ASTVผู้จัดการออนไลน์-- กองทัพกัมพูชาได้เผยเขี้ยวเล็บสำคัญ รวมทั้งขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานกับจรวดหมู่ GRAD ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต กับ รถถังที่ยังมีสภาพดีจากจีน เป็นการสำทับคำขู่ของผู้นำกัมพูชา ที่เคยเตือนว่ากัมพูชามีขีปนาวุุธจำนวนมากพอที่จะยิงเครื่องบินไทยที่บินล้ำน่านฟ้า
อาวุธทันสมัยที่สุดของกองทัพถูกนำออกแสดงในพิธีสวนสนามของกองพลน้อยที่ 70 (Brigade 70) ที่จัดขึ้นภายในที่ตั้งชานกรุงพนมเปญ ในโอกาสครบรอบปีที่ 15 นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมาทำหน้าที่พิทักษ์ผู่นำกับครอบครัว
ตามรายงานของสื่อในกัมพูชาตามข้อมูลของสื่อในกัมพูชา ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวผู้นำได้บริจาคเงินส่วนตัวเพื่อพัฒนากองกำลังรบที่สำคัญนี้รวม 2,722,531 ดอลลาร์ และ ยังสร้างอาคารขนาดต่างๆ ให้อีก 59 หลัง
แต่ในปีนี้ได้มีการปฏิรูปใหม่ แยกกองกำลังพิทักษ์ ผู้นำออกจากกองพลน้อยที่ 70 ไปตั้งเป็นกองบัญชาการอิสระต่างหาก
การสวนสนามเป็นไปอย่างเอิกเริก โดยมีสมเด็จฯ ฮุนเซน ในเครื่องแบบนายพล 4 ดาวจอมทัพ ยืนตระหง่านอยู่บนรถยนต์ตรวจการณ์ วันทยาหัตรับการแสดงความเคารพจากเหล่าทหารหาญ ที่อยู่ในชุดพรางงามสง่า ในขบวนแถวกองร้อยต่างๆที่ บ้างก็ติดอาวุธปืนเอเค-47 กระบอกใหม่ผลิตในประเทศจีน บ้างก็แบกเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง
อีกหนึ่งกองร้อยนำจรวดต่อสู้อากาศยาน ที่ยังไม่ทราบรุ่นออกอวดโฉมโดยบรรทุกไปในรถจี๊ป ขณะที่รถบรรทุกอีกนับสิบคัน ได้นำจรวดหมู่แบบ GRAD ที่ผลิตในรัสเซียผ่านไป
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในช่วงสงครามเย็น กองทัพกัมพูชาเคยมีขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศในครอบครองจำนวนมาก รวมทั้งแบบ SAM7 กับ SAM3 ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต
ในยุคใหม่ได้มีการทำลายลงจำนวนมาก ภายใต้อำนวยการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกรงว่า อาวุธร้ายจะตกถึงมือกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ และจะเป็นภัยคุกคามต่อการบินพาณิชย์ของโลก
สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้เคยกล่าวถึงการใช้อาวุธต่อสู้อากาศยานต่อกรกับ "การรุกราน" ของไทย ถ้าหากจำเป็น
วันที่ 30 มิ.ย.ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวเตือนประเทศไทย ให้ระวังเครื่องบินที่บิน ล้ำน่าฟ้าโดยกล่าวว่าไม่สามารถห้ามทหารที่ชายแดนไม่ให้เหนี่ยวไกปล่อยอาวุธต่อได้ และยังสำทับอีกว่า ถึงแม้หลายปีมานี้กัมพูชาจะได้ทำลายขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานแบบประทับไหล่ยิงไปแล้วถึง 270 ลูก แต่ก็ได้นำเอารุ่นใหม่ที่ทันสมัยยิ่งกว่าเข้าประจำการอีกจำนวนมาก เพราะฉะนั้นประเทศไทยควรระวังให้ดี
"ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า ถึงแม้ว่าขีปนาวุธพวกนี้จะมีราคาถึงลูกละ 120,000 ดอลลาร์ก็จะหาซื้อมันมา" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวระหว่างพิธีประศาสน์ปริญญาบัตร แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ตัน จำนวน 975 คน ในกรุงพนมเปญ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์กัมโบดจ์ซวาร์ (Cambodge Soir)
ในโอกาสเดียวกันนี้สมเด็จฯ ฮุนเซน ยังได้ยืนยัน เหตุการณ์วันที่ 28 มิ.ย. ณ ที่ตั้งกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ ภายในค่ายตวลกระแซง (Tuol Krasaing) ในเขต อ.ตาขเมา (Takhmao) จ.กันดาล (Kandal) ซึ่งอยู่ชานกรุงพนมเปญ
ในเหตุการณ์ดังกล่าว จรวดแบบ BM-21 "GRAD" ที่ผลิตในรัสเซีย เกิดระเบิดขึ้นด้วยความเลินเล่อของทหารชั้นผู้น้อย จรวดที่โดนแรงระเบิดแต่ไม่ระเบิด ปลิวว่อนเข้าไปในบ้านพักของผู้นำ
เดชะบุญมีทหารได้รับบาดเจ็บเพียง 2 คนในเหตุการณ์ ขณะที่ พล.ท.ฮิง บุนเฮียง (Hing Bunheang) ผบ.กองกำลังพิทักษ์ผู้นำ กล่าวว่า หน่วยรบดังกล่าวสูญจรวดบนรถบรทุกไปจำนวน 5 คัน ทั้งหมดกำลังจะมุ่งหน้าไปยังชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร
สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวถึงเรื่องนี้ในวันที่ 30 มิ.ย.ว่า จรวดที่สูญเสียไปในเหตุการณ์นี้เป็นเพียงประมาณ 1% ของที่มีใช้ในกองทัพเท่านั้น แต่ละลูกมีราคา 3,000 ดอลลาร์
"ไม่อยากจะคุย กัมพูชายังมีทั้งจรวดขนาดกลาง ทั้งขนาดใหญ่กว่านี้อีก" ผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดกล่าว
ที่ผ่านมาฝ่ายค้านกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในกัมพูชากล่าวหาว่า พลน้อยที่ 70 เป็น "กองทัพส่วนตัว" ของสมเด็จฯ ฮุนเซน เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า และมีประวัติอาชญากรรม กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูง
รัฐบาลกัมพูชาได้ออกกฤษฎีกาฉบับหนึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ แยกกองกำลังพิทักษ์ผู้นำออกจาก กองพลน้อยที่ 70 โดย พล.ท.ฮิง บุนเฮียง ผบ.กองพลน้อยดังกล่าวถูกย้ายตามไปบัญชากองกำลังพิทักษ์ผู้นำ
ผู้บัญชาการโดยตรงของ พล.ท.ฮิงบุนเฮือง คือ พล.อ.กุนกิม (Kum Kim) หนึ่งใน 4 รองผู้บัญชาการกองทัพ ที่สมเด็จฯ ฮุนเซน แต่งตั้งเมื่อต้นปีนี้ พร้อมกับการแต่งตั้ง พล.อ.พลสะเรือน (Pol Saroeun) ขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ทั้งหมดนี้มีขึ้นหลังจาก สมเด็จฯ ฮุนเซน ปลด พล.อ.แกกิมยาน (Ke Kim Yan) อดีต ผบ.กองทัพ ออกจากตำแหน่งแบบกลางอากาศ
พล.อ.เตีย บัญ (Tea Banh) รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวกับสื่อในกรุงพนมเปญในสัปดาห์ต้นเดือนนี้ว่า การแยกตัวออกจากกัน เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยกำลังสำคัญทั้งสองหน่วย โดยกองพลน้อยที่ 70 จะเป็นหน่วยรบที่มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับกองกำลังพิเศษคุ้มกันนายกรัฐมนตรีที่แยกตัวออกไป ตั้งเป็นกองบัญชาการต่างหาก
"ทุกประเทศล้วนมีหน่วยคุ้มกันผู้นำ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก" รมว.กลาโหมกัมพูชากล่าว โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด แต่ก็กล่าวด้วยว่า นอกจากจะคุ้มกันครอบครัวผู้นำแล้ว หน่วยรบใหม่ยังจะปฏิบัติการร่วมกับหน่วยรบอื่นๆ ของกองทัพด้วย
"กองบัญชาการใหม่มีภารกิจในการพิทักษ์ความมั่นคงปลอดภัยของท่านผู้นำ และ ยังจะต้องเข้าร่วม (ภารกิจ) อื่นๆ รวมทั้งการป้องกันประเทศที่ชายแดนด้วย" พล.ต.โรส ชอม (Ros Chhorm) รองปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าว
แต่แหล่งข่าวในหน่วยรบใหม่กล่าวว่า กองกำลังพิทักษ์ผู้นำจะอยู่ใต้บัญชาการของสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยเฉพาะ
นักวิเคราะห์เคยกล่าวว่า หน่วยพิทักษ์ผู้นำกัมพูชามีกำลังพลไม่ต่ำ 4,000 คน บ้านพักของผู้นำอยู่ในค่ายทหารแห่งนี้ และ ยังเป็นหน่วยรบที่ติดอาวุธทันสมัยที่สุด ที่มีใช้ในกองทัพ
กองกำลังพลติดอาวุธทันสมัย ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีส่วนหนึ่งได้ออกปรากฏตัว ทำหน้าที่คุ้มกันท่านผู้หญิงบุนรานีฮุนเซน (Bun Rany Hun Sen) ระหว่างไปทำพิธีทางศาสนาบนปราสาทพระวิหารในเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว
บุคคลภายนอก หลายคนมองว่าการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญนี้เป็นการปรับภาพลักษณ์ เนื่องจากที่ผ่านมา ทหารจากกองพลน้อยที่ 70 เคยเข้าขับไล่ราษฎรออกจากพื้นที่ เคยเข้าปราบปรามฝูงชน ข่มขู่การเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงาน
ฝ่ายค้านกับองค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ยังกล่าวหาว่า ทหารจากกองพลน้อยนี้ เป็นผู้ต้องรับผิดชอบการปาระเบิดสังหารระหว่างการเดินขบวนในปี 2540 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 16 คน นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านได้รับบาดเจ็บสาหัส
นายจันสุเวช (Chan Soveth) นักกฎหมายของกลุ่มแอดฮ็อก (Adhoc) หนึ่งในกลุ่มหรือองค์กรพิทักษ์มิทธิมนุษยชนในกรุงพนมเปญกล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายและปรับเปลี่ยน
ครั้งใหม่ เป็นความพยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์กองกำลังพิทักษ์ผู้นำ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์เป็นการส่วนตัวอีกต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใกล้ชิด
แต่นายสุเวชก็กล่าวว่า ที่ถูกที่ควรแล้วกองกำลังรบที่กินเงินเดือนจากภาษีอาการของประชาชน จะต้องไม่เป็นกองกำลังส่วนตัวของผู้ใดทั้งสิ้น ควรจะรับใช้ประชาชน ออกช่วยเหลือราษฎรท้องถิ่นต่างๆ ในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่
นายอามซัมอาต (Am Sam At) ที่ปรึกษาด้านวิชาการขององค์การสิทธิมนุษยชนลิคาโด (Licadho) ในกรุงพนมเปญ กล่าวว่า ตราบเท่าที่กองกำลังคุ้มกันผู้นำ ยังคงมีอำนาจบัญชาเหนือหน่วยงานอื่นๆ อยู่ต่อไป กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชาก็จะยังคงไร้ระบบระเบียบอยู่ดี.