ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สื่อในกัมพูชายังคงรายงานรายละเอียดบางส่วนจากการพบปะ ระหว่างสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งล่าสุดผู้นำกัมพูชาได้แจ้งเตือนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงกับ รมว.กลาโหมของไทย ให้ระวังเครื่องบินบินล้ำน่านฟ้า ซึ่งอาจจะถูกทหารยิงตก
นายกฯ กัมพูชาเปิดเผยเรื่องนี้ระหว่างไปทำพิธีประทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตใหม่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน (Norton University) ในกรุงพนมเปญ วันอังคาร (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เรียนสำเร็จในปีนี้ 975 คน หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา (Reasmei Kampuchea) รายงาน
สมเด็จฯ ฮุนเซนยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันยันยังมีขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานเหลืออยู่จำนวนมาก รวมทั้งแบบที่ใช้ประทับไหล่ยิงด้วย ซึ่งตนเองไม่สามารถไปบัญชาคนที่ใช้อาวุธทันสมัยเหล่านี้ที่ชายแดนได้
ผู้นำกัมพูชากล่าวเลยไปถึงเรื่องนี้ ขณะที่เล่าเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) โดยระบุว่านั่นเป็นเพียงจรวด 122 มม.ธรรมดาๆ ซึ่งมีใช้งานมานานหลายปีแล้ว แต่กองทัพกัมพูชายังมีจรวดและขีปนาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงและขนาดใหญ่กว่านั้นอีกจำนวนมาก
ผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดในกัมพูชากล่าวว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้บอกกับ รมว.กลาโหมกับรองนายกฯ ของไทยอย่างจริงใจ ให้ระวังมิให้เครื่องบินของไทยบินช้ำเข้าไปในน่านฟ้ากัมพูชา แม้ก่อนหน้านี้กัมพูชาได้ทำลายขีปนาวุธ (ต่อสู้อากาศยาน) แบบประทับบนบ่ายิงไปแล้วรวม 270 ลูก แต่ก็ได้จัดซื้อใหม่มาแทนด้วยรุ่นที่ใหม่กว่า และตนเองไม่สามารถสั่งการ “บรรดาผู้ที่สอดนิ้วอยู่ในโกร่งไก” ได้ เพราะฉะนั้น “ประเทศไทยจะต้องดูแผนที่ให้ดี ไม่ให้บินล้ำน่านฟ้าของผู้อื่น”
“ผมได้พูด (กับฝ่ายไทย) อย่างจริงใจว่า แม้ว่าขีปนาวุธแต่ละลูกอาจจะมีราคาถึง 200,000 ดอลลาร์ ผมก็จะต้องซื้อหามา”
“ผมเป็นห่วงว่าพวกเขาจะบินน้ำน่านฟ้าของเราตอนที่มีผู้นำอยู่บนนั้น.. เพราะว่าเราไม่ไม่มีเครื่องบินที่จะบินไปๆ มาๆ ได้ทุกเมื่อ มีแต่ประเทศไทยที่บินขึ้นบินลง หรือบินวนรอบๆ .. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพวกที่อยู่เบื้องล่างอดทนไม่ไหว?” สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวต่อบัณฑิตใหม่ สำทับคำเตือนถึงฝ่ายไทย
ผู้นำกัมพูชาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่ หรือเกิดขึ้นที่บริเวณไหนของแนวชายแดนและเมื่อไร
แต่นายกฯ กัมพูชาเปิดเผยต่อไปอีกว่า ได้บอกกับฝ่ายไทยอย่างตรงไปตรงมา ทหารกัมพูชาที่ประจำตามแนวชายแดนจะมีจำนวนเท่าเดิม และจะไม่มีการถอนทหาร ตราบเท่าที่ทหารไทยราว 30 คนยังไม่ได้ถอนออกไป และ “กระดูกของพวกเขาจะถูกฝังเอาไว้ที่นั่น”
ในคราวเดียวกันนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้เตือนรองนายกฯ กับ รมว.กลาโหมของไทย เกี่ยวกับสงครามชายแดน ที่จะเกิดขึ้นได้ถ้าหากไทยหวังส่งทหารบุกเข้ายึดปราสาทพระวิหาร โดยได้เตือนว่า ไทยจะต้องใช้ทหารระหว่าง 35,000-50,000 คน ในการสู้รบกับทหารกัมพูชาราว 10,000 คน ซึ่งประจำที่นั่น เนื่องจากทหารกัมพูชาล้วนแต่กรำศึกมานาน
“ประเทศไทยมีอาวุธที่ทันสมัยกว่าและมีกำลังพลมากกว่ากัมพูชา ไทยมีกำลังพล 300,000 นาย ขณะที่กัมพูชามีเพียง 100,000 นาย แต่ในการป้องกันประเทศ กัมพูชาพร้อมและยินดีที่จะต่อกรกับไทยจนวาระสุดท้าย”
“เราไม่ต้องการทำสงครามกับเพื่อนบ้าน แต่มันเป็นสิทธิโดยอัตโนมัติที่จะป้องกันตนเอง ต่ออะไรก็ตามที่ชายแดน” สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว