เคาะข่าวริมโขง : "นช.แม้ว" จ้อสื่อนอกจนได้เรื่อง พูดจาสามหาวจาบจ้วงสถาบันรุนแรง ใช้ถ้อยคำดึงฟ้าโน้มหาการเมือง ไม่หนำซ้ำ อวดอ้างเป็นที่รักประชาชนเยี่ยงพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งที่ปากตัวเอง ย้ำจงรักภักดี แต่การกระทำตรงข้าม ใช้ลิ่วล้อล้มล้างอำมาตย์ หมายชิ่งกระชิบฟ้า บังอาจคิดแทน "ในหลวง" ขอให้ล้างไพ่ใหม่ เพื่อยุติปัญหา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน โดยมี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการเชิญ นายประพันธ์ คูณมี และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวร้อนแรงที่น่าสนใจ ซึ่งหยิบยกกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ ของอังกฤษ โดยมี นายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี บรรณาธิการข่าวเอเชีย เดินทางไปถึงนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นว่า วันนี้หลังจากที่ เดอะ ไทมส์ ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่า สื่อทำหน้าที่บิดเบือน ตนเองไม่ได้กล่าวจาบจ้วงหรือพูดให้ร้ายสถาบัน ทำให้ เดอะ ไทมส์ ออกมาตอบโต้ด้วยการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ฉบับเต็ม แต่ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังดื้อไม่ยอมรับ กลับไหว้วานใช้สื่อลิ่วล้อ ระบุว่า ถอดคำต่อคำบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายประพันธ์ กล่าวเสริมประเด็นนี้ คำต่อคำของบทสัมภาษณ์ที่สื่อลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเผยแพร่ เป็นการคัดลอก หรือแปลความไม่หมด โดยตัดเอาประโยคที่หมิ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออก ซึ่งหากถ้าจะโทษกันจริงๆ สื่อไทย หรือสื่ออังกฤษ ที่เผยแพร่คำสัมภาษณ์นี้ ไม่ได้เป็นฝ่ายบิดเบือน สื่อลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างหากที่เป็นจอมบิดเบือนข้อมูลอย่างเท็จจริง
จากนั้น น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ออกมาต่อต้านระบอบทักษิณ มาโดยตลอด ซึ่งตั้งแต่ปี 2549 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศต่อหน้าผู้ชุมนุมให้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชอบอ้างเรื่องความเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ระบอบดังกล่าว ต้องมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่นิยามคำว่า ประชาธิปไตย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความต้องการนำสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ตั้งไว้เท่านั้น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่คนทุกคนต้องมาร่วมกัน อย่านิ่งเฉยดูดาย ต้องกล้าออกมาสู้กับความไม่ถูกต้อง ซึ่งครั้งนั้น นายสนธิ ได้ขอให้คนไทยทุกคนเลือกข้าง แต่ต้องเป็นข้างที่ถูกต้องด้วย
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องถอดหัวใจ แล้วหันกลับมามองปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดขึ้นจากความอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และอยากได้อำนาจ โดยเอาสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงแค่สัญญาลักษณ์ แต่บทบาทสำคัญตกมือใน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเหมือนกับการกระทำของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ปกครองกัมพูชาอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมา พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีหลายเหตุการณ์ ที่แสดงถึงความไม่จงรักภักดี ทั้งเมื่อครั้งมีการทำบุญประเทศ และทำพิธีในวัดพระแก้ว พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งจุดเดียวกับที่พระเจ้าแผ่นดินเคยประทับ หรือจะเป็นการส่งลิ่วล้อไปขับไล่องคมนตรี เพื่อให้กระทบกระเทือนไปถึงสถาบันเบื้องสูง ล่าสุด ยังไปให้สัมภาษณ์ เดอะ ไทมส์ โดยกล่าวจาบจ้วงและให้ร้ายพระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้ แสดงให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง หลังจากที่เมื่อก่อนเคยใช้แต่สมุนออกมาพูดจากระทบกระเทียบสถาบัน แต่เวลาชัดเจนแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงนิสัยที่แท้จริงออกมา
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เมื่ออดีตครั้งที่ประชาชนชาวรากหญ้าให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างบ้าคลั่ง เริ่มเกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่ทำให้เห็นถึงความไม่เหมาะสม คือ มีประชาชนรากหญ้า นำธงทรงพระเจริญมาโบก พร้อมกับก้มลงหมอบ เพื่อแสดงการต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อครั้งที่ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน ซึ่งภาพดังกล่าวหลังจากเผยแพร่ ทำให้มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนตอนที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จฯเยี่ยมเยียนราษฎรยังพื้นที่ต่างๆ โดยสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และไม่ควรกระทำ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล้าทำ ทั้งที่เป็นคนสามัญธรรมดา
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า ไม่เพียงเท่าที่ การเรืองอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากมีเงินแล้ว จะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีฝ่ายสนับสนุนหรือลิ่วล้อ คอยเป็นมือไม้ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น ท่านผู้หญิง วิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ชอบทำสถิติยอดเงินบริจาคถล่มทลาย แต่ไม่สนใจว่าเงินนั้นจะได้มาอย่างถูกต้องหรือโกงมา ซึ่งมักไปขอความช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มาร่วมบริจาคเพื่อเป็นการทำบุญ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีคนเห็นว่า ท่านผู้หญิงวิระยา กับนางศุภรัตน์ นาคบุญนำ เพิ่งลงจากเครื่องบิน หลังจากเดินทางไปนครดูไบ เพื่อไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ หรือจะเป็น เหล่าเตรียมทหารรุ่น 10 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ และบรรดาทหารที่เกษียณอีกจำนวนมากได้ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย อีกทั้งกล้าพูดว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่เป็นศัตรูกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีอายุขัยอยู่ได้อีกไม่นาน โดยคนไทยทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้ จะรู้เลยว่าพวกนี้หมายถึงใคร
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า บทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ มักจะแสดงออกถึงความอวดอ้างว่าเป็นที่รัก และต้องการของประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการเปรียบเทียบกับความรักของตัวเอง เทียมกับของประชาชนที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรากตรำทำงานหนักเพื่อคนไทยทุกคน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้ามาในแวดวงการเมืองแค่ไม่กี่ปี แต่กลับใช้เงินหว่าน ชอบสร้างภาพว่ามีประชาชนจำนวนมากคอยหนุนหลังตนเอง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เวลานี้มีข่าวจากกัมพูชาว่า นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช หรือ หมอมิ้ง กำลังตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางถึงกัมพูชา เพื่อไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พอดี
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า จากบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการอวดอ้างว่าตัวเองเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการการเมืองไทย โดยได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างท่วมท้น และได้เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัยติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน แต่ต่อมา เมื่อฝ่ายค้านทำหน้าที่ไม่ได้เรื่อง กลับกลายเป็นสื่อมวลชนที่เข้ามามีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ทำให้ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกจับตามองและตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า สื่อมวลชนเวลานั้น เสนอข่าวโจมตีตนเองอย่างไม่มีเหตุผล
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มกล่าวถึงสถาบัน โดยเล่าให้ นายริชาร์ด ผู้สื่อข่าว เดอะ ไทมส์ ฟังว่า เมื่อครั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรี เคยเผชิญหน้ากับลูกชายของ นายประชา เหตระกูล เจ้าของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ว่า ทำไมชอบนำเสนอข่าวด้านลบของตนเอง ซึ่งได้รับคำตอบมาว่า มีองคมนตรี 2 คนอยู่เบื้องหลัง เพราะต้องการ พ.ต.ท.ทักษิณ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าเมื่อได้ฟังคำตอบ ตนเองก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะไม่คิดว่าองคมนตรีทั้ง 2 คน จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า สื่อมวลชนขณะนั้นเสนอข่าวโจมตีอย่างไม่มีเหตุผล ตนอยากจะบอกว่า สมัยดังกล่าวเป็นช่วงที่สื่อมวลชนถูกแทรกแซงโดยอำนาจรัฐมากที่สุด เพราะสื่อแขนงไหนที่เสนอข่าวในแง่ลบ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะหาทางเล่นงาน ทั้งมีวิ่งล็อบบี้ไม่ให้คอลัมนิสต์หลายคนที่นำเสนอความจริงเรื่องการทุจริต ได้ตีพิมพ์ผลงานของตนเอง เนื่องจากเกรงว่าคนอื่นจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายริชาร์ด ถาม ในเมื่อตอนแรกบอกไม่เชื่อ แต่ทำไมตอนนี้ถึงเชื่อว่าองคมนตรี มีอคติกับตนเอง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า มีหลายครั้งที่องคมนตรีอยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือ โดยไปบอกว่าตนไม่รักสถาบัน อยากเป็นประธานาธิบดี ทั้งที่ตนเป็นผู้นำประเทศคนแรกที่ได้ถวายสัตย์ฯจะจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งทุกครั้งที่ตนได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แสดงความนอบน้อม และจำได้ว่าตั้งแต่เด็กตนคิดเสมอว่าเป็นข้าในพระองค์คอยรับใช้งาน นอกจากนี้ ยังร้องขอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากมีสิ่งใดที่ยังรู้ให้ช่วยทรงสอน และให้พระองค์ท่านคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเหมือนลูกเหมือนหลาน โดยตนเองจะตั้งใจทำงานหนักเพื่อคนไทย เพราะเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงเหนื่อยพระวรกายมากนานแล้ว อีกทั้งยังทรงชราภาพด้วยพระชนมายุ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้วิงวอนให้พระองค์ท่านเลือกใช้ตนเอง เพื่อจัดการปัญหาประเทศแทนพระองค์
“พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า เมื่อก่อนทำงานหนักมาก แต่ก็ได้รับคะแนนความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนต่อมากลายเป็นปัญหา เพราะมีฝ่ายที่ไม่หวังดี ออกมาปล่อยข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากเป็นประธานาธิบดีและมีความคิดล้มสถาบัน” น.ส.อัญชะลี กล่าว
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า นายริชาร์ด ถามต่อว่า ในความนิยมของประชาชน ระหว่างพระเจ้าแผ่นดิน กับตนเอง ใครสูงกว่ากัน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า ต้องแยกแยะออกให้ชัดเจน โดยคนที่รักชอบตน สามารถสัมผัสจับต้องตัวจริงได้ และให้ความกินดีอยู่ดี สิ่งเหล่านี้แตกต่างกัน เพราะความรักพระเจ้าแผ่นดิน อาจจับต้องไม่ได้ เพราะเป็นเหมือนเทพเจ้า ที่ไม่สามารถสัมผัสตัวตนได้ ซึ่งความรักดังกล่าว ทำให้เกิดความทับซ้อนด้านความรู้สึก และเป็นที่มาของปัญหาทั้งหมด
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า นายริชาร์ด ถามว่า จริงหรือไม่ที่ไทยมีพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า คนไทยนับถือพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เปรียบเสมือนเทพเจ้า แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่สำคัญกว่า ซึ่งรายล้อมอยู่ในราชสำนัก โดยพวกนี้มักชอบสร้างอิทธิพล ทั้งที่หากจะพูดกันตามความจริงก็เป็นข้าราชการที่เกษียณไปแล้ว ซึ่งพวกนี้ ชอบเอาอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินมาสร้างอิทธิพลให้แก่ตนเอง
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า นายริชาร์ด ถามต่อว่า องคมนตรีและข้าราชบริพาร สามารถอยู่เหนือพระเจ้าแผ่นดินได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า ไม่ได้มีแค่นั้น แต่ยังมีนางสนองพระโอษฐ์บางคนรวมอยู่ด้วย ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าปัญหานี้แท้จริงแล้วสำคัญมาก และมีอิทธิพลสูง เป็นต้นเหตุทำให้การเมืองไทยมีความซับซ้อน ไม่เหมือนกับประเทศอังกฤษ หรือญี่ปุ่น ที่สถาบันจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองไม่ได้
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายริชาร์ด ถามต่อว่า ฟังดูแล้ว ราชวงศ์ยังเป็นสิ่งที่ดีอยู่ แต่องคมนตรีเป็นสถาบันที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ใช่ แต่ทุกอย่างต้องทำภายใต้กฎหมาย ซึ่งต้องยอมรับว่ากระบวนการยุติธรรมไทยถูกแทรกแซงทำให้ขาดมาตรฐานในการตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทหารที่เข้ามามีบทบาท ทั้งที่จริงแล้วประชาชนสมควรจะได้รับอำนาจดังกล่าวอยู่ในมือ ไม่ใช่เวลามีปัญหาอะไรก็ลากรถถังมาแก้ปัญหา
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้คนแตกแยกเป็นสองฝ่ายชัดเจน สิ่งเหล่านี้สามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องโทษรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่มีจุดยืนและไม่น่าเชื่อถือ ถือว่าเป็นพวกที่เข้ามาขโมยอำนาจของตนเอง พวกนี้มีนิสัยชอบปล้นอำนาจไปจากประชาชน ส่วนหนทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ทำได้เมื่อ พระเจ้าแผ่นดิน ต้องเรียกทั้งสองฝ่ายที่มีปัญหากันมาพูดคุยและจบเกม เพื่อเริ่มต้นเลือกตั้งใหม่ โดยต้องให้อภัยความผิดทุกฝ่าย จะได้ชำระล้างทุกอย่างให้จบลง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายริชาร์ด จี้คำถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า หากได้มีโอกาสเจอพระเจ้าแผ่นดิน อยากจะสื่อสารอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า เวลานี้ถึงเวลาต้องพระราชทานความสุขให้แก่ประชาชน จะได้อยู่กันอย่างมีความสุข โดยต้องให้อภัยและให้ความรัก รวมทั้งขอให้ทุกคนถอยหลังกลับไปสู่จุดเดิม พร้อมทั้งเดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญใหม่
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวพาดพิงถึงพันธมิตรฯ และน้องโบว์ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ วีรสตรีพันธมิตรฯ ด้วย
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า จากนั้น นายริชาร์ด ได้ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อว่า เวลานี้คิดว่า ทำไมพระเจ้าแผ่นดิน ถึงไม่ลงมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า คิดว่าน่าจะมาจากปัญหาด้านสุขภาพ ที่ยังไม่ค่อยแข็งแรง ซึ่งถ้าหากต่อไปดีขึ้น ก็หวังว่า จะไม่ปล่อยให้ประเทศเดินหน้าต่อไปเช่นนี้ เพราะเวลานี้ คนไทยต้องการอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวว่า ต่อไปในอนาคนราชสำนักจะเล็กลง ซึ่งก็ต้องเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และต้องมองว่า ยังเป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่อยู่หรือไม่ ต่อจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ร่ายพูดถึงเหตุการณ์ปฏิวัติที่ทำให้ต้องหลุดพ้นจากอำนาจ จนต้องออกไประหกระเหเร่ร่อนในต่างประเทศ โดยกล่าวปิดท้ายว่า ไม่รู้ว่าจะได้กลับประเทศไทยเมื่อไหร่ แต่อนาคตประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
อนึ่ง ล่าสุด ทางรัฐบาลไทยได้ประสานขอเทปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ กับทาง เดอะ ไทมส์ เพื่อหาช่องทางในการเอาผิดอดีตนายกรัฐมนตรี ฐานหมิ่นเบื้องสูง ดึงสถาบันที่คนไทยเคารพรักมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ซึ่งถือเป็นเรื่องไม่บังควรอย่างรุนแรง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน โดยมี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการเชิญ นายประพันธ์ คูณมี และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวร้อนแรงที่น่าสนใจ ซึ่งหยิบยกกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ ของอังกฤษ โดยมี นายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี บรรณาธิการข่าวเอเชีย เดินทางไปถึงนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นว่า วันนี้หลังจากที่ เดอะ ไทมส์ ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่า สื่อทำหน้าที่บิดเบือน ตนเองไม่ได้กล่าวจาบจ้วงหรือพูดให้ร้ายสถาบัน ทำให้ เดอะ ไทมส์ ออกมาตอบโต้ด้วยการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ฉบับเต็ม แต่ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังดื้อไม่ยอมรับ กลับไหว้วานใช้สื่อลิ่วล้อ ระบุว่า ถอดคำต่อคำบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายประพันธ์ กล่าวเสริมประเด็นนี้ คำต่อคำของบทสัมภาษณ์ที่สื่อลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเผยแพร่ เป็นการคัดลอก หรือแปลความไม่หมด โดยตัดเอาประโยคที่หมิ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออก ซึ่งหากถ้าจะโทษกันจริงๆ สื่อไทย หรือสื่ออังกฤษ ที่เผยแพร่คำสัมภาษณ์นี้ ไม่ได้เป็นฝ่ายบิดเบือน สื่อลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างหากที่เป็นจอมบิดเบือนข้อมูลอย่างเท็จจริง
จากนั้น น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ออกมาต่อต้านระบอบทักษิณ มาโดยตลอด ซึ่งตั้งแต่ปี 2549 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศต่อหน้าผู้ชุมนุมให้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชอบอ้างเรื่องความเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ระบอบดังกล่าว ต้องมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่นิยามคำว่า ประชาธิปไตย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความต้องการนำสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ตั้งไว้เท่านั้น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่คนทุกคนต้องมาร่วมกัน อย่านิ่งเฉยดูดาย ต้องกล้าออกมาสู้กับความไม่ถูกต้อง ซึ่งครั้งนั้น นายสนธิ ได้ขอให้คนไทยทุกคนเลือกข้าง แต่ต้องเป็นข้างที่ถูกต้องด้วย
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องถอดหัวใจ แล้วหันกลับมามองปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดขึ้นจากความอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และอยากได้อำนาจ โดยเอาสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงแค่สัญญาลักษณ์ แต่บทบาทสำคัญตกมือใน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเหมือนกับการกระทำของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ปกครองกัมพูชาอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมา พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีหลายเหตุการณ์ ที่แสดงถึงความไม่จงรักภักดี ทั้งเมื่อครั้งมีการทำบุญประเทศ และทำพิธีในวัดพระแก้ว พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งจุดเดียวกับที่พระเจ้าแผ่นดินเคยประทับ หรือจะเป็นการส่งลิ่วล้อไปขับไล่องคมนตรี เพื่อให้กระทบกระเทือนไปถึงสถาบันเบื้องสูง ล่าสุด ยังไปให้สัมภาษณ์ เดอะ ไทมส์ โดยกล่าวจาบจ้วงและให้ร้ายพระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้ แสดงให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง หลังจากที่เมื่อก่อนเคยใช้แต่สมุนออกมาพูดจากระทบกระเทียบสถาบัน แต่เวลาชัดเจนแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงนิสัยที่แท้จริงออกมา
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เมื่ออดีตครั้งที่ประชาชนชาวรากหญ้าให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างบ้าคลั่ง เริ่มเกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่ทำให้เห็นถึงความไม่เหมาะสม คือ มีประชาชนรากหญ้า นำธงทรงพระเจริญมาโบก พร้อมกับก้มลงหมอบ เพื่อแสดงการต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อครั้งที่ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน ซึ่งภาพดังกล่าวหลังจากเผยแพร่ ทำให้มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนตอนที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จฯเยี่ยมเยียนราษฎรยังพื้นที่ต่างๆ โดยสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และไม่ควรกระทำ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล้าทำ ทั้งที่เป็นคนสามัญธรรมดา
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า ไม่เพียงเท่าที่ การเรืองอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากมีเงินแล้ว จะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีฝ่ายสนับสนุนหรือลิ่วล้อ คอยเป็นมือไม้ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น ท่านผู้หญิง วิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ชอบทำสถิติยอดเงินบริจาคถล่มทลาย แต่ไม่สนใจว่าเงินนั้นจะได้มาอย่างถูกต้องหรือโกงมา ซึ่งมักไปขอความช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มาร่วมบริจาคเพื่อเป็นการทำบุญ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีคนเห็นว่า ท่านผู้หญิงวิระยา กับนางศุภรัตน์ นาคบุญนำ เพิ่งลงจากเครื่องบิน หลังจากเดินทางไปนครดูไบ เพื่อไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ หรือจะเป็น เหล่าเตรียมทหารรุ่น 10 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ และบรรดาทหารที่เกษียณอีกจำนวนมากได้ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย อีกทั้งกล้าพูดว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่เป็นศัตรูกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีอายุขัยอยู่ได้อีกไม่นาน โดยคนไทยทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้ จะรู้เลยว่าพวกนี้หมายถึงใคร
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า บทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ มักจะแสดงออกถึงความอวดอ้างว่าเป็นที่รัก และต้องการของประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการเปรียบเทียบกับความรักของตัวเอง เทียมกับของประชาชนที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรากตรำทำงานหนักเพื่อคนไทยทุกคน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้ามาในแวดวงการเมืองแค่ไม่กี่ปี แต่กลับใช้เงินหว่าน ชอบสร้างภาพว่ามีประชาชนจำนวนมากคอยหนุนหลังตนเอง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เวลานี้มีข่าวจากกัมพูชาว่า นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช หรือ หมอมิ้ง กำลังตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางถึงกัมพูชา เพื่อไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พอดี
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า จากบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการอวดอ้างว่าตัวเองเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการการเมืองไทย โดยได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างท่วมท้น และได้เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัยติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน แต่ต่อมา เมื่อฝ่ายค้านทำหน้าที่ไม่ได้เรื่อง กลับกลายเป็นสื่อมวลชนที่เข้ามามีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ทำให้ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกจับตามองและตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า สื่อมวลชนเวลานั้น เสนอข่าวโจมตีตนเองอย่างไม่มีเหตุผล
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มกล่าวถึงสถาบัน โดยเล่าให้ นายริชาร์ด ผู้สื่อข่าว เดอะ ไทมส์ ฟังว่า เมื่อครั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรี เคยเผชิญหน้ากับลูกชายของ นายประชา เหตระกูล เจ้าของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ว่า ทำไมชอบนำเสนอข่าวด้านลบของตนเอง ซึ่งได้รับคำตอบมาว่า มีองคมนตรี 2 คนอยู่เบื้องหลัง เพราะต้องการ พ.ต.ท.ทักษิณ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าเมื่อได้ฟังคำตอบ ตนเองก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะไม่คิดว่าองคมนตรีทั้ง 2 คน จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า สื่อมวลชนขณะนั้นเสนอข่าวโจมตีอย่างไม่มีเหตุผล ตนอยากจะบอกว่า สมัยดังกล่าวเป็นช่วงที่สื่อมวลชนถูกแทรกแซงโดยอำนาจรัฐมากที่สุด เพราะสื่อแขนงไหนที่เสนอข่าวในแง่ลบ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะหาทางเล่นงาน ทั้งมีวิ่งล็อบบี้ไม่ให้คอลัมนิสต์หลายคนที่นำเสนอความจริงเรื่องการทุจริต ได้ตีพิมพ์ผลงานของตนเอง เนื่องจากเกรงว่าคนอื่นจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายริชาร์ด ถาม ในเมื่อตอนแรกบอกไม่เชื่อ แต่ทำไมตอนนี้ถึงเชื่อว่าองคมนตรี มีอคติกับตนเอง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า มีหลายครั้งที่องคมนตรีอยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือ โดยไปบอกว่าตนไม่รักสถาบัน อยากเป็นประธานาธิบดี ทั้งที่ตนเป็นผู้นำประเทศคนแรกที่ได้ถวายสัตย์ฯจะจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งทุกครั้งที่ตนได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แสดงความนอบน้อม และจำได้ว่าตั้งแต่เด็กตนคิดเสมอว่าเป็นข้าในพระองค์คอยรับใช้งาน นอกจากนี้ ยังร้องขอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากมีสิ่งใดที่ยังรู้ให้ช่วยทรงสอน และให้พระองค์ท่านคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเหมือนลูกเหมือนหลาน โดยตนเองจะตั้งใจทำงานหนักเพื่อคนไทย เพราะเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงเหนื่อยพระวรกายมากนานแล้ว อีกทั้งยังทรงชราภาพด้วยพระชนมายุ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้วิงวอนให้พระองค์ท่านเลือกใช้ตนเอง เพื่อจัดการปัญหาประเทศแทนพระองค์
“พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า เมื่อก่อนทำงานหนักมาก แต่ก็ได้รับคะแนนความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนต่อมากลายเป็นปัญหา เพราะมีฝ่ายที่ไม่หวังดี ออกมาปล่อยข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากเป็นประธานาธิบดีและมีความคิดล้มสถาบัน” น.ส.อัญชะลี กล่าว
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า นายริชาร์ด ถามต่อว่า ในความนิยมของประชาชน ระหว่างพระเจ้าแผ่นดิน กับตนเอง ใครสูงกว่ากัน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า ต้องแยกแยะออกให้ชัดเจน โดยคนที่รักชอบตน สามารถสัมผัสจับต้องตัวจริงได้ และให้ความกินดีอยู่ดี สิ่งเหล่านี้แตกต่างกัน เพราะความรักพระเจ้าแผ่นดิน อาจจับต้องไม่ได้ เพราะเป็นเหมือนเทพเจ้า ที่ไม่สามารถสัมผัสตัวตนได้ ซึ่งความรักดังกล่าว ทำให้เกิดความทับซ้อนด้านความรู้สึก และเป็นที่มาของปัญหาทั้งหมด
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า นายริชาร์ด ถามว่า จริงหรือไม่ที่ไทยมีพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า คนไทยนับถือพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เปรียบเสมือนเทพเจ้า แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่สำคัญกว่า ซึ่งรายล้อมอยู่ในราชสำนัก โดยพวกนี้มักชอบสร้างอิทธิพล ทั้งที่หากจะพูดกันตามความจริงก็เป็นข้าราชการที่เกษียณไปแล้ว ซึ่งพวกนี้ ชอบเอาอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินมาสร้างอิทธิพลให้แก่ตนเอง
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า นายริชาร์ด ถามต่อว่า องคมนตรีและข้าราชบริพาร สามารถอยู่เหนือพระเจ้าแผ่นดินได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า ไม่ได้มีแค่นั้น แต่ยังมีนางสนองพระโอษฐ์บางคนรวมอยู่ด้วย ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าปัญหานี้แท้จริงแล้วสำคัญมาก และมีอิทธิพลสูง เป็นต้นเหตุทำให้การเมืองไทยมีความซับซ้อน ไม่เหมือนกับประเทศอังกฤษ หรือญี่ปุ่น ที่สถาบันจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองไม่ได้
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายริชาร์ด ถามต่อว่า ฟังดูแล้ว ราชวงศ์ยังเป็นสิ่งที่ดีอยู่ แต่องคมนตรีเป็นสถาบันที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ใช่ แต่ทุกอย่างต้องทำภายใต้กฎหมาย ซึ่งต้องยอมรับว่ากระบวนการยุติธรรมไทยถูกแทรกแซงทำให้ขาดมาตรฐานในการตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทหารที่เข้ามามีบทบาท ทั้งที่จริงแล้วประชาชนสมควรจะได้รับอำนาจดังกล่าวอยู่ในมือ ไม่ใช่เวลามีปัญหาอะไรก็ลากรถถังมาแก้ปัญหา
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้คนแตกแยกเป็นสองฝ่ายชัดเจน สิ่งเหล่านี้สามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องโทษรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่มีจุดยืนและไม่น่าเชื่อถือ ถือว่าเป็นพวกที่เข้ามาขโมยอำนาจของตนเอง พวกนี้มีนิสัยชอบปล้นอำนาจไปจากประชาชน ส่วนหนทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ทำได้เมื่อ พระเจ้าแผ่นดิน ต้องเรียกทั้งสองฝ่ายที่มีปัญหากันมาพูดคุยและจบเกม เพื่อเริ่มต้นเลือกตั้งใหม่ โดยต้องให้อภัยความผิดทุกฝ่าย จะได้ชำระล้างทุกอย่างให้จบลง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายริชาร์ด จี้คำถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า หากได้มีโอกาสเจอพระเจ้าแผ่นดิน อยากจะสื่อสารอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า เวลานี้ถึงเวลาต้องพระราชทานความสุขให้แก่ประชาชน จะได้อยู่กันอย่างมีความสุข โดยต้องให้อภัยและให้ความรัก รวมทั้งขอให้ทุกคนถอยหลังกลับไปสู่จุดเดิม พร้อมทั้งเดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญใหม่
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวพาดพิงถึงพันธมิตรฯ และน้องโบว์ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ วีรสตรีพันธมิตรฯ ด้วย
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า จากนั้น นายริชาร์ด ได้ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อว่า เวลานี้คิดว่า ทำไมพระเจ้าแผ่นดิน ถึงไม่ลงมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า คิดว่าน่าจะมาจากปัญหาด้านสุขภาพ ที่ยังไม่ค่อยแข็งแรง ซึ่งถ้าหากต่อไปดีขึ้น ก็หวังว่า จะไม่ปล่อยให้ประเทศเดินหน้าต่อไปเช่นนี้ เพราะเวลานี้ คนไทยต้องการอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวว่า ต่อไปในอนาคนราชสำนักจะเล็กลง ซึ่งก็ต้องเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และต้องมองว่า ยังเป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่อยู่หรือไม่ ต่อจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ร่ายพูดถึงเหตุการณ์ปฏิวัติที่ทำให้ต้องหลุดพ้นจากอำนาจ จนต้องออกไประหกระเหเร่ร่อนในต่างประเทศ โดยกล่าวปิดท้ายว่า ไม่รู้ว่าจะได้กลับประเทศไทยเมื่อไหร่ แต่อนาคตประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
อนึ่ง ล่าสุด ทางรัฐบาลไทยได้ประสานขอเทปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ กับทาง เดอะ ไทมส์ เพื่อหาช่องทางในการเอาผิดอดีตนายกรัฐมนตรี ฐานหมิ่นเบื้องสูง ดึงสถาบันที่คนไทยเคารพรักมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ซึ่งถือเป็นเรื่องไม่บังควรอย่างรุนแรง