้องมารับเคราะห์กรรมหรือต้องอดทนเช่นนี้ ก็ไม่รู้ตอนที่ นายปรีดี ต้องพบเจอเรื่องราวร้ายๆ ทนมาได้อย่างไร ซึ่งในส่วนตนก็กำลังอดทน แต่ไม่รู้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะอดทนได้อีกนานเท่าไหร่ หากยังต้องพบเจอกับการเลือกปฏิบัติของรัฐบาลเช่นนี้

น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการลอบยิงเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้ออกมาระบุ ว่า วิถีกระสุนน่าจะยิงมาจากบริเวณกระทรวงกลาโหม โดยเป็นการยิงมานัดเดียว ซึ่งพลาดเป้ากลายเป็นมาตกอยู่ด้านหลังเวที แต่ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นรอบที่ 2 นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า กำลังติดตามตัวคนร้ายที่ยิงมาลงโทษ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยทราบเบาะแสมาล่วงหน้า และได้เตือนในที่ประชุมสภาความมั่นคง (สมช.) ไปแล้ว เพื่อให้หาวิธีการป้องกัน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ยังเกิดขึ้นมาได้

น.ส.วรรษมน กล่าวว่า ทางด้านกระทรวงกลาโหมก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบยิงเวทีพันธมิตรฯ ครั้งนี้ แม้ว่า อาวุธที่ใช้ยิงชนิดเอ็ม 79 จะเป็นอาวุธสงคราม ที่มีแค่ในกองทัพ โดยระบุว่า ปัจจุบันอาวุธชนิดดังกล่าวสามารถหามาปฏิบัติการได้ไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ทหารเท่านั้นที่มี

นายชัชวาลย์กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ใส่ความว่ากระทรวงกลาโหมเป็นคนยิง แต่เมื่อเดินทางไปตรวจสอบตามวิถีกระสุนแล้ว จุดที่ดีที่สุด ที่สามารถกระทำการยิงได้ คือ บริเวณกระทรวงกลาโหม และเท่าที่ดูก็มีการกำลังก่อสร้างอยู่ในละแวกนั้น ทำให้มองว่าอาจถูกใช้เป็นสถานที่ยิง ดังนั้น ตนจึงอยากฝากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ติดตามคดีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้ประชาชนและสังคมกำลังตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้อย่าง เสธ.แดง ซึ่งเป็นทหารกินเงินเดือนประชาชน แต่ที่ผ่านมา กลับมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพราะแจ้งเหตุร้ายผ่านเว็บไซต์ล่วงหน้า และต่อมาก็เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆ สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน แต่ทางรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ไม่เคยจัดการได้ ปล่อยเรื่องนี้ให้เงียบลงไปในที่สุด มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า การที่กองทัพไม่ทำอะไร เนื่องจากเป็นแผนที่ต้องการจำกัดพันธมิตรฯ หรือไม่ เพราะมองว่าหากไม่มีพันธมิตรฯ ก็จะไม่มีการชุมนุม ดังนั้น จึงปล่อยให้ เสธ.แดง กระทำเช่นนี้อยู่บ่อยๆ โดยไม่จัดการอะไร ทั้งที่ความจริง ควรต้องถูกตรวจสอบทางวินัย ว่าเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆหรือไม่

น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า หลังเกิดเหตุการณ์ลอบยิงระเบิดเวทีพันธมิตรฯ สิ่งที่ทางกองทัพออกมาปฏิเสธ ถือเป็นการปัดความรับผิดชอบ ทั้งที่กองทัพ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ต้องรักษาชีวิตของประชาชน แต่พอเกิดเหตุร้ายขึ้นกลับบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากเป็นเช่นนี้แล้วประชาชนจะทำอย่างไร ทั้งที่ เงินของประชาชน ถูกเสียไปให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อมาทำหน้าที่ดังกล่าว แต่บุคคลเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำตามหน้าที่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ประชาชนน่าเสียใจ ที่เจ้าหน้าที่ในบ้านเมืองส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้

น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ความจริง เสธ.แดง อาจเป็นตัวชี้เป้าให้กองทัพ โดยใช้การประกาศในเว็บไซต์เป็นการแจ้งเหตุล่วงหน้า และต่อมาเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาจริงๆ เหมือนเมื่อครั้งที่ เสธ.แดง เคยเตือนพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมในทำเนียบฯ ให้ระวังระเบิด พร้อมทั้งระบุเวลาอย่างชัดเจน จนต่อมาเมื่อถึงเวลาดังกล่าว ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น

นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า ระเบิดชนิดเอ็ม 79 ส่วนใหญ่จะเป็นการยิงวิถีแนวโค้ง โดยลูกแรกจะเป็นการวัดระยะ และยิงลูกสองเพื่อทำลายเป้าหมาย แต่ครั้งนี้ พอยิงลูกแรกพลาด คนยิงกลัวว่าจะถูกจับได้ จึงไม่ยิงลูกต่อไป ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์นี้ มีคำถามย้อนกลับไปหากองทัพว่า อาวุธสงครามถูกนำมายิงประชาชนกลางเมืองได้อย่างไร หรือ การกระทำดังกล่าว เป็นการแสดงให้เห็นว่า สัญลักษณ์กองทัพจากสีเขียว ตอนนี้กลายเป็นสีขาว คือ ทำตัวไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่รอดูหากฝ่ายไหนพลาดพลั้ง หรือมีโอกาสเล่นงานฝ่ายไหน ก็จะกระทำ ซึ่งความจริง เสธ.แดง อาจเป็นแค่หมากที่กองทัพต้องการส่งไปประกบแต่ละฝ่าย เพื่อดูความได้เปรียบเสียเปรียบ

น.ส.วรรษมน กล่าวว่า ล่าสุด เสธ.แดง ออกมาต่อว่าต่อขานรัฐบาลว่าสองมาตรฐาน ทีตอนพันธมิตรฯ นัดชุมนุมเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการประกาศกฎหมายความมั่นคง แต่พอตอนเสื้อแดงประกาศชุมนุม กลับมีการประกาศทุกครั้ง

นายชัชวาลย์กล่าวว่า ตนคิดว่าปัญหาที่ทำให้ประเทศวุ่นวาย คือ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ปี 49 มีกลุ่มคนในกองทัพต้องการอยากแบ่งเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดจนถึงทุกวันนี้ แต่พอยังแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว เรื่องราวความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น

นายเทพมนตรีกล่าวว่า ตนอยากระบุถึงตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเยือนกัมพูชา และได้เดินทางไปที่ปราสาทนครวัด เพื่อไปหาหมอผี ให้ช่วยทำพิธีเสริมพลัง ซึ่งพอเสร็จได้เดินกลับออกมา ตนดูจากท่าทางการเดิน ทำให้รู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ค่อยแข็งแรง เดินหลังค่อม คล้ายคนเป็นโรคเจ้าฟ้ากุ้ง ที่ต่อมน้ำเหลืองไม่ดี ทั้งนี้ จากการที่ตนวิเคราะห์ คาดว่าเหตุที่อาการ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจาก เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ไปให้สัมภาษณ์กับ ไทมส์ ออนไลน์ แล้วพูดจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง จึงทำให้ตอนไปเยือนกัมพูชา ท่าทางไม่ค่อยสู้ดี ซึ่งสอดคล้องกับคำทำนายของบรรดาโหรมีชื่อ ที่ออกมาระบุว่า ปลายเดือนธันวาคมนี้ ประเทศไทยจะเกิดลูกไฟประหลาด ทางทิศตะวันออก ที่จะมีผลทำให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยบ้านเมืองจะกลับมาสุขสงบ

นายเทพมนตรีกล่าวว่า ถ้าหากยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ให้มาดูในช่วงเดือนเมษายนอีกครั้ง ซึ่งจะเกิดลูกไฟประหลาดอีกรอบ ทางทิศตะวันตก ซึ่งเหมือนเดิมเช่นเคย คือทำนายว่าบ้านเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลง คนที่จาบจ้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะต้องถูกกฎแห่งกรรมลงโทษ เพราะเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ได้พูดจาดูหมิ่นสถาบัน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เหล่าพราหมณ์ร่วมกันทำพิธีสาปแช่งคนไม่ดี โดยมีการทำพิธีบูชาไฟร่วมด้วย จึงเป็นที่มาของการจะเกิดลูกไฟประหลาดในช่วง 2 เดือนดังกล่าว ทั้งนี้ สิ่งเหล่านี้ตนอยากให้นักการเมืองชั่วได้สำนึกเอาไว้ และลองกลับไปตรองดูใหม่ว่า การไปร่วมมือกับคนคิดไม่ดีกับบ้านเมือง จะได้รับบทลงโทษอย่างไร ส่วนจุดจบของคนที่ถือเป็นปัญหาของประเทศ น่าจะเป็นเกิดจากทางอากาศ โดยถ้าให้ทำนาย น่าจะอยู่ไม่เกินเดือนเมษายน ปีหน้าแน่นอน

นายเทพมนตรีกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการลอบยิงเวทีพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา กระสุนได้ไปตกอยู่ด้านหลังเวที ซึ่งใกล้กับบริเวณวัดพระแก้ว โดยตนก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทางกระทรวงกลาโหม ทำไมไม่ออกมารับผิดชอบเรื่องดังกล่าว อีกทั้ง ยังออกมาปฏิเสธ ซึ่งหากเป็นในสมัยอดีตถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในปัจจุบันเทียบเท่ากับตำแหน่งเสนาบดีในสมัยก่อน ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งทันที เพราะถือเป็นการก่อเหตุร้ายในเขตพระราชฐาน เนื่องจากสมัยอดีต วัดพระแก้ว เคยเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระเจ้าแผ่นดินในหลายรัชกาล

นายเทพมนตรีกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนอยากขอเตือนเหล่าทหารที่ไม่จงรักภักดี ให้ระวังตัว เพราะในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีการเดินสวนสนามถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีการนำธงชัยเฉลิมพล มาร่วมพิธีด้วย ซึ่งทหารบางคนอาจจะไม่ทราบว่า ในธงดังกล่าวมีพระเกศาของพระเจ้าแผ่นดินติดอยู่ด้วย โดยคำสัตย์ที่เหล่าทหารได้ให้ไว้ ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ หากทหารคนใดไม่ปฏิบัติตามเช่นนั้นก็ต้องพบเจอกับสิ่งไม่เป็นมงคล และถูกสาปแช่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น