xs
xsm
sm
md
lg

"ฮุนเซน"หงายไพ่อุ้ม "เจ้ามูลเมือง" ย่ำยีกระบวนการยุติธรรมไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนเดินสาร-- ภาพถ่ายวันที่ 13 ต.ค.2552 นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฯ ฮุนเซน ต้อรับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่บ้านพักส่วนตัวในเมืองตาขะเมา จ.กันดาล ซึ่งอยู่ชานกรุงพนมเปญ  สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวว่า จะจัดที่พักถาวรให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็น เพื่อนชั่วนิรันดร และ อนุญาตให้นักโทษหลบหนีคดีจากไทยเดินทางเข้ากัมพูชาได้ทุกเมื่อ
การไปเยือนกัมพูชาของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สัปดาห์ปลายเดือน ต.ค.นี้ ได้สร้างความกระจ่างสำหรับข้อสงสัยที่ว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน นึกคิดอย่างไรกับประเทศไทย และ กำลังเล่นอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีอาญาแผ่นดินที่ประเทศไทยกำลังตามล่า เพื่อนำกลับมารับโทษอยู่ในขณะนี้

นายกรัฐมนตรีกัมพูชาบอกกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยที่ไปเยือนเมื่อวันพุธ (21 ต.ค.) ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเป็น "เพื่อนตลอดกาล" และพร้อมจะให้เดินทางเข้าได้ทุกเมื่อ โดยได้จัดเตรียม "บ้านพักหลังใหญ่สวยหรู" เอาไว้ให้

เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ พล.อ.ชวลิต ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อย่างออกรส ยกย่องผู้นำเขมรที่มีความสงสารและเห็นอกเห็นใจนักโทษจากประเทศไทย ที่เป็นเพื่อนเก่าแก่ .. "โดยเฉพาะภรรยา (บุนรานี) ถึงกับพูดไปร้องไห้ไป"

ความจริงแล้วสมเด็จฯ ฮุนเซนสามารถบอกเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณได้โดยตรงทุกเมื่อ สองฝ่ายติดต่อสายตรงถึงกันมาตลอด การบอกเรื่องนี้กับ พล.อ.ชวลิต จึงมีนัยสำคัญ ไม่ใช่การส่งข่าวไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ หากเป็นการส่งผ่านไปถึงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

งานนี้เรียกว่า ย่ำยีศักดิ์ศรีรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์อย่างรุนแรงจนแทบต้องแทรกแผ่นดินหนี

เลือกข้าง-เผชิญหน้ากับไทย

สารที่ พล.อ.ชวลิต นำกลับจากกัมพูชา ได้บอกรัฐบาลของนายอภิสิทธ์อย่างตรงไปตรงมาว่า ผู้นำเขมรได้เลือกที่จะอยู่ข้างฝ่ายพรรคเพื่อไทย กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป้าหมายที่ไกลกว่านั้นอาจจะรวมหมายถึงว่า พร้อมจะให้การสนับสนุนการล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และทำทุกทางเพื่อบั่นทอนเสถียรภาพ ช่วยพรรคเพื่อไทยกับเพื่อนเก่าให้กลับมีอำนาจอีกครั้ง

สมเด็จฯ ฮุนเซนเคยให้สัมภาษณ์อย่างเกรี้ยวกราด ไม่พอใจที่นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแผนการที่จะขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารร่วมกับฝ่ายกัมพูชา สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวว่าระหว่างพบเจรจากันอย่างเป็นทางการในนายกฯ ของไทยไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สมเด็จฯ ฮุนเซนใช้ท่าทีอันแข็งกร้าวกับไทยผ่านสื่อต่างๆ มาโดยตลอด และในบางครั้งก็เล่นซึ่งๆ หน้า โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เจอมาแล้ว ในการกลับไปกรุงพนมเปญครั้งที่ 2 เดือน ก.ค.ปีนี้

สมเด็จฯ ฮุนเซน ขู่จะยิงเครื่องบินไทยที่บินล้ำน่านฟ้าด้วยขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน และในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาก็ได้สั่งทหารทุกหน่วยที่ชายแดน ให้ยิงคนไทยทุกคนที่ "ล้ำแดน" ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน

ไม่นานมานี้ก็ได้ประกาศก้องในที่ประชุมบัณฑิตใหม่หลายร้อยคนว่า ถ้าหากนายกรัฐมนตรีของไทยนำแผนที่ชายแดนที่จัดทำขึ้นเองไปกางบนโต๊ะเจรจา ตนก็จะฉีกแผนที่ดังกล่าวทิ้งต่อหน้า

วันที่ 13 ต.ค. ในพิธีสวนสนามฉลองการก่อตั้งหน่วยรบแห่งหนึ่งซึ่งสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นประธาน ได้มีการนำเขี้ยวเล็บออกอวดโฉมอย่างจงใจ มีการเชิญสำนักข่าวทั้งในและต่างประเทศไปร่วมพิธีคับคั่ง สิ่งที่นำออกอวดยังรวมทั้งขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานที่เคยกล่าวถึงด้วย

ในสายตาของสมเด็จฯ ฮุนเซน รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์เป็นต้นเหตุแห่งความยุ่งยากทุกอย่าง เป็นเพรัฐบาลไทยเพียงชุดเดียวคณะเดียวที่ลุกขึ้นมาทวงสิทธิเหนือ "เขตทับซ้อน" รอบๆ ปราสาทพระวิหาร ขณะที่รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้ยกผืนดินทั้งหมดให้กัมพูชาแล้วโดยนิตินัย ผ่านแถลงการณ์ร่วมฉบับหนึ่งที่สนับสนุนการเข็นปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ยังแตกต่างจากรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามฝ่ายกัมพูชามากกว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน ทราบดีว่านายสมชายซึ่งเป็นน้องเขย คือร่างทรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ

ผู้นำกัมพูชาอาจจะคิดคำนวณเรื่องนี้และตัดสินใจมานานแล้ว การกลับเข้าสู่การเมืองในฐานะประธานพรรคเพื่อไทยของ พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็น "เพื่อนเก่า" ที่คุ้นเคยและมีความใกล้ชิดกันอย่างดีตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมือง ย่อมทำให้ตัดสินใจเลือกข้างได้ไม่ยาก

และล่าสุดสมเด็จฯ ฮุนเซนก็แผลงฤทธิ์อีกครั้งด้วยการไม่เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ทวิตเตอร์ขอบคุณ สมเด็จฯ ฮุนเซน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์

อะไรทำให้รักกันปานจะกลืน?

ต้นปี 2546 ผู้ประท้วงบุกเผาสถานทูตไทยในพนมเปญ บุกพังร้านค้าของคนไทย ฉกฉวยเอาทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ไป พ.ต.ท.ทักษิณนายกรัฐมนตรีขณะนั้นได้แสดงความโกรธแค้นผ่านทางโทรทัศน์ พร้อมประกาศจะส่งคอมมานโดบุกเข้าถึงสถานทูต

รัฐบาลไทยได้ส่งทหารอาวุธครบมือพร้อมรถฮัมวี่ 2 คัน ไปในเครื่องบินซี 130 ที่ส่งไปรับคนไทยออกจากกรุงพนมเปญด้วย

ท่าทีอันแข็งกร้าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากแวดวงนักวิชาการ แต่ก็ทำคะแนนนิยมจากชาวไทยอย่างมากมาย ในช่วงปีแห่งข้าวใหม่ปลามัน

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เผาสถานทูตดูจะเป็นเพียง "อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ" ในความสัมพันธ์ฮุนเซน-ทักษิณ เนื่องจากมีผลประโยชน์ที่ใหญ่โตกว่า รออยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง

ก่อนเกิดเหตุจลาจลดังกล่าว รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เริ่มเจรจาแบ่งปันน้ำมันและก๊าซในเขตทับซ้อนอ่าวไทยกับฝ่ายกัมพูชาแล้ว สองฝ่ายได้สานต่อเจรจาเรื่องนี้อีก เหตุการณ์จลาจลค่อยๆ เลือนไปจากความทรงจำของชาวไทยที่ลืมง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ในช่วงเดียวกันก็เริ่มมีข่าวเล่าลือหนาหูว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขอสัมปทานเกาะกง เพื่อพัฒนาเป็นอะไรต่อมิอะไรสารพัด รวมทั้งเป็นฐานธุรกิจน้ำมันในเขตทับซ้อนอ่าวไทย ที่และ ว่ากันว่าครั้งนั้นได้มีการเชื้อเชิญโมฮาเหม็ด อัล ฟาอิด (Mohamed al-Fayed) เพื่อนซี้จากตะวันออกกลาง เจ้าของห้างแฮร์รอดในกรุงลอนดอน กลับไปร่วมทุนอีกครั้ง

นั่นคือปี 2547 ซึ่งเริ่มมีข่าวเล่าลือ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังจะขายกลุ่มชินคอร์ปให้กับบริษัทเทมาเสกของสิงคโปร์ และในขณะนั้นก็ยังไม่มีคนเชื่อข่าวนี้มากนัก

ดูเหมือนเรื่องบ่อน้ำมันจะยังไม่ลงตัว ในกรุงเทพฯ ได้เกิดมี "คนรู้ทันทักษิณ" ขึ้นมาขัดจังหวะ การประท้วงต่อต้านกลโกงของรัฐบาลทักษิณแผ่ลามออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟไหม้ลามทุ่ง นำไปสู่การรัฐประหารในอีก 2 ปีต่อมา

เรื่องทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับเกาะกงไม่ใช่ข่าวลือ พล.อ.เตียบัญ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาให้สัมภาษณ์ในพิธีเปิดใช้ถนนสายเกาะกง-เสรอัมเบลในเดือน พ.ค.2551 โดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สนใจจะขอเช่าเกาะใหญ่ในอ่าวไทย เพื่อลงทุนพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และอีกหลายโครงการ

แต่เรื่องผลประโยชน์สองฝ่ายอาจจะไม่ได้หยุดอยู่ในทะเล ในปลายปี 2551 หนังสือพิมพ์ "สรัญขะแมร์" ในกรุงพนมเปญ ได้พยายามแคะข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทต่างชาติที่จะเข้าไปลงทุนโครงการต่างๆ ใน จ.พระวิหาร หลังขึ้นทะเบียนปราสาทเก่าแก่เป็นมรดกโลก

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ระบุว่า "บริษัทพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ของนักการเมืองในประเทศไทย" ได้ขอสัมปทานพื้นที่นับหมื่นเฮกตาร์ (นับแสนๆไร่)

ยังไม่เคยมีการเปิดเผยชื่อ บริษัทพัฒนาที่ดินแห่งนี้ และ ไม่เคยปรากฏเป็นข่าวอีกเลย หลังจากหนังสือพิมพ์สรัญขะแมร์ปิดตัวเองลง ด้วยแรงกดดันทางการเมือง

สำหรับสมเด็จฯ ฮุนเซน ความสัมพันธ์ฉันท์ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านได้คืบสู่การเป็นหุ้นส่วน บน พื้นฐานที่ฝ่ายหนึ่งมีเงินมหาศาล กับอีกฝ่ายเป็นผู้คุมทรัพยากร ที่เชื่อว่ามีมูลค่ามหาศาลเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ บ่อน้ำมันอ่าวไทย

หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกโค่นลงจากอำนาจวันที่ 19 ก.ย.2549 สมเด็จฯ ฮุนเซนยังคงโทรศัพท์พูดคุยกับ "เพื่อนเก่า" อยู่เสมอ และบุบเพสันนิวาสทำให้สองฝ่ายได้พบกับอีกครั้งหนึ่งในเดือน เม.ย.2551 ซึ่งทำให้เกิด "ก๊วนกอล์ฟเสียมราฐ" อันเลื่องลือขึ้นมา มีการเผยแพร่ภาพไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตามในเดือน ส.ค.2551 ศาลฎีกาแผนกคดีนักการเมือง ได้ตัดสินลงโทษจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปีในกรณีอื้อฉาว ที่เรียกกันทั่วไปว่า "คดีที่ดินรัชดาฯ"

ท่าทีชัดเจน-ลั่นกลองรบ

สมเด็จฯ ฮุนเซน อยู่ในอำนาจติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2522 ในคณะรัฐบาลที่เวียดนามจัดตั้งขึ้น หลังขับไล่เขมรแดงออกจากกรุงพนมเปญ และอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีติดต่อกันมาเป็นปีที่ 24 เจ้าตัวประกาศจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป "จนอายุ 90" หรือ จนกว่าชาวกัมพูชาจะไม่เลือก แต่ทุกอย่างมีแนวโน้มที่สดใส

ทั้งนี้สมเด็จฯ ฮุนเซนจะต้องขอบคุณรัฐบาลของนายสมัครที่มีนายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ช่วยให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารอย่างง่ายดายในเดือน ก.ค.2551 ทำให้พรรคประชาชนกัมพูชาชนะการเลือกตั้งอย่างท้วมท้นเป็นครั้งแรกในเดือน ส.ค.ปีเดียวกัน

สมเด็จฯ ฮุนเซน เชื่อว่า ยังมีเพื่อนดีๆ แบบนี้อีกมากมายในกรุงเทพฯ รวมทั้งเพื่อนที่ไม่ค่อยจะมีเครดิตอะไรคนหนึ่ง ที่อุตส่าห์ส่งเทปบันทึกฉากที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตีต่างประเทศก่นด่าขณะปราศรัยอย่างออกรสบนเวทีประท้วง ไปให้ดูถึงพนมเปญ

นอกจากนั้นบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ก็ยังมีการตบเท้าเขย่าบัลลังก์รัฐบาลนายอภิสิทธิ์อยู่เป็นระยะๆ ไม่มีท่าทีจะสงบง่ายๆ ตราบเท่าที่ยังมีเงินทองต่อเข้าท่อน้ำเลี้ยงไม่เคยขาด ละยังไม่มีผู้ใดทราบว่ารัฐบาลจะมีมาตรการสัมฤทธิ์ผลอย่างไรจัดการกับปัญหานี้

การประกาศกับ พล.อ.ชวลิต เป็นการยืนยันความเชื่อมั่นว่า มีโอกาสอย่างสูงที่การเมืองในประเทศไทยจะพลิกผัน และ "เพื่อนตลอดกาล" จะกลับมีอำนาจอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมบารมีให้สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้อยู่ในอำนาจยั่งยืนนานสมความปรารถนา

และการแบ่งปันผลประโยชน์ลงตัว.
ภาพเมื่อครั้งที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าพบสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยพยายามอย่างหนักที่จะคลี่ปมปัญหาที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล
คึกคักสนุกปาก-- สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นประธานในพิธีสวนสนามฉลองครบรอบการก่อตั้งกองพลน้อยที่ 70 ในที่ตั้งชานกรุงพนมเปญวันที่ 13 ต.ค.2552 ผู้นำกัมพูช่าใช้วิธีข่มขู่ยั่วยุรัฐบาลไทยมาตลอด ในที่สุดก็ได้หงายไพ่ออกมาให้เห็น.
กำลังโหลดความคิดเห็น